คลั่งรักร้ายนายวิศวะ นิยาย บท 15

อีกด้านของเจนิส

"ฉันว่าพวกพี่ริวเขามองแกแปลกๆ ไหมอะ ยัยเจ" ยัยเฟย์ที่นั่งอยู่ข้างฉันเอ่ยมาด้วยท่าทีสงสัย ซึ่งก็ไม่ต่างจากฉันที่รู้ว่าพวกเขากำลังมองมา ไม่ต่างกับตอนที่ฉันอยู่สนามบอล แต่ฉันว่าพวกเขานั้นใช้สายตามองมาได้เก่งมากจนเพื่อนฉันยังรู้สึก

"พวกเขาคงมองไปเรื่อย อย่าได้สนใจเลย" เจนิสได้แต่เอ่ยแก้ต่างไป

"จะไม่สนใจได้ไงยัยเจ ฉันว่าพวกคนดังทั้งสี่หนุ่มหนึ่งในนั้น ไม่คนใดคนนึงก็สนใจหรือหลงเสน่ห์แกเข้าแล้วละ" ยัยน้ำอุ่นเอ่ยพร้อมกับแกล้งทำหน้าตาเขินอายให้กับฉัน

"...แกนิคิดอะไรไม่เข้าเรื่อง พวกพี่เขานั้นดังขนาดนั้น ใครว่าพวกเขาจะมาสนใจฉันเล่า เป็นไปไม่ได้แน่นอน" เจนิสที่ฉันพูดไปแบบนั้น เพราะตอนนี้เพื่อนในกลุ่มฉันเองก็เริ่มสงสัย โดยเฉพาะยัยเฟย์ที่เริ่มจะมีท่าทีแปลกๆ ให้กับฉัน ราวกับมีอะไรจะถามแต่ก็ไม่กล้า ยิ่งก่อนหน้านี้ยัยเฟย์เห็นพี่ไอ้บ้าพี่ริว นั้นและเขาพยายามเข้าหาฉันอีก ใบหน้าสวยหวานเริ่มมีสีหน้าคิดหนักฉันได้แต่ภาวนาให้พวกเขารีบแข่งจบ ฉันจะได้ไปจากตรงนี้เสียที เพราะตอนนี้ฉันชวนเพื่อนให้ตายยังไงก็ไม่มีใครไปกับฉันเพราะติดลมมองหนุ่มๆ ที่แข่งบาสกัน

ด้านริวนั้นขณะที่ร่างสูงยืนรวมกลุ่มกับเพื่อนสนิททั้งสี่หนุ่ม สายตากับจับจ้องมายังร่างบางที่นั่งอยู่กับเพื่อนของเธอ ที่เป็นเช่นนั้นก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เนื่องจากช่วงพักริวเล่นมองเจนิส ทำเอาริกถึงกับเอ่ยแซวน้องชายไม่ขาดปาก ทำเอาสองหนุ่มอย่างเรียวตะและอรัณก็อดที่จะแซวริวไม่ได้เช่นกัน

"เอาแล้วดิ ไอ้ริวของกู นิมึงกล้านอกใจเฟียสมันแล้วเหรอ" อรัณที่ยืนกระดกโค๊กอยู่ข้างสนามว่าให้กับริวมา เฟียสที่อรัณกำลังเอ่ยถึงนั้นคือเพื่อนสมัยเรียนมัธยมที่เป็นสาวสวยผู้กุมหัวใจของริว แต่เธอไม่ได้เรียนที่นี่หรอกครับ เธอเรียนมหาลัยอินเตอร์

"สัส กับเฟียสกูไม่ได้คบกันครับโว้ย..." เมื่อโดนเพื่อนถามจี้เข้ามาเช่นนั้นริวถึงกับรีบแก้ตัว เพราะกับสาวสวยอย่างเฟียสนั้นเรียกได้ว่าเป็นเขาฝ่ายเดียวที่มีใจให้กับเธอ สถานะของทั้งคู่ยังคลุมเครือแต่ริวนั้นก็ย่อมทราบดีว่าฝ่ายหญิงนั้นคิดกับตนแค่เพื่อนสนิทคนนึงเท่านั้น

