บทที่ 83 ผู้คนตกตะลึง
กลุ่มคนในห้องประมูลส่งเสียงออกมาไม่หยุดหย่อน เศรษฐีใหญ่ผู้ยืนยันว่าเคยเห็นภาพวาดของแท้ในจวนของท่านเสนาบดีกรมโยธาธิการถึงกับตะลึงงัน เขาโชคดีมากพอที่จะได้เห็นภาพวาดของแท้ แต่คิดไม่ถึงเลยว่า เมื่อได้มีโอกาสพบเห็นภาพวาดต้นฉบับอีกหนึ่งภาพอยู่ตรงหน้า ตนกลับดวงตามืดบอด และคิดว่ามันเป็นของปลอม
เขาไม่คาดคิดเลยว่าจ้าวอู่เจียงผู้ที่ยังเป็นคนหนุ่มแน่นกลับมีความรู้กว้างขวางถึงเพียงนี้ บุรุษหนุ่มผู้นี้มีความรู้ในระดับเดียวกับจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์ที่ค้าขายอยู่ในตลาดของเก่ามายาวนานหลายปี
เมื่อชายชราในชุดเหลืองเห็นจ้าวอู่เจียงถือกล่องไม้บรรจุภาพวาดไก่จิกข้าวเปลือกบนเทือกเขาชิงซานลงไปจากเวที ปากของเขาก็แห้งผากขึ้นมาในทันใด
ชายชราย่อมดีใจที่สามารถขายภาพนี้ได้ แต่เขาก็ไม่คิดเลยว่าคำพูดของจ้าวอู่เจียงจะทำให้ตนต้องตกตะลึง ชายชรารู้สึกอยากจะตบหน้าตนเองเหลือเกิน เขาเป็นเจ้าหน้าที่ประจำงานประมูลมาหลายปี เหตุใดจึงลืมไปได้ว่าของแต่ละชิ้นที่ทางหอการค้านำเข้ามาประมูลนั้น ย่อมต้องผ่านการตรวจสอบมาแล้วหลายขั้นตอน ทางหอการค้าจะปล่อยให้มีของปลอมหลุดรอดเข้ามาได้อย่างไร?
แม้แต่บรรดาจิ้งจอกเฒ่าในห้องประมูลแห่งนี้ก็ยังคาดไม่ถึงเช่นกัน… ชายชราชุดเหลืองรู้สึกเศร้าใจ สายตาที่จ้องมองไปยังจ้าวอู่เจียงมีความเคร่งขรึมมากขึ้น
มิน่าเล่า แม่นางเฟิงซิ่วเอ๋อร์จึงได้ติดตามมานั่งอยู่ข้างกายบุรุษหนุ่มแซ่จ้าวถึงในห้องประมูล ที่แท้ไม่ใช่เพียงเพราะว่าเขาเป็นบุรุษผู้หล่อเหลาและอ่อนโยน แต่ยังเป็นคนสงบสุขุมและมีความรอบรู้กว้างไกลอีกด้วย
เมื่อนึกถึงการเหยียดหยามและยั่วยุจากฉินเฉินก่อนหน้านี้ รวมไปถึงเสียงหัวเราะเยาะเย้ยจากผู้เข้าร่วมการประมูลแทบทั้งห้อง แต่จ้าวอู่เจียงก็แกล้งทำเป็นหูหนวกไม่ได้ยิน นี่แสดงให้เห็นถึงจิตใจอันหนักแน่นมั่นคงของคนผู้นี้แล้ว
ชายชราชุดเหลืองหัวใจกระตุกวูบ เมื่อเทียบกันระหว่างจ้าวอู่เจียงกับฉินเฉิน ฝ่ายหลังก็เป็นได้เพียงเด็กอมมือเท่านั้นเอง
เฟิงซิ่วเอ๋อร์นั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวเดิมด้วยความตกตะลึง จ้องมองจ้าวอู่เจียงผู้มีสีหน้ายิ้มแย้มเดินกลับมานั่งข้างกายตน ในมือเขาถือกล่องไม้ไว้ เฟิงซิ่วเอ๋อร์ดวงตาเป็นประกายระยิบระยับขึ้นมาทันที
จ้าวอู่เจียงหาได้มีดีที่หน้าตาหล่อเหลาอย่างเดียว แต่ยังมีจิตใจที่สงบเยือกเย็น มีความหนักแน่นทางอารมณ์ความรู้สึก ยิ่งไปกว่านั้น คนผู้นี้ยังเป็นสหายกับเจ้าสำนักมังกรเกล็ดศิลา ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้ที่คนผู้นี้จะมีเส้นสายกว้างขวาง
ตลอดการสนทนา จ้าวอู่เจียงรักษาความเป็นกันเองอยู่เสมอ ไม่ได้แสดงออกถึงความมีอำนาจใด ๆ และนั่นก็ยิ่งทำให้เขาน่าดึงดูดใจมากยิ่งขึ้น…
สำหรับบุรุษที่มีพรสวรรค์อย่างแท้จริงเช่นนี้… ดวงตาของเฟิงซิ่วเอ๋อร์จ้องมองเข้าไปในดวงตาของอีกฝ่ายอย่างลึกซึ้ง
ภายในห้องประชุม เริ่มมีเสียงชื่นชมจ้าวอู่เจียงให้ได้ยินประปราย หลายคนก็เริ่มจ้องมองเขาด้วยสายตาแห่งความเลื่อมใส
ในเวลาเดียวกันนี้ ผู้คนจำนวนมากก็จ้องมองไปที่ฉินเฉินเช่นกัน อดนำบุรุษหนุ่มทั้งสองคนมาเปรียบเทียบกันไม่ได้ และสายตาของบรรดาผู้คนที่จ้องมองมานั้นก็ดูจะเย้ยหยันความสามารถของฉินเฉินอยู่มากพอสมควร
ทั้งหมดนี้ย่อมอยู่ในสายตาของฉินเฉิน หัวใจของเขาเจ็บปวดเหมือนถูกคมมีดกรีดแทง มือกำเป็นหมัดแน่น กัดฟันกรอด
คำพูดอันเยือกเย็นและนุ่มนวลประโยคสุดท้ายของจ้าวอู่เจียงโจมตีใส่ทุกคนที่อยู่ในห้องประมูล และนั่นก็ทำให้ฉินเฉินกลายเป็นตัวตลกในสายตาของผู้คนไปในทันที


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้านี่แหละขันทีอันดับหนึ่งในใต้หล้า