บทที่ 533 กาลเวลาผ่านไป
ไม่ต่างไปจากการทากาวผสมสี ทั้งสองร่างรวมเข้ากันได้อย่างเผ็ดร้อน ร่างทั้งสองพัวพันกันอยู่ตลอดเวลา
ชีวิตก็เหมือนกับการเดินทางที่ท้าทาย และจ้าวอู่เจียงก็เป็นนักเดินทางเช่นกัน
วันนี้ เขาควบคุมตัวเองไม่ได้และเริ่มออกเดินทางอีกครั้ง
ต่อหน้าภูเขาสูงตระหง่าน จ้าวอู่เจียงลังเล
ลมพัดผ่านภูเขา ป่าและหุบเขา คล้ายกลิ่นน้ำเค็มโชยพัด
เขาไปที่นั่นคนเดียว บุกตะลุยฟันฝ่าผืนป่าหนาทึบ
เสียงร้องครางดังในหู เขาเห็นฮ่องเต้หญิงขมวดคิ้วและกัดริมฝีปากของนางอยู่
ดูน่าสงสารและอ่อนโยนในเวลาเดียวกัน
เสียงของฮ่องเต้หญิงซึ่งแต่เดิมเต็มไปด้วยความมีอำนาจ กลับกลายเป็นเสียงนุ่มนวลปนกระเส้า มันเป็นเพียงเสียงกระซิบ ไม่ได้เกี้ยวพาราสีเกินไป แต่มันช่างไร้ขอบเขตและมีเสน่ห์ จุดประกายความปรารถนาของจ้าวอู่เจียงให้ลุกโชนร้อนแรงมากกว่าเดิม
จ้าวอู่เจียงไม่ได้บุกตะลุยอย่างหนักหน่วงมากนัก เขาค่อย ๆ จ้องมองหยาดน้ำตาซึ่งคล้ายกับน้ำค้างในฤดูใบไม้ร่วงในดวงตาของฮ่องเต้หญิงจนสุดท้ายกลายเป็นน้ำพุเอ่อล้น
น้ำอีกช่องทางหนึ่งไหลออกมาอย่างขุ่นข้น
ฟันสีเงินของฮ่องเต้หญิงกำลังขบริมฝีปากสีแดงของนาง คิ้วของนางขมวดมุ่น ไม่กล้าร้องครางเสียงดังมากเกินไปเพราะกลัวจะทำให้คนนอกห้องบรรทมตกใจ
สำหรับความรักที่มีต่อจ้าวอู่เจียง เซวียนหยวนจิ้งไม่รู้ว่ามันเริ่มต้นจากจุดไหน แต่ยิ่งผ่านเวลาไปยาวนานเพียงใด ความรักนั้นก็ยิ่งลึกซึ้งขึ้นเท่านั้น
ในสมัยโบราณมีคนขี้เมาทุบตีเสือภูเขา แต่บัดนี้มีชายผู้หนึ่งฆ่าเสือขาวด้วยความรักอันไร้ขอบเขตด้วยมือเปล่า ท่อนไม้ผงาดง้ำพุ่งตรงเข้าไปไม่ต่างจากพญามังกรมุดถ้ำ
ครึ่งชั่วยามต่อมา จ้าวอู่เจียงก็ได้รับชัยชนะกลับออกมา
ฮ่องเต้หญิงดูเขินอายไม่น้อย แล้วกาลเวลาก็ผ่านไป
…
ฟางเส้นสุดท้ายได้ขาดสะบั้นลงแล้ว แผนการเปิดฉากสงครามเพื่อเร่งกระบวนการทำลายล้างโลกใบนี้ในที่สุดก็ได้อุบัติขึ้น
ซึ่งทุกอย่างก็เป็นไปตามการคาดเดาของบรรดาขุนนางใหญ่ในราชสำนักต้าเซี่ย สงครามครั้งนี้พวกเขาไม่เพียงแต่ต้องรับมือชาวหนานเจียงและชาวเผ่าโหลวหลานเท่านั้น แต่ยังต้องรับมือกับชาวโพ้นทะเลจากแดนตะวันออกอีกด้วย
นอกจากต้องรับมือการโจมตีจากศัตรูผู้รุกรานรอบทิศทางแล้ว สิ่งที่หลายคนคิดไม่ถึงก็คือ ภายในแคว้นต้าเซี่ยเองกลับเกิดการล่มสลายรวดเร็วกว่าที่คิด



ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้านี่แหละขันทีอันดับหนึ่งในใต้หล้า