บทที่ 7 ไม่ทันตั้งตัว (รีไรท์)
“ฝ่าบาททรงเป็นฮ่องเต้ผู้ปกครองใต้หล้า หากพระองค์ต้องการให้ผู้คนรักใคร่ พระองค์ก็ต้องแบ่งปันความรักอย่างทั่วถึง จริงหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”
“ทูลฝ่าบาท กระหม่อมคิดถึงเรื่องนี้มานานแล้ว พระองค์ทรงเป็นกังวลเกี่ยวกับตระกูลตู๋กูเหมือนกันใช่หรือไม่? เช่นนั้นแล้วพระองค์ก็น่าจะรับนางสนมจากตระกูลอื่นมาไว้ข้างกาย เพื่อคานอำนาจตระกูลตู๋กูบ้างพ่ะย่ะค่ะ”
เซวียนหยวนจิ้งได้แต่ลอบด่าขุนนางเฒ่าคนนี้อยู่ในใจ แต่ภายนอกยังยิ้มแย้มเป็นปกติ และยังพยักหน้าอย่างจริงจังอีกด้วย
“ราชเลขาหลิวกล่าวได้ถูกต้องแล้ว”
“ทูลฝ่าบาท กระหม่อมก็มีบุตรสาวอันเป็นที่รักยิ่งเข้าวังหลวงมาได้สองปีแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
เสนาบดีกรมคลังรีบคุกเข่าลงบนพื้น ดวงตาร้อนผ่าว จ้องมองไปที่องค์ฮ่องเต้
มือของเซวียนหยวนจิ้งกำที่เท้าแขนของบัลลังก์แน่น หากเปลี่ยนเป็นฮ่องเต้องค์อื่นก็คงไม่มีปัญหากับการรับตัวนางสนมมากมายถึงเพียงนี้ แต่ปัญหาคือนางเป็นสตรีเหมือนกันนี่สิ!
ดูเหมือนจะมีแต่จ้าวอู่เจียงเท่านั้นที่ช่วยนางได้
เพื่อความสงบสุขของราชวงศ์ต้าเซี่ย ขันทีปลอมผู้นี้มีแต่ต้องเสียสละเท่านั้น!
เซวียนหยวนจิ้งยกมือนวดหว่างคิ้วของตน ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“พวกเจ้าไม่ต้องเป็นกังวล ข้าจะแบ่งปันความรักให้แก่พวกนางอย่างทั่วถึงเท่าเทียมแน่นอน”
ราชเลขาฝ่ายขวาหลิวเจ๋อและขุนนางคนอื่น ๆ พากันโค้งตัวลงคำนับ
“ฝ่าบาททรงพระปรีชาสามารถ กระหม่อมขอถวายความจงรักภักดีต่อพระองค์จนกว่าชีวิตจะหาไม่!”
“พวกเจ้าออกไปได้แล้ว” เซวียนหยวนจิ้งพูดด้วยน้ำเสียงเคร่มขรึม
ราชเลขาฝ่ายขวาหลิวเจ๋อและขุนนางคนอื่น ๆ ต่างพากันล่าถอยออกไป พวกเขาปิดประตูตามหลังด้วยความนอบน้อม
ได้ยินเสียงพูดคุยดังขึ้นด้านนอก เป็นเสียงของหนึ่งในหกขุนนางคนสำคัญ
“ดูเหมือนจะมีสงครามแย่งชิงครรภ์มังกรแล้วสินะ เหล่าจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์ต่างเลี้ยงดูบุตรหลานขึ้นมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ อีกไม่นาน ฝ่าบาททรงต้องรับศึกหนักเป็นแน่!”
เซวียนหยวนจิ้งยังอยู่ภายในห้องล้วนได้ยินบทสนทนาชัดเจน มุมปากกระตุกเล็กน้อย นางยกมือลูบคิ้ว คงต้องเดินกลับไปหาจ้าวอู่เจียง
เรื่องนี้นางจนปัญญาแล้วจริง ๆ
“คิดไม่ถึงเลยว่า การรักษาบัลลังก์เอาไว้ จะต้องพึ่งพาเจ้าขันทีน้อยจ้าวอู่เจียงผู้นี้อีก”
…
ในห้องบรรทมของฮ่องเต้
จ้าวอู่เจียงนั่งอยู่บนเก้าอี้มังกร กำลังรับประทานอาหารที่ทางครัวหลวงจัดเตรียมมาให้
รอบกายมีขันทีอีกสามคนและนางกำนัลอีกสองคน ทุกคนต่างรับรู้ว่าขันทีน้อยผู้นี้กลายเป็นคนโปรดขององค์ฮ่องเต้ ดังนั้น พวกเขาจึงพร้อมใจพากันประจบเอาใจจ้าวอู่เจียงไม่ห่าง
“ใต้เท้าจ้าวช่างหล่อเหลาจริง ๆ”
“ใต้เท้าจ้าวช่างหล่อเหลาเหลือเกิน”
“ใต้เท้าจ้าวช่างหล่อเหลายิ่งนัก”
จ้าวอู่เจียงเกือบสำลักอาหาร บ่นพึมพำออกมาว่า “พวกท่านไม่มีคำชมอื่นอีกแล้วหรือ?”
