บทที่ 823 เสี่ยวหง
ตามปกติแล้ว เสียงฝีเท้าม้าสมควรดังก้อง แต่เมื่ออยู่ท่ามกลางทะเลทรายเปียกชื้น เสียงฝีเท้าเงียบสงัด ราวกับน้ำตาที่ไหลพรั่งพรู
แม้กลางคืนจะมืดมิด แต่ม้าตัวนี้ก็ราวกับสามารถมองเห็นได้ มันวิ่งไปยังสถานที่หลบภัยอย่างปลอดภัยที่สุด ซึ่งก็คือที่ตั้งของรูปปั้นมังกรเขียว
มันพาจ้าวอู่เจียงวิ่งเร็วยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ฝ่าลมยามค่ำคืนไปด้วยกัน
แต่เมื่อใกล้จะถึงรูปปั้นมังกรเขียว มันค่อยๆ ชะลอฝีเท้าลง วิ่งช้าลงเรื่อยๆ
ในที่สุด มันก็พาจ้าวอู่เจียงมาถึงใต้รูปปั้นมังกรเขียว
จ้าวอู่เจียงกระโดดลงจากหลังม้า ตบเบาๆ ที่ศีรษะของมัน พร้อมกล่าวคำขอบคุณด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
มันร้องตอบ “ฮี้ๆ” ก่อนจะจ้องมองแผ่นหลังของจ้าวอู่เจียงที่กำลังเดินจากไป สายตาของมันเหมือนต้องการจดจำชายคนนี้ไว้ให้ลึกลงไปในหัวใจ
จากนั้น มันจึงหันกลับและเดินหายไปในความมืด รอบข้อเท้าของมันปรากฏกระดิ่งเล็กๆ ขึ้นมา กระดิ่งส่งเสียงดังเบาๆ พร้อมกับมีขนสีขาวเล็กน้อยปรากฏที่หน้าผาก ขนสีขาวตัดกับขนสีน้ำตาลแดงของมันอย่างเห็นได้ชัด ขนสีขาวนั้นปลิวไหวตามสายลม ร่างที่เหลืออยู่ของมันในโลกนี้ก็กำลังจะค่อยๆ จางหายไป
แต่มันร้องเสียงดังขึ้นอีกครั้ง ก่อนจะหันกลับและวิ่งไปหาจ้าวอู่เจียงด้วยความมุ่งมั่นสุดกำลัง ร่างของมันเริ่มจางลงเรื่อยๆ มันเองก็เห็นจ้าวอู่เจียงวิ่งมาหามันเช่นกัน
แล้วมันก็หายไปต่อหน้าต่อตา
จ้าวอู่เจียงได้แต่กอดอากาศที่ว่างเปล่าอยู่ในอ้อมแขนเท่านั้น
————
มันชื่อเสี่ยวหง เป็นม้าสายพันธุ์หายากที่สามารถวิ่งได้พันลี้ต่อวัน มันเคยเป็นม้าของสำนักม้าหลวงในแผ่นดินต้าเซี่ย
แต่ก่อนมันยังไม่มีชื่อ มันเป็นเพียงหนึ่งในบรรดาม้าตัวอื่นๆ ของสำนักม้าหลวง
จนกระทั่งวันหนึ่ง ขณะที่มันกำลังอาบแดดและกินหญ้าอยู่อย่างสบายอารมณ์ มันเห็นข้าราชการชั้นผู้น้อยที่เลี้ยงดูมันทุกวันกำลังพาชายหนุ่มรูปงามผู้หนึ่งมาที่ทำการของสำนักม้าหลวง
มันได้ยินผู้คนเรียกชายหนุ่มผู้นั้นว่า “ใต้เท้าจ้าว” จึงรู้ว่านี่คงเป็นขุนนางที่มีตำแหน่งใหญ่ในวังหลวง มาที่นี่เพื่อเลือกม้าไปใช้งานเป็นพาหนะ
ชายหนุ่มสกุลจ้าวมองมันเพียงครั้งเดียวก็ตัดสินใจเลือกมันทันที เขาพูดว่ามันเป็นม้าที่ดี และวันหนึ่งจะกลายเป็นม้าที่ยอดเยี่ยมที่สุด
มันส่งเสียงเบาๆ อย่างไม่พอใจและได้แต่คิดว่า “พูดเป็นเล่น ข้าคืออาชาที่มีสายเลือดเทพเจ้า ข้าย่อมไม่แพ้ม้าตัวไหนอยู่แล้ว”
ตั้งแต่นั้นมา มันก็มีคอกม้าส่วนตัว มีอาหารชั้นดีที่เหนือกว่าเดิม และยังมีชื่อของมันเอง ชื่อว่า “เสี่ยวหง” อีกด้วย
ตอนแรกมันไม่ค่อยพอใจนัก ด้วยรูปร่างใหญ่โตของมัน มันควรจะชื่อ “ต้าหง” ไม่ใช่หรือ?
มันยังจำได้ว่า การเดินทางไกลครั้งแรกที่มันได้พาจ้าวอู่เจียงไป คือการเดินทางไปยังอารามแห่งหนึ่งในหวังโจว
มันได้เห็นทิวทัศน์ใหม่ๆ มากมายที่ไม่เคยเห็นมาก่อน และยังเห็นม้าตัวอื่นๆ อีกหลายตัว แต่ไม่มีตัวไหนที่มีขนเงางามเหมือนมันแม้แต่ตัวเดียว
และบุรุษเหล่านั้นก็ไม่มีผู้ใดหล่อเหลาเท่าจ้าวอู่เจียง
ถ้าพูดตามภาษามนุษย์ ก็คือ “บุรุษงามขี่ม้าศักดิ์สิทธิ์” นั่นเอง
ครั้งที่สองที่มันพาจ้าวอู่เจียงไป คือการเดินทางเพียงคนเดียวและม้าหนึ่งตัว ไปที่หลันโจว
ในการเดินทางครั้งนั้น จ้าวอู่เจียงได้พบกับหยางเมียวเจิ้น และนางก็กลายเป็นสตรีของจ้าวอู่เจียงอีกคนในท้ายที่สุด
มันจึงชื่นชมจ้าวอู่เจียงมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า
นี่แหละคือสิ่งที่ถูกต้อง บุรุษที่แข็งแกร่งต้องมีภรรยาหลายคน!
หลังจากนั้น มันก็เริ่มเดินทางไปกับจ้าวอู่เจียงทั่วทุกหนแห่ง
ทั้งไปยังสำนักศรัทธาราษฎร ไปยังเมืองชายแดนทางภาคเหนือและข้ามเขตแดนไปยังอาณาจักรทุ่งหญ้าที่แสนจะกว้างใหญ่

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้านี่แหละขันทีอันดับหนึ่งในใต้หล้า