บทที่ 561 แม้ต้องตายก็ยอม
เสียงร้องไห้ของฝูงชนชาวต้าเซี่ยดังขึ้นอย่างสะเทือนอารมณ์ พวกเขาต่างหวาดกลัวและพยายามหนีห่างจากเทพเจ้าผู้มีหมอกดำปกคลุมตัว ทว่ายอดฝีมือที่ล้อมอยู่รอบ ๆ นั้น ทำให้พวกเขาไม่สามารถหลบหนีได้ และต้องเงยหน้ามองหวังพึ่งพิงเทพเจ้าที่ชื่อว่าจ้าวอู่เจียงผู้เดียว
จ้าวอู่เจียงรับรู้ถึงสายตาเหล่านั้น สายตาที่เต็มไปด้วยความหวัง ความกลัว ความกังวล ความโกรธเคืองและคำขอร้อง
สายตาเหล่านี้เปรียบเสมือนคมมีดเย็นเฉียบ บาดลึกเข้าถึงจิตใจของเขา สายฝนที่กระหน่ำลงมาทำให้เสื้อผ้าของเขาเปียกโชก น้ำซึมเข้าสู่บาดแผลสร้างความเจ็บปวดเพิ่มขึ้นอย่างไม่หยุดหย่อน
เขาเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ฝนตกลงมากระทบใบหน้าของเขา ชายหนุ่มยิ้มอย่างอบอุ่น แม้จะมีความขมขื่นปะปนอยู่ไม่น้อยก็ตาม
เขารู้ดีว่านอกจากคนที่เกิดมาชั่วร้ายโดยธรรมชาติ ผู้คนส่วนใหญ่ล้วนมีจิตใจเมตตา
แต่ผู้คนส่วนใหญ่ก็มักโกรธเคืองต่อความไม่ยุติธรรมและความสกปรกโสมมของโลกใบนี้ ต่างเยาะเย้ยความเมตตาของผู้อื่นที่ดูเหมือนเกินความจำเป็น
สุดท้าย พวกเขาก็ดูเหมือนจะผ่านโลกมามากและหมดหวังในโลกนี้ จนกลายเป็นคนเย็นชาไม่สนใจสิ่งใด
แต่เมื่อเห็นคนอื่นกำลังทุกข์ทรมานหรือได้รับความยากลำบาก พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกสงสารและอยากจะช่วยเหลือ
จ้าวอู่เจียงก็เช่นกัน เขาไม่ใช่นักบุญจอมปลอม ไม่ได้คลั่งไคล้การทำบุญแต่ก็ไม่ใช่คนเย็นชาหรือโหดร้าย
เขาเพียงแค่ทนเห็นความทุกข์ทรมานของผู้บริสุทธิ์ไม่ได้
ชายหนุ่มเคยยืนตากฝน เขาจึงต้องการกางร่มให้คนเหล่านั้น แม้เพียงชั่วขณะหนึ่งก็เพียงพอแล้ว
หากฝูงชนชาวต้าเซี่ยที่อยู่ด้านล่างเป็นคนชั่วร้ายทั้งหมด จ้าวอู่เจียงคงจะไม่สนใจ แต่คนเหล่านี้บริสุทธิ์ เขาก็ไม่สามารถทำใจให้เหี้ยมโหดได้จริง ๆ
ยิ่งไปกว่านั้น ชายหนุ่มรู้ดีว่าตนเองไม่อาจรอดพ้นจากการต่อสู้ในครั้งนี้ และจะต้องตายไปพร้อมกับการล่มสลายของโลกทั้งใบ
เสียงกระบี่ดังขึ้นหวีดหวิว พลังปราณกระบี่ทั้งหมดถูกดูดกลับเข้าสู่ร่างของเขา ชายหนุ่มทิ้งตัวลงมายืนอย่างมั่นคงบนซากปรักหักพัง
จ้าวอู่เจียงมองฝูงชนด้วยสายตาแห่งความเมตตาและความสงบสุข
เขารู้สึกสงสารโลก สงสารตัวเอง
เขายอมรับความเป็นจริงอย่างสงบและเปล่งเสียงร้องอย่างกล้าหาญว่า



ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้านี่แหละขันทีอันดับหนึ่งในใต้หล้า