บทที่ 86 สาบานว่าจะฆ่าจ้าวอู่เจียงให้ได้
“น้องจ้าว ไม่ทราบว่าเจ้าสนใจในกระบี่เล่มนี้หรือ?”
ฉีหลินเห็นกับตาว่าจ้าวอู่เจียงถึงกับเดินขึ้นไปสำรวจกระบี่บนเวที และเขาก็มองผู้คนในห้องประมูลด้วยสายตาดุดันอำมหิต
จ้าวอู่เจียงผงกศีรษะ
“ข้าเองก็อยากจะเป็นอย่างพี่ฉีเช่นกัน มือกระบี่มักจะมีจิตใจรักอิสระเสรี และสามารถหลบหนีความวุ่นวายของโลกหล้าได้ด้วยกระบี่ของตนเอง”
ฉีหลินเอื้อมมือไปสัมผัสกระบี่มังกรฟ้าที่แตกหักอยู่ในกล่องไม้แผ่วเบา เพียงพริบตาเดียวเท่านั้น เขาก็ไม่สามารถละมือออกจากกระบี่เล่มนี้ได้อีกต่อไป
ในจังหวะที่ฉีหลินสัมผัสกับกระบี่มังกรฟ้า จ้าวอู่เจียงก็รู้สึกได้ว่าคนทั้งห้องประมูลตกอยู่ภายใต้พลังกดดันและการคุกคามจากจิตสังหารของตัวกระบี่
ฉีหลินยิ้มเล็กน้อยพร้อมกับพูดว่า
“กระบี่มังกรฟ้ามีพลังทำลายล้างสูงส่งมากเกินไป ยังไม่เหมาะสมสำหรับเจ้าในตอนนี้”
เฟิงอวิ๋นไฉมองผู้คนที่อยู่ในห้องประมูล ประสานมือคำนับ และกล่าวว่า
“ต้องขออภัยทุกท่านด้วย วันนี้การประมูลจบลงแล้ว หอการค้าเจียงตู่ขอขอบคุณทุกท่านที่ให้การสนับสนุน พวกเราได้เตรียมอาหารรับรองพวกท่านเอาไว้แล้ว เชิญเลย”
บรรดาผู้เข้าร่วมการประมูลคำนับตอบกลับ และเริ่มแยกย้าย ภายใต้การนำทางของเจ้าหน้าที่ระดับสูงในหอการค้า ทุกคนเดินตรงไปยังส่วนจัดงานเลี้ยงอาหาร ที่มีบรรยากาศรื่นเริงและเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ
หลายคนยังแอบหันมองไปที่จ้าวอู่เจียง พวกเขามีความคิดว่าหากงานเลี้ยงจบลงเมื่อไหร่ พวกเขาก็อยากจะทำความรู้จักกับจ้าวอู่เจียงให้ดีมากขึ้น คนเช่นนี้เหมาะต่อการสานสัมพันธ์อย่างยิ่ง
ฉีหลินกับจ้าวอู่เจียงเดินกันไปพลางพูดคุยกันไปพลาง ฉีหลินบอกให้จ้าวอู่เจียงรู้ว่าเขาจะมอบกระบี่เล่มนี้ให้แก่อีกฝ่ายแน่นอนเมื่อพลังอันชั่วร้ายในตัวกระบี่สูญสลายไปหมดสิ้นแล้ว
เฟิงอวิ๋นไฉกำชับกับบุตรสาวอย่างเฟิงซิ่วเอ๋อร์ว่า หลังจากนี้ให้ทำการติดต่อกับจ้าวอู่เจียง และคบหาเขาเป็นมิตรสหายให้ได้
…
ในงานเลี้ยง ทุกคนชนจอกสุรา และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ส่วนตัวด้วยความสนุกสนาน
ผู้คนจำนวนไม่น้อยยกจอกสุราให้แก่จ้าวอู่เจียงเพื่อหวังจะเข้ามาตีสนิทบุรุษหนุ่ม
เฟิงอวิ๋นไฉกับฉีหลินพูดคุยกันอย่างสนิทสนม ทั้งสองคนวางแผนจะร่วมมืออะไรบางอย่างกันอยู่
หอการค้าเจียงตู่มีความมั่งคั่งร่ำรวย และต้องการเป็นพันธมิตรกับสำนักมังกรเกล็ดศิลาเพื่อให้ได้รับการคุ้มครอง นอกจากนั้นแล้ว ยังถือเป็นการขยายธุรกิจและสามารถกระทำเรื่องที่ไม่สามารถกระทำได้ในแสงสว่างอีกด้วย
เฟิงซิ่วเอ๋อร์นั่งอยู่เคียงข้างจ้าวอู่เจียง ใบหน้าของนางกลายเป็นสีชมพูระเรื่อด้วยฤทธิ์สุรา หญิงสาวจ้องมองบุรุษหนุ่มข้างกายด้วยแววตาหวานหยาดเยิ้ม
ผู้คนในงานเลี้ยงดื่มด่ำไปกับสุราและอาหารเลิศรส
เมื่องานเลี้ยงได้ดำเนินมาถึงจุดหนึ่ง
จ้าวอู่เจียงก็ลุกขึ้นยืนกล่าวคำอำลา ในวังหลวงยังมีงานอีกมากมายให้กลับไปจัดการ ความตายของเฉินอันปังเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น เพราะความตายของเฉินอันปังจะส่งผลกระทบตามมาใหญ่หลวงยิ่ง
“ใต้เท้าจ้าว ให้ข้าน้อยออกไปส่งท่านเถอะ” เฟิงซิ่วเอ๋อร์รีบลุกขึ้นยืน เมื่อผู้คนร่วมโต๊ะส่งเสียงหัวเราะหยอกเย้า สองแก้มของนางก็ยิ่งกลายเป็นสีชมพูมากขึ้น
จ้าวอู่เจียงเดินเคียงคู่ไปพร้อมกับเฟิงซิ่วเอ๋อร์ออกไปสู่ด้านนอกของหอการค้าเจียงตู่

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้านี่แหละขันทีอันดับหนึ่งในใต้หล้า