บทที่ 665 สัญญาณแห่งการสังหาร
ฉุยซูจีและฉุยเฟิงอี้สองพี่น้องเริ่มเล็งหาอสูรใต้ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว พวกเขาไม่ได้รู้สึกถึงการสั่นสะเทือนรุนแรงจากอสูรเหล่านี้เลย จึงตัดสินใจลงมืออย่างรวดเร็วเพื่อยึดครองสมบัติ
ต่งจินสุ่ยที่มีท่าทางหยิ่งยโส ปฏิเสธข้อเสนอร่วมมือจากผู้บำเพ็ญผู้เก่งกล้าและยืนมองไปรอบๆ อย่างระมัดระวัง ไม่มีผู้ใดรู้ว่าเขากำลังมองหาอะไร
หลี่ซงซินที่ถูกคนในสำนักเทพอสูรเย้ยหยันว่าเป็น “หลี่ขี้ขลาด” ก็นั่งสมาธิภายใต้ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว หลับตาพักผ่อน
จินเหลียนที่ได้รับคำตอบจากจ้าวอู่เจียง ใบหน้าแสดงความผิดหวังและเศร้าหมอง พูดเสียงเบาๆ
“ก็ได้ พี่อู๋เจียง…ข้าน้อยจะไปหาคนอื่นมาช่วยแทน พี่ไม่ว่าอะไรใช่ไหม?”
จ้าวอู่เจียงยังคงส่ายหน้าแสดงท่าทางเย็นชา ความคิดของเขามุ่งอยู่ที่พลังปีศาจที่กำลังลุกไหม้ในร่างกาย
แม้ว่าพลังปีศาจจะเผาผลาญออกไป แต่เขาไม่ได้รู้สึกอ่อนแรง กลับรู้สึกว่าการฝึกตนของเขากลับยิ่งกระชับขึ้น
และพลังปีศาจที่ถูกเผาผลาญไปบางส่วนก็ถูกเติมเต็มด้วยแสงดาวที่ไหลเข้าสู่ร่างกายของเขา ความรู้สึกนี้แปลกประหลาดอย่างมาก
เขารู้สึกราวกับว่าการมาถึงชั้นนี้เหมือนกับการกลับบ้าน ทำให้รู้สึกสบายใจและผ่อนคลายอย่างอธิบายไม่ถูก
จินเหลียนหันหลังเดินจากไป ใบหน้าแสดงความครุ่นคิด
ฉุยซูจีและฉุยเฟิงอี้ที่เป็นพี่น้องกันได้เริ่มล่าอสูรภายใต้ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวแล้ว พวกเขาจัดการวัวเหลืองขนาดใหญ่ตัวหนึ่งอย่างรวดเร็ว
เมื่อวัวเหลืองตายลง มันเปลี่ยนสภาพกลายเป็นมวลพลังสามลูก
ฉุยซูจีและฉุยเฟิงอี้ได้รับอาวุธวิเศษสองชิ้นและคัมภีร์ลับหนึ่งเล่มจากมวลพลังเหล่านั้น ทั้งคู่หัวเราะด้วยความดีใจ
การล่าอสูรนี้ไม่ใช้พลังมากนัก แต่ผลตอบแทนกลับมากมายเกินคาดคิด
เหตุการณ์นี้ทำให้ผู้เก่งกล้าคนอื่นๆ เริ่มกระตือรือร้น บางคนเริ่มล่าอสูรคนเดียว บางคนก็ร่วมมือกัน
อสูรเหล่านี้ดูเหมือนจะมีขนาดใหญ่โต แต่พลังต่อสู้จริงๆ กลับอยู่ในตอนต้นของขอบเขตสร้างรากฐานเท่านั้น ไม่ยากที่จะจัดการ
ต่งจินสุ่ยเองก็เริ่มล่าอสูรเช่นกัน

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้านี่แหละขันทีอันดับหนึ่งในใต้หล้า