คำบอกเล่าของริว ทำเอาริกถึงกับตาโตขึ้นมา สงสัยน้องออนเดอะร็อคของเขาจะไม่ธรรมดาแล้วโว้ย กูอยู่กับมันมาตั้งหลายปีไม่เคยเห็นไอ้ริวมันออกปากว่าไม่ได้คบกับเฟียส อยากจะถามน้องชายนัก กับน้องคนนั้นมันได้เขายัง แต่ติดตรงที่ว่าตรงนี้สนามบาสไม่เหมาะที่จะคุยเรื่องส่วนตัว ริกได้แต่คิดในใจ

1 ซม ผ่านไปและตอนนี้สิ่งที่ฉันภาวนาก็มาถึงเมื่อการแข่งขันบาสนั้นสิ้นสุดลงและทีมที่ชนะก็คือทีมคณะวิศวะ ที่ชนะทีมโลจิสติกไป ด้านเพื่อนๆ ของฉันถึงกับยิ้มไปหุบ

"สมน้ำหน้าไอ้เลย์ที่มันล้มในสนามถึงกับขาแพง"พวกฉันที่ตอนนี้เดินออกมาจากโรงยิมและมานั่งที่ม้าหินอ่อนใต้คณะ

"ใช่แก ตอนที่มันล้มนะฉันนิกรี๊ดคอแทบแตก ไม่ใช่อะไรหรอกซะใจ สมน้ำหน้า นี่แหละเขาเรียกว่ากรรมตามสนองที่มันทำกับแกยัยเจ...เอ้ย" ยัยแซมมี่และยัยเฟย์เอ่ยนินทาเลย์พร้อมกับมองหน้าฉันๆ เองก็เห็นว่าเลยห์เกิดอุบัติเหตุในสนาม

"อย่าไปซ้ำเติมเขาเลย" ฉันเอ่ยกับเพื่อนไปแค่นั้น เพราะไม่ได้คิดอะไรมากแล้ว

"แกก็เป็นซะแบบนี้แหละยัยเจ ไม่เจ้าคิดเจ้าแค้นอย่างพวกฉัน" ยัยแซมมี่ว่าให้กับฉันมา

"เออ แกเย็นนี้ไปตี้กันไหม ฉันแอบได้ยินมาว่าคืนนี้ แก๊งค์พวกพี่ริวเขาไปฉลองแชมป์ที่ร้าน B Bar สายฉันรายงานมานะ" ยัยแซมมี่ที่นั่งได้ซักพักก็เอ่ยชวนพวกฉันมา

หึ...ยัยนี้มีสายขนาดตามติดชีวิตพวกเขาแบบนั้นเลยเหรอ ฉันได้แต่มองหน้ายัยแซมมี่อย่างเอือมๆ ที่อาการบ้าคลั่งไคล้พวกคนดังไม่มีท่าทีจะลดลงเลยซักนิด

"นี้อย่าบอกนะว่าวันนี้ทั้งวันแก่จะ เอาแต่ตาม พวกพี่เขา หนักกว่าพวกแฟนคลับซะอีก น่ากลัวมาก" ยัยน้ำอุ่นได้ยินเช่นนั้นก็เอ่ยคล้านให้กับยัยแซมมี่ทันที ฉันก็เห็นด้วยกับยัยน้ำอุ่นหนะ

"ฉันก็อยากไปอยู่นะ แต่ถ้าพวกแกสองคนไม่ไปด้วย สองคนมันจะไปสนุกอะไรละ" ยัยเฟย์เอ่ยมาด้วยสีหน้างอยๆ หันมาฉันและยัยน้ำอุ่น เรื่องเที่ยวนะเป็นรองยัยเฟย์จ้องจะตามพวกคนดังมากกว่ายัยนี้และยัยแซมมี่อยู่ด้วยกันได้

"พวกแกว่าไง"

"วันนี้ฉันเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ฉันขอบายดีกว่า" ฉันเอ่ยไปกับพวกเพื่อนฉัน

"งั้นเราก็หาอะไรทานแถวนี้ดีไหม ร้านเหล้าไว้วันหลัง ไว้ทุกคนพร้อมจะฉลองความโสดให้ยัยเจด้วย"

"หึ...โสดยังต้องฉลองด้วยเหรอ" ฉันหันไปถามยัยน้ำอุ่น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คลั่งรักร้ายนายวิศวะ