บทที่ 96 จ้าวอู่เจียงเป็นใครกันแน่
ฉินซือโหยวยืนตกตะลึงอยู่ตรงนั้น รู้สึกตื่นกลัวและไม่อยากเชื่อ พลางจ้องมองจ้าวอู่เจียงกับมือกระบี่ที่เดินตรงมาหาตนช้า ๆ
ความรู้สึกเศร้าเสียใจชัดเจนขึ้นมา นับตั้งแต่มือกระบี่มือซ้ายผู้นั้นปรากฏตัว รวมถึงเฟิงอวิ๋นไฉ หลิ่วชิงซาน และฉีหลินที่ออกหน้าปกป้องจ้าวอู่เจียงกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา เขาก็ตระหนักได้ว่าคนผู้นี้ไม่ควรแตะต้องอย่างยิ่ง แต่กว่าจะรู้… ก็สายไปเสียแล้ว
ฉินซือโหยวจ้องมองบรรดาสมาชิกตระกูลฉินอย่างขอความช่วยเหลือ หวังว่าคนในตระกูลจะช่วยเหลือตนได้บ้าง
แต่สายตาเหยียดหยามและการก้าวถอยหลังของทุกคนคือสิ่งที่ทำให้ฉินซือโหยวรู้สึกหดหู่ใจยิ่งกว่าเดิม
ในฐานะตระกูลใหญ่ที่ประกอบกิจการ พวกเขาจะให้ความสำคัญกับเงินและผลประโยชน์เป็นอันดับแรก ดังนั้นพวกเขาจะไม่มีทางล่วงเกินจ้าวอู่เจียงโดยเด็ดขาด
ฉินซือโหยวต้องการอ้อนวอนขอความเมตตา แต่เมื่อคำพูดจะหลุดออกจากปาก เขาก็เห็นมือกระบี่มือชายผู้นั้นชักกระบี่ออกมาจากฝัก ฉินซือโหยวหุบปากฉับไม่กล้าส่งเสียงใดให้อีกฝ่ายระคายหูอีก
ฉับพลันเขารู้สึกว่าร่างทั้งร่างเย็นเฉียบ แขนขาหมดแรง จนต้องทิ้งตัวคุกเข่าลงไปบนพื้นอย่างแรง ดวงตาของเขาหมุนคว้าง ร่างของแินซือโหยวล้มฟาดพื้น และไม่หายใจอีกต่อไป
กลุ่มคนตกอยู่ในความเงียบ ในขณะนี้ สมาชิกตระกูลฉินบางส่วนมีสายตาเศร้าโศก แต่ก็มีไม่น้อยเช่นกันที่ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
ฉินซือโหยวเป็นเพียงผู้เดียวที่ต้องการจะฆ่าจ้าวอู่เจียง ในเมื่อฉินซือโหยวตายไปแล้ว ก็เท่ากับต้นเหตุของปัญหาถูกกำจัดสิ้น และไม่มีสิ่งใดเกี่ยวพันมาถึงตัวของพวกเขาอีก
สายตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความพิศวงยามจ้องมองจ้าวอู่เจียง ตอนแรกที่พวกเขามาปิดล้อมรถม้าของอีกฝ่าย ตะโกนด่าทอคนไปไม่น้อย ถึงกับบอกว่าผู้ที่มาล่วงเกินตระกูลฉินจะต้องไม่ตายดี
แต่ ณ บัดนี้ ฉินซือโหยวผู้เป็นตัวตั้งตัวตีได้นอนจมกองเลือดอยู่บนพื้นถนนไปเรียบร้อยแล้ว
เฟิงอวิ๋นไฉประมุขหอการค้าเจียงตู่สูดหายใจลึก แม้ว่าเขาจะประเมินจ้าวอู่เจียงไว้สูงส่งพอสมควร แต่เขาก็รู้แล้วว่าตนประเมินคนผู้นี้ต่ำไปมาก
สถานการณ์ในวันนี้ ต่อให้เขาและเฟิงซิ่วเอ๋อร์ไม่ปรากฏตัวออกมาช่วยเหลือ ฉินซือโหยวก็ไม่สามารถทำอันตรายใด ๆ ต่อจ้าวอู่เจียงได้แน่นอน เพราะข้างกายคนผู้นี้มีมือกระบี่อันดับสิบหกแห่งยุทธจักรคอยคุ้มกันอยู่แล้วนั่นเอง
เฟิงอวิ๋นไฉถึงกับเกิดความมั่นใจด้วยซ้ำไปว่าต่อให้ไม่มีผู้ใดยื่นมาช่วยเหลือ ก็ไม่มีผู้ใดแตะต้องจ้าวอู่เจียงได้อยู่ดี
ดวงตาของเฟิงอวิ๋นไฉฉายประกายวาบ จ้าวอู่เจียงซ่อนเร้นความลับเอาไว้มากมาย บุรุษหนุ่มผู้นี้มีความเยือกเย็นสงบสุขุม เปรียบดังอัญมณีล้ำค่าที่หายากยิ่ง…
อ่อนโยนต่อมิตร แต่ก็สามารถโหดเหี้ยมได้ถึงที่สุดเมื่อพบเจอกับศัตรู
หลิ่วชิงซานเหลือบมองบุตรชายของตนด้วยความภาคภูมิใจ และรู้สึกมีความสุขเป็นอย่างยิ่ง
เนื่องจากหมางเอ๋อร์ยังรู้ผิดชอบชั่วดี ยอมรับความผิดที่ตนเองเคยไปล่วงเกินจ้าวอู่เจียงก่อนหน้านี้ และโชคดีที่หมางเอ๋อร์ตาสว่าง พยายามกลับเนื้อกลับตัวเป็นคนใหม่ ทั้งยังยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือจ้าวอู่เจียงในวันที่อีกฝ่ายตกที่นั่งลำบาก
จากเหตุการณ์ในวันนี้ หลิ่วชิงซานรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าจ้าวอู่เจียงเป็นบุคคลที่หากมีความแค้น ก็จะเป็นความแค้นที่ฝังลึก และการกระทำของตนรวมไปถึงบุตรชายในวันนี้ ก็ถือเป็นการกระทำที่ถูกต้องมากที่สุดแล้ว
ในเวลาเดียวกันนั้น หลิ่วชิงซานก็อดสะท้อนใจไม่ได้ จ้าวอู่เจียงยังเป็นเพียงบุรุษหนุ่มผู้หนึ่ง มีอายุใกล้เคียงกับบุตรชายของเขา แต่ความสามารถช่างแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว
ส่วนผู้ที่ลุ่มหลงในกระบี่อย่างฉีหลิน ดวงตาของเขาก็เป็นประกายแวววาวขึ้นมาทันทีที่เห็นกระบี่ของหลี่หยวนเจิ่ง


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้านี่แหละขันทีอันดับหนึ่งในใต้หล้า