ด้านเจนิส หึ...นิพี่ริวเขารู้ด้วยงั้นเหรอว่าน้องฟรอสต์นั้นเป็นลูกชายของฉันและเขา แต่นั้นใช่ว่าร่างบางจะยอมตอบความจริง เจนิสรีบเปลี่ยนสีหน้าให้ดูเป็นปกติ
"คุณคุยเรื่องอะไร คะฉันไม่เข้าใจ" เจนิสยังคงตีหน้าซื้อให้ริวมาเช่นเดิม
"ฉันไม่ยักกะรู้ว่าคนอย่างเธอ ตบตาและเล่นละครเก่ง น้องฟรอสต์เป็นลูกของฉันใช่ไหม เจนิส" ริวเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ดูมีอารมณ์ขึ้นเล็กน้อยที่เจนิสยังคงตั้งใจโกหกตนเรื่องลูก
"ลูกฉันคะ ฉันอาจจะมีอะไรกับคนอื่น ขณะที่ฉันเองก็มีอะไรกันกับคุณก็ได้ คุณอย่าพึ่งปรักใจเชื่อสิ่งที่เห็นสิ" เจนิสเอ่ยออกไปด้วยความรู้สึกแปลบๆ ขึ้นมาในอก
"คนอย่างเธอไม่เคยนอนร่วมเตียงกับใคร นอกจากฉัน" ริวเอ่ยพร้อมกับกดน้ำเสียงให้ดูไม่น่าฟัง
"มันก็ไม่แน่หรอกคะ ทำไมคุณเชื่อใจฉันขนาดนั้นละคะ เพราะคุณเป็นคนพูดเองว่าฉันนะเอากับคนอื่นมา" เจนิสฉันยังจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในโรงแรมนั้นได้ดี วันนี้เขาหาเรื่องทะเลาะกับฉัน ริวที่ได้ยินเช่นนั้นใบหน้าอันหล่อเหลาถึงกับชะงัก
"เพราะเรื่องนี้ ใช่ไหมเธอถึงได้ปิดบังเรื่องน้องฟรอสต์กับฉันมาตลอด เจนิส" ริวเอ่ยออกมาด้วยความรู้สึกทั้งเจ็บและจุกภายในใจ เขาทั้งดีใจและเสียใจที่รู้ว่าตัวเองมีลูกและก็เสียใจที่มีได้อยู่ด้วยกันในช่วงเวลาหนึ่ง
ด้านเจนิสแม้ตลอดสามปีที่เธอพยายามใจแข็งมาตลอด ร่างบางพอเจอหน้าพ่อที่เอาแต่ถามเรื่องลูกๆ ร่างบางถึงกับจุกและหน่วงภายในใจ เจนิสเอาแต่เงียบ และเบื้องหน้าหนีหลบสายตาของริวที่เอแต่คาดคั้นถามเรื่องลูกกับเธอ
"ฉันคงไม่เหมาะที่จะเป็นพ่อของน้องฟรอสต์ใช่ไหม เธอถึงได้ใจร้ายไม่ยอมบอกเรื่องลูกกับฉัน ไม่ว่าเธอจะปิดบังฉันยังไง แต่น้องฟรอสต์ใครเป็นพ่อเขา ดีเอ็นเอก็ปรากฏอยู่บนใบหน้าของเขาอยู่แล้ว และฉันเองก็ไม่ใช่คนโง่ ที่ดูเธอไม่ออกนะเจนิส เธอจะปิดฉันไปได้นานแค่ไหนกัน" ริวเอ่ยจบร่างสูงรู้สึกน้อยใจให้กับเจนิส ถึงกับไม่ยอมทานข้าวและเลือกที่จะเดินออกไปทันที ปล่อยให้ร่างบางนั้นได้แต่ครุ่นคิดนั่งอยู่ในร้านเพียงลำพัง
!! พี่จะให้ฉันบอกพี่ยังไงพี่ริว ในเมื่อเราเลิกติดต่อกันไปนานแล้ว และอีกอย่างฉันเป็นคนที่ฐิติสูง ฉันท้องขณะที่ไปใช้ชีวิตที่ต่างประเทศไปบอกตอนนั้นใครเขาจะเชื่อฉัน " นั้นคือสิ่งที่ฉันอยากจะบอกกับเขา ฉันแค่รู้สึกว่ายังไม่พร้อมที่จะให้น้องฟรอสต์นั้นเจอกับพี่ริวในตอนนี้จริงๆ ฉันกลัวๆ ว่าพี่ริวจะไม่รักลูกของฉันกลัวน้องฟรอสต์นั้นจะเสียใจ ใบหน้าสวยหวานถึงกับคิดไม่ตก
เจนิสนั่งอยู่ในร้านเช่นนั้นจนกระทั้งอาหารถูกนำมาเสริฟ์ถูกวางลงบนโต๊ะ แต่ร่างบางกับไม่แต่เลยซักอย่าง คำพูดของพี่ริวเมื่อครู่ทำเอาร่างบางนั้นถึงก้บทานข้าวไม่ลง เจนิสนั่งครุ่นคิดอยู่เช่นนั้นราวครึ่งชั่วโมง เมื่อเห็นว่าใกล้ถึงเวลาเลิกเรียนของลูกชายแล้วนั้น ร่างบางก็เช็คบิลและออกไปจากร้านอาหารทันที
ด้านริวหลังจากที่ผมออกมาสงบสติยังที่ด้านนอกแล้วนั้น ร่างสูงออกมาดูดบุหรี่เพื่อให้ดูผ่อนคลายขึ้น แต่ขณะที่กำลังจะเดินกับเข้าไปในร้านนั้น ร่างบางของเจนิสกับเดินออกมาด้วยความรีบ ผมไม่ได้กลับบริษัทอย่างทีเจนิสเธอคิดหรอก ผมแค่ต้องการหาความจริงจากคนปากหนักอย่างเจนิสเท่านั้น ร่างสูงกลับเข้ามานั่งในรถได้ไม่นาน จากนั้นเจนิสก็ก็ขับรถออกไปด้วยความรีบร้อน ริวเห็นเช่นนั้นก็รีบขับรถตามเจนิสออกไปทันทีโดยที่ไม่ให้เธอนั้นรู้ตัวว่าผมนั้นกำลังตาม
จนกระทั้งรถของเจนิสขับเข้าไปที่เนอสเซอรี่แห่งหนึ่งแต่ผมจะขับตามเธอเข้าไปไม่ได้ เพราะไม่มีบัตร ริว เลยต้องจอดรถและแอบมองเจนิสที่ขางเนอสเซอรี่เแทน
จากนั้นร่างบางของเจนิสก็เดินลงมาจากรถ และเดินเข้าไปที่ตึก เจนิสยืนอยู่ข้างหน้าซักพัก จากนั้นน้องฟรอสต์ที่เห็นเจนิส เด็กน้อยก็วิ่งเข้ามา กระโดดกอดผู้เป็นแม่ของเขาทันที เด็กน้อยทั้งกอดทั้งหอม ด้านเจนิสก็กอดและฟัดกับลูกชายด้วยเช่นกัน มันเป็นภาพที่สองแม่ลูกนั้นกอดