บทที่ 85 การแย่งชิง
“หนึ่งพันตำลึงทอง!” ฉินเฉินประกาศราคาสูงลิ่ว ทำให้ผู้คนในห้องประมูลอุทานออกมาด้วยความตกตะลึง
จ้าวอู่เจียงเดินขึ้นไปบนเวที ไม่สนใจสายตาของผู้ใด มือของเขาค่อย ๆ เอื้อมไปสัมผัสกระบี่มังกรฟ้าที่แตกหัก
ครั้นเมื่อกำด้ามกระบี่ไว้ พลันชายหนุ่มก็รู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนที่ถูกส่งมาจากตัวกระบี่ เขายกกระบี่มังกรฟ้าที่หักครึ่งขึ้นมา ก่อนจะชำเลืองมองไปยังกลุ่มคนด้วยสายตาดุดัน
ผู้คนในห้องประมูลต่างผงะไปโดยไม่รู้ตัว พวกเขารู้สึกได้ว่าจ้าวอู่เจียงเปลี่ยนไปเป็นคนละคนทันทีที่ถือกระบี่เล่มนี้อยู่ในมือ
ชายชราชุดเหลืองหรี่ตาลงเล็กน้อย และเตือนว่า
“ใต้เท้าจ้าว ได้โปรดวางกระบี่ลงเถิด ท่านไม่สามารถทนรับการกัดกร่อนวิญญาณจากกระบี่เล่มนี้ได้หรอก มันจะทำลายกระดูกและสลายวรยุทธ์ของท่าน ยิ่งไปกว่านั้นเจ้าสำนักฉีก็ได้จับจองกระบี่มังกรฟ้าเล่มนี้เอาไว้แล้ว”
จ้าวอู่เจียงค่อย ๆ ถอนหายใจออกมา ไม่คิดจะอธิบายอะไรให้มากความ แต่เอ่ยถามขึ้นว่า
“เมื่อมีผู้จับจองแล้ว เช่นนั้นไยจึงนำมาเข้าร่วมการประมูลอีก?”
“เพียงดำเนินการไปตามกฎและกระบวนการเท่านั้น” ชายชราส่ายศีรษะ และให้คำแนะนำอย่างเป็นมิตร
“ท่านยังมีอนาคตอีกยาวไกล ไม่จำเป็นต้องมีเรื่องเพียงเพราะกระบี่หักเล่มเดียว หาได้มีประโยชน์หากท่านจะล่วงเกินท่านเจ้าสำนักฉีหลิน หากท่านดูหมิ่นเจ้าสำนักมังกรเกล็ดศิลา นั่นย่อมถือเป็นเรื่องเสียหายใหญ่หลวงแล้ว”
“ขอบคุณที่ตักเตือนข้า แต่ข้าหาได้มีเจตนาล่วงเกินท่านเจ้าสำนักฉีไม่” จ้าวอู่เจียงวางกระบี่ในมือลง ฝ่ามือขึ้นสีแดงก่ำทั้งยังรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดแสบร้อน จ้าวอู่เจียงไม่ได้แสดงสีหน้าใด เพียงแต่พูดขึ้นด้วยเสียงอันดังว่า
“หนึ่งพันห้าร้อยตำลึงทอง”
ชายชราชุดเหลืองขมวดคิ้ว กระบี่เล่มนี้ได้รับการจับจองไว้แล้วโดยฉีหลิน ไม่มีประโยชน์ที่จ้าวอู่เจียงจะคิดแย่งชิงมัน เขาได้ให้คำแนะนำจ้าวอู่เจียงไปแล้วว่าไม่ควรล่วงเกินคนอย่างเจ้าสำนักฉี ชายชราจึงคิดไม่ถึงว่าจ้าวอู่เจียงใช่เพียงไม่ยอมล่าถอย แต่ยังมีความมั่นใจในตนเองสูงมากถึงเพียงนี้
จ้าวอู่เจียงคิดว่าตนเองเป็นผู้ใดถึงกล้าล่วงเกินฉีหลิน? ช่างเป็นคนหนุ่มที่โอหังสิ้นดี… เจ้าหน้าที่ชุดเหลืองไม่อยากสนใจอีกต่อไปแล้ว
“สองพันตำลึงทอง!” ฉินเฉินจ้องมองจ้าวอู่เจียงด้วยสายตาเย็นชา การที่จ้าวอู่เจียงถึงขนาดเดินขึ้นไปสัมผัสกระบี่เล่มนั้น ในความคิดเห็นของเขา ไม่ว่าต้องเสียเงินเท่าไหร่ มันก็คุ้มค่าสำหรับการเอาชนะจ้าวอู่เจียง ฉินเฉินจึงไม่ลังเลที่จะเพิ่มราคา
หากเปลี่ยนเป็นผู้อื่นคงกระทำเช่นนี้ไม่ได้ แต่สำหรับฉินเฉินนั้นต่างออกไป เพราะเมื่อคนอย่างเขาซื้อหาสิ่งใดก็ตาม ฉินเฉินก็สามารถจ่ายได้โดยไม่ต้องดูราคาสักครั้ง
ฉินเฉินมีความมั่นใจในความร่ำรวยของตนเองมาก ทำให้เขาคิดว่าตนไม่มีทางพ่ายแพ้ให้กับคนอย่างจ้าวอู่เจียงอย่างแน่นอน!
ฉินเฉินประกาศราคาออกมาโดยไม่ลังเล
จ้าวอู่เจียงยังไม่ทันได้ขานสู้ราคา เสียงเย็นชาก็ดังขึ้นในห้องประมูลโดยไม่มีสัญญาณเตือนใด
“พอได้แล้ว!”
ทุกคนหันมองไปตามเสียงและพบกับบุรุษสองคนที่เดินผ่านประตูเข้ามา ย่อมต้องเป็นเฟิงอวิ๋นไฉประมุขแห่งหอการค้าเจียงตู่ และฉีหลินเจ้าสำนักมังกรเกล็ดศิลา
“คารวะท่านประมุขเฟิง คารวะท่านเจ้าสำนักฉี”
กลุ่มคนทั้งหลายพากันลุกขึ้นทักทายทำความเคารพ เนื่องจากบุรุษทั้งสองคนนี้ต่างก็เป็นผู้มีชื่อเสียงยิ่งใหญ่คับนครหลวง

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้านี่แหละขันทีอันดับหนึ่งในใต้หล้า