บทที่ 84 กระบี่มังกรฟ้าที่แตกหัก
จ้าวอู่เจียงเป็นคนที่มีความรู้รอบตัวกว้างไกล ไม่แปลกใจเลยที่ตู๋กูเทียนชิงขอให้เขาช่วยดูแลบุคคลผู้นี้ก่อนตนเองจะเดินทางขึ้นแดนเหนือ… ฉีหลินชื่นชมออกมาว่า
“จ้าวอู่เจียงเป็นบุคคลมากความสามารถ แน่นอนว่าย่อมมีดีมากกว่าที่พวกเราเห็นเสียอีก ท่านถามว่าข้ารู้จักเขาได้อย่างไรใช่หรือไม่ ข้าบอกได้แต่เพียงว่าเขาเป็นคนสนิทของตระกูลตู๋กู…”
“ว่าอย่างไรนะ?”
เฟิงอวิ๋นไฉอุทานด้วยความตกตะลึง จ้าวอู่เจียงเป็นคนสนิทของตระกูลตู๋กูอย่างนั้นหรือ? เขามีสถานะใดกันแน่? แล้วทำไมถึงไม่เคยมีผู้ใดได้ยินชื่อเสียงของเขามาก่อนเล่า? ยิ่งไปกว่านั้น แม้แต่ฉีหลินก็ยังไม่ยอมเปิดเผยข้อมูลที่แท้จริงของคนผู้นี้
“เจ้าสำนักฉี ข้าคิดว่าพวกเราพูดคุยกันเสร็จสิ้นแล้ว หลังจากดื่มน้ำชาถ้วยนี้หมดลง พวกเราไปรับชมการประมูลกระบี่ดีหรือไม่” เฟิงอวิ๋นไฉพูดพร้อมกับยิ้มเล็กน้อย เขาเสริมอยู่ในใจว่าตนจะได้ไปดูจ้าวอู่เจียงให้เห็นกับตาด้วยเช่นกัน
ฉีหลินพยักหน้า
…
ในห้องประมูลบนชั้นสองของหอฝู๋เจี๋ย การประมูลยังคงดำเนินต่อไป สินค้าถูกนำออกมาประมูลชิ้นแล้วชิ้นเล่า
มีสินค้าหลายชิ้นที่จ้าวอู่เจียงรู้สึกสนใจเป็นพิเศษ อย่างเช่น สิ่งประดิษฐ์ที่สามารถถอดชิ้นส่วน และประกอบใหม่ขึ้นเป็นกระบอกยิงอาวุธลับ
สินค้าที่จ้าวอู่เจียงให้ความสนใจเป็นอย่างมากเห็นจะตำราโบราณ ในสายตาของเขา พวกมันไม่ใช่เพียงตำราทางศาสนาเท่านั้น แต่ต้องมีบางอย่างซ่อนเร้นอยู่เป็นแน่ เพราะตำราเหล่านี้ก็ล้วนเป็น ‘สินค้าระดับสูง’ ที่ชายชราชุดเหลืองตั้งใจเก็บไว้ในช่วงท้ายของการประมูลโดยเฉพาะ และนั่นก็ทำให้บรรดาคหบดีและเศรษฐีผู้ร่ำรวยยอมทุ่มเงินเป็นจำนวนมาก
สมแล้วที่หอการค้าเจียงตู่จัดงานประมูลขึ้นมาเพื่อให้บรรดาคนร่ำคนรวยได้เข้ามาใช้จ่ายเงิน…จ้าวอู่เจียงเห็นจำนวนเงินที่เศรษฐีเหล่านั้นยอมทุ่มออกมาเขาก็ไม่คิดจะสู้ด้วยแล้ว
แต่ถึงอย่างไรก็ตาม จ้าวอู่เจียงยังอดใจไม่ไหวเสียทีเดียว เขาเสนอตัวประมูลออกไปเป็นบางชิ้น แต่ทุกครั้งที่เขาเสนอราคา ฉินเฉินผู้นั่งอยู่ทางด้านหลังก็จะยกมือขึ้น และเสนอราคาที่สูงกว่าเขาเสมอ
จ้าวอู่เจียงไม่ได้รู้สึกอะไรเลยแม้สักนิด เขาไม่ได้เห็นฉินเฉินอยู่ในสายตา แต่การกระทำของคนผู้นี้สร้างความไม่พอใจให้แก่แขกจำนวนมากไม่น้อย
ฉินเฉินเปลี่ยนแปลงความโกรธแค้นที่ได้รับจากบรรดาผู้คนในห้องประมูลมาเป็นความผิดของจ้าวอู่เจียง
ในไม่ช้า การประมูลก็มาถึงสิ่งของชิ้นสุดท้าย
เมื่อข้ารับใช้นำกล่องไม้ใบหนึ่งเดินขึ้นมาบนเวที จ้าวอู่เจียงก็สังเกตเห็นว่ากล่องไม้ใบนี้มีขนาดความยาวประมาณสี่ฉื่อ และมีความหนาเท่ากับแขนคน อีกทั้งเขายังสัมผัสได้ถึงจิตสังหารแรงกล้าที่พวยพุ่งออกมาจากกล่องไม้ใบนั้นอีกด้วย
เมื่อกล่องไม้ถูกเปิดออก ก็เห็นกระบี่เล่มหนึ่งวางอยู่ด้านใน
มันเป็นกระบี่ยาวเล่มหนึ่ง แต่เห็นได้ชัดว่ากระบี่แตกหักเป็นสองท่อน และบัดนี้ก็มีผู้นำกระบี่ทั้งสองท่อนมาวางรวมกันในกล่องไม้ใบนี้
ตรงส่วนของด้ามจับกระบี่มีผ้าเปื้อนเลือดผืนหนึ่งพันเอาไว้ แม้ว่าเลือดจะแห้งไปแล้ว แต่กลิ่นคาวเลือดยังคงรุนแรงคลุ้งไปในอากาศ

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้านี่แหละขันทีอันดับหนึ่งในใต้หล้า