กลุ่มขันทียกมือเกาศีรษะ พวกเขาไม่เคยเรียนหนังสือในระดับสูง จึงไม่รู้จะชมเชยผู้อื่นเช่นไร โดยเฉพาะคนสนิทขององค์ฮ่องเต้ นี่คือเรื่องน่าอึดอัดใจยิ่งนัก
นางกำนัลทั้งสองคนเฉลียวฉลาดมากกว่า พวกนางพากันขึ้นมานั่งบนตักของจ้าวอู่เจียงเพื่อโปรยเสน่ห์
“ใต้เท้าจ้าวช่างมีสง่าราศี ข้าน้อยรู้สึกอบอุ่นทุกครั้งยามอยู่ใกล้ใต้เท้า”
ขันทีทั้งสามกลอกตามองบน รีบกระจายกำลังกันห้อมล้อมหน้าหลังจ้าวอู่เจียง และเริ่มต้นทำการนวดด้วยความทะนุถนอม
จ้าวอู่เจียงเป็นคนโปรดของฮ่องเต้ ถือเป็นพรจากฟ้า แม้จะเป็นขันทีอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน แต่สถานะก็แตกต่างกันมาก
พวกเขาทำงานรับใช้วังหลวงมาหลายปี แต่ยังไม่เคยได้รับพระราชทานของขวัญพิเศษจากองค์ฮ่องเต้มาก่อน บัดนี้ กลุ่มขันทีทั้งสามจึงอยากเข้ามาตีสนิทจ้าวอู่เจียง เพื่อดูว่าขันทีน้อยผู้นี้มีกลเม็ดเด็ดพรายอันใดในการทำให้ตนเองกลายเป็นคนโปรดของฝ่าบาท
จ้าวอู่เจียงได้รับการนวดขณะรับประทานขนมหวาน แน่นอนว่า เขาจะหลงระเริงไปกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าไม่ได้เด็ดขาด
แต่ขันทีหนุ่มสามารถใช้โอกาสนี้สืบถามข้อมูลเกี่ยวกับอาสามได้ เพราะความต้องการที่อยากจะปกป้องจ้าวอู่เจียง อาสามจึงไม่เคยเปิดเผยความสัมพันธ์ที่แท้จริงระหว่างพวกเขาให้ใครฟังมาก่อน ด้วยเหตุนี้ จึงมีคนรู้สถานะแท้จริงระหว่างพวกเขาน้อยมาก
“ว่าแต่ว่า พี่ชายพี่สาวทุกท่าน ไม่ทราบว่ามีผู้ใดรู้จักชายชราที่มีความรอบรู้เรื่องการแพทย์ในตำหนักขององค์ฮองเฮาบ้างหรือไม่?”
ขันทีจ้าวอู่เจียงอุตส่าห์เรียกพวกเขาว่าพี่สาวพี่ชาย ช่างเป็นคนจิตใจอ่อนโยนยิ่งนัก
“ใต้เท้าจ้าวคงกำลังพูดถึงขันทีจ้าวโส่ว ผู้ใช้แซ่เดียวกับท่านใช่หรือไม่?”
“เขาเองก็เคยช่วยพวกข้าน้อยบ่อยครั้ง พวกเราจะไม่รู้จักได้อย่างไร”
“ใช่แล้วเจ้าค่ะ ขันทีจ้าวโส่วมีฝีมือด้านการแพทย์โดดเด่นแบบหาตัวจับได้ยากทีเดียว นอกจากรักษาฮองเฮาแล้ว เขาก็เคยรักษาคนต่ำต้อยเช่นพวกเราอยู่บ่อยครั้ง”
“เฮ้อ! ช่างน่าเสียดายจริง ๆ ข้ารับใช้ชั้นต่ำอย่างพวกเรายามป่วยไข้ ก็ไม่ได้รับการดูแลจากหมอหลวงแม้แต่น้อย พวกเราต้องดูแลตัวเองเท่านั้น โชคยังดีเมื่อตลอดหลายปีที่ผ่านมา พวกข้าน้อยล้วนได้รับการช่วยเหลือจากท่านจ้าวโส่ว มิฉะนั้น คงมีขันทีหรือนางกำนัลล้มป่วยจนตายจากไปมากโขเป็นแน่”
“พวกเราเองก็คิดถึงเขาเช่นกัน ช่างโชคร้ายเหลือเกิน จ้าวกงกงจากไปอย่างไม่มีวันกลับ เกรงว่าเขาคงติดเชื้อโรคร้ายแรงเข้าให้แล้ว”
“เรื่องนั้นก็พูดยากนะ” นางกำนัลที่นั่งอยู่บนตักของจ้าวอู่เจียงยิ้มออกมาเล็กน้อย


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้านี่แหละขันทีอันดับหนึ่งในใต้หล้า