บทที่ 95 การฆ่า!
“เช่นนั้นเรื่องราวในวันนี้ยุติแต่เพียงเท่านี้ก็แล้วกัน” สายตาของฉินซือโหยวเย็นเยียบ ก่อนจะหมุนตัวเดินจากไป
จ้าวอู่เจียงพลันขมวดคิ้ว และโพล่งออกมาว่า
“ผู้ใดบอกท่านว่าเรื่องราวยุติแล้ว?”
ฉินซือโหยวหันหน้ากลับมา จ้องมองด้วยแววตาดุร้าย
“จ้าวอู่เจียงอย่าโอหังให้มากเกินไปนัก! ที่เจ้ารอดในวันนี้เพราะเห็นแก่หน้าท่านประมุขเฟิงและพี่หลิ่วรู้ไว้ซะ!”
ทันใดนั้น เสียงฝีเท้าม้าพลันดังใกล้เข้ามาด้วยความเร่งร้อน ทุกคนได้ยินอย่างชัดเจน เสียงนี้มาพร้อมกับสายลมปั่นป่วน ก่อนที่ร่างของคนผู้หนึ่งจะทิ้งตัวลงมายืนหยัดอยู่เบื้องหน้าจ้าวอู่เจียง คนผู้นี้คือฉีหลินนั่นเอง
ฉีหลินมาถึงก็ยกมือตบหน้าฉินซือโหยวทันที ส่งผลให้อีกฝ่ายซวนเซจวนล้ม
“เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใคร? หากน้องจ้าวยังไม่บอกว่าเรื่องราวยุติลงแล้ว เรื่องราวนี้ก็จะไม่ยุติเป็นอันขาด!”
ทุกคนยืนตัวแข็งทื่อ ฉินซือโหยวถูกตบอย่างแรงจนหน้าหัน ผมเผ้ายุ่งเหยิง ริมฝีปากและจมูกมีเลือดไหลซึม
ฉีหลินมองทุกคนรอบตัวด้วยสายตาเย็นชา
“เมื่อวานนี้เจ้าตัวบัดซบผู้นั้นต้องการจะสังหารน้องจ้าวของข้า วันนี้พวกเจ้าก็มาปิดล้อมเพื่อพยายามสังหารเขาอีก ให้ตายเถอะ! พวกเจ้าต้องการฆ่าเขาให้ได้ใช่หรือไม่?”
เฟิงอวิ๋นไฉตกอยู่ภายใต้แรงกดดันจากฉีหลิน แม้เขาจะยืนอยู่ข้างกายจ้าวอู่เจียง แต่ก็ยังสามารถสัมผัสจิตสังหารได้อย่างชัดเจน เฟิงอวิ๋นไฉรู้สึกตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง เขาทำมาหากินอยู่ในเขตเจียงตู่มานานหลายปี แทบไม่เคยพบเห็นฉีหลินโกรธแค้นถึงเพียงนี้มาก่อน โดยเฉพาะการออกหน้าช่วยเหลือบุรุษหนุ่มผู้หนึ่ง…
เมื่อรับรู้ได้ถึงจิตสังหารอันแรงกล้า เฟิงซิ่วเอ๋อร์ก็เบียดตัวหลบซ่อนอยู่ด้านหลังจ้าวอู่เจียงทันที ดวงตาคู่งามไหวระริกจ้องมองจ้าวอู่เจียงตลอดเวลา
กลุ่มคนจากตระกูลตระกูลฉินร้องอุทาน และรีบล่าถอยออกไป ยอดฝีมือหลายคนถึงกับซ่อนกระบี่ไว้ด้านหลัง ไม่มีผู้ใดกล้าปล่อยให้ฉีหลินมองเห็นกระบี่เหล่านั้นแม้แต่คนเดียว
พวกเขาแอบด่าทอฉินซือโหยวที่กล้าล่วงเกินจ้าวอู่เจียงอยู่ในใจ มิหนำซ้ำยังไม่ตรวจสอบผู้หนุนหลังอีกฝ่ายให้ดีเสียก่อน บัดนี้ เจ้าสำนักมังกรเกล็ดศิลาถึงกับปรากฏตัวออกมาแล้ว
ครั้งแรกที่เจ้าสำนักมังกรเกล็ดศิลาปรากฏตัวขึ้นในนครหลวง เขาเพียงมากับหญิงงามผู้หนึ่ง ไร้ญาติ ขาดมิตร คนผู้นี้เริ่มต้นทุกสิ่งจากความว่างเปล่าด้วยกระบี่คู่ใจ ไม่รู้เลยว่ามือต้องเปื้อนเลือดมามากเพียงใดจึงกลายเป็นเจ้าสำนักใต้ดินชื่อดังแห่งนครหลวงเช่นปัจจุบัน
ในขณะนี้ ฉีหลินต้องการจะออกหน้าช่วยเหลือจ้าวอู่เจียง ต่อให้ยอดฝีมือทุกคนผนึกกำลังร่วมมือกัน ก็ยังไม่แน่ใจว่าจะสามารถแตะต้องฉีหลินได้ด้วยซ้ำ
พวกเขาได้แต่พิศวงสงสัยในเส้นสายอันกว้างใหญ่ของจ้าวอู่เจียง สายตาที่มองไปก็เริ่มฉายแววหวาดกลัวขึ้นมาเลือนราง
ฉินซือโหยวยกมือกุมแก้มของตน ฟันหลุดไปหลายซี่ ศีรษะมึนงง รู้สึกไม่อยากเชื่อ นี่เขา… กำลังทำอะไรอยู่? เขาแค่ต้องการมาล้างแค้นให้บุตรชาย แล้วทำไมถึงได้กลายเป็นว่ากำลังล่วงเกินผู้คนมากมายเช่นนี้?
และเมื่อมองสีหน้าเยือกเย็นของจ้าวอู่เจียง ชายหนุ่มก็ทำเหมือนกลุ่มคนเหล่านี้เป็นเพียงผู้ติดตามส่วนหนึ่งของตนเท่านั้น
ฉินซือโหยวอดตัวสั่น พลางยกมือปาดเลือดออกจากมุมปาก แล้วประสานมือคำนับพร้อมกับพูดว่า
“เจ้าสำนักฉี สิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้…”
“คุกเข่าลง!” ฉีหลินจ้องมองด้วยแววตาดุดัน
ฉินซือโหยวหัวใจกระตุกวูบ รีบคุกเข่าลงอย่างรวดเร็ว


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้านี่แหละขันทีอันดับหนึ่งในใต้หล้า