บทที่ 81 ภาพวาดไก่จิกข้าวเปลือก
แกร๊งงง!
เสียงระฆังดังกังวาน การประมูลในหอการค้าเจียงตู่เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ
ชายชราในชุดเสื้อคลุมสีเหลืองผู้มีใบหน้าอ่อนโยนคนหนึ่งก้าวเดินขึ้นไปบนเวที ด้านหลังมีข้ารับใช้สองคนช่วยกันแบกหีบไม้ขนาดใหญ่เท่าตัวคนตามมาด้วย
เมื่อหีบไม้ถูกเปิดออก ชายชราในชุดเสื้อคลุมสีเหลืองก็นำตะเกียงน้ำมันทองเหลืองดวงหนึ่งออกมา พร้อมกับไม้เท้าไม้ไผ่และรองเท้าแตะที่ทำจากฟางคู่หนึ่ง
“ของทั้งสามสิ่งนี้มาจากอารามผู่ถัวแห่งเมืองหวังโจว อย่างที่ทุกท่านได้เห็นแล้ว นี่คือตะเกียงน้ำมัน ไม้เท้าไม้ไผ่ และรองเท้าแตะฟาง” ชายชราชุดเหลืองพูดพร้อมกับยิ้มกว้าง
“แต่อย่าได้ประเมินของทั้งสามสิ่งนี้ต่ำเกินไป เพราะพวกมันต่างก็เป็นของที่ได้รับการลงอาคมจากไต้ซือคูจู้เรียบร้อยแล้ว! ผู้ใดก็ตามที่ได้ครอบครอง ชีวิตก็จะเต็มไปด้วยความมั่งคั่งร่ำรวย มีความสุข และมีชีวิตที่ยืนยาว ราคาการประมูลเริ่มต้นที่หนึ่งร้อยตำลึงทอง!”
เกิดเสียงอุทานดังขึ้นในห้องโถง ไต้ซือคูจู้เป็นนักบวชชื่อดังจากอารามผู่ถัวแห่งเมืองหวังโจว สิ่งของที่ผ่านการลงอาคมจากนักบวชรูปนี้มีน้อยมากที่จะหลุดรอดออกมาสู่โลกภายนอก ว่ากันว่าสิ่งของเหล่านั้นล้วนแฝงด้วยพลังมงคลเอาไว้มากมายมหาศาล
“สองร้อยตำลึงทอง!”
“เอาไปเลยห้าร้อยตำลึงทอง!”
“หกร้อยห้าสิบตำลึงทอง!”
ทุกคนต่างก็แย่งกันเสนอราคา จ้าวอู่เจียงได้แต่คิดว่าคนที่มารวมตัวอยู่ที่นี่ต่างก็เป็นคนโง่ที่แค่มีเงินมากเหลือใช้ เพราะไม่มีผู้ใดสามารถพิสูจน์ได้เลยว่าไต้ซือคูจู้จะมีอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์สามารถลงอาคมสิ่งของให้กลายเป็นของมงคลเปลี่ยนชีวิตผู้คนได้จริง ๆ มิหนำซ้ำ ยังไม่มีผู้ใดสามารถบอกได้ด้วยว่าของทั้งสามชิ้นนี้เป็นของจริงหรือไม่
ในที่สุด เศรษฐีร่างอ้วนคนหนึ่งก็ได้รับของประมูลทั้งสามชิ้นไปด้วยราคามากถึงหนึ่งพันตำลึงทอง เมื่อได้ครอบครองสิ่งของเหล่านั้น เศรษฐีร่างอ้วนก็ยิ้มกว้างด้วยความพึงพอใจ และเขาก็ยิ่งพอใจมากยิ่งขึ้นไปอีกเมื่อได้เห็นสายตาอิจฉาริษยาจากคนทั้งห้อง
“ของชิ้นต่อไปคือศิลาเสริมวิญญาณ” หลังการประมูลแรก ชายชราในชุดเสื้อคลุมสีเหลืองก็เอ่ยถึงของของประมูลชิ้นต่อไป เขาสั่งให้ผู้คนยกของชิ้นใหม่ขึ้นมา มันเป็นก้อนหินที่มีขนาดเท่ากับสมองคน แต่เมื่อมองจากด้านข้าง ก็จะเห็นเหมือนกับมีคำว่า ‘อายุยืน’ แกะสลักไว้บนก้อนหินนั่น เมื่อผู้คนในห้องโถงเห็นเช่นนี้ก็อดถอนหายใจออกมาไม่ได้ และการประมูลที่แสนดุเดือดก็เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง
จ้าวอู่เจียงเฝ้าดูด้วยความเบื่อหน่าย
“ใต้เท้าจ้าวไม่สนใจประมูลสิ่งใดบ้างหรือเจ้าคะ?”
เฟิงซิ่วเอ๋อร์นั่งเคียงข้างจ้าวอู่เจียง ถามออกมาด้วยเสียงอ่อนโยน
จ้าวอู่เจียงค่อย ๆ ส่ายศีรษะ
“ข้ายังไม่เห็นสิ่งที่ข้าชอบเลย…”
เฟิงซิ่วเอ๋อร์ขยับกายเข้ามาใกล้ กลิ่นกายหอมกรุ่นเตะจมูกจ้าวอู่เจียงอย่างแรง
“ไม่ทราบว่าใต้เท้าจ้าวชอบสิ่งใดบ้าง ซิ่วเอ๋อร์จะช่วยจับตาดูให้ท่านเอง”
ทางด้านหลัง ฉินเฉินกำลังนั่งมองด้วยแววตามาดร้าย สายตาจับจ้องไปที่จ้าวอู่เจียงกับเฟิงซิ่วเอ๋อร์ และเมื่อเห็นหญิงสาวโน้มตัวเข้าไปหาบุรุษหนุ่มจนหัวไหล่แทบจะชนกันอยู่แล้ว หัวใจของฉินเฉินก็ยิ่งรู้สึกแหลกสลาย ความโกรธแค้นทำให้เขาปรารถนาที่จะเข้าไปสังหารจ้าวอู่เจียงเสียเดี๋ยวนี้เลย
ทุกคนตะโกนเสนอราคา แล้วชายชราในชุดสีเหลืองก็บอกให้ผู้ติดตามของตนนำสิ่งของออกมาแสดงบนเวทีต่อไปเรื่อย ๆ ชิ้นแล้วชิ้นเล่า
“สิ่งต่อไปนี้เป็นภาพวาดต้นฉบับของอู๋ต้าวซือ เป็นภาพไก่จิกข้าวเปลือกในเทือกเขาชิงซาน” ชราในชุดเสื้อคลุมสีเหลืองยกมือลูบเคราของตนแผ่วเบา ข้ารับใช้ยื่นส่งกล่องไม้ใบหนึ่งให้ ก่อนที่ชายชราจะนำม้วนภาพวาดออกมาคลี่
มันเป็นภาพวาดภูเขาอันกว้างใหญ่ในหมู่บ้านที่เทือกเขาชิงซาน ไก่ห้าตัวกำลังจิกข้าวเปลือกอยู่บนพื้นดิน พวกมันล้วนเป็นไก่ที่โตเต็มวัย ภาพวาดนี้ทำให้ผู้คนรู้สึกได้ถึงความสงบสุขที่แท้จริง



ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้านี่แหละขันทีอันดับหนึ่งในใต้หล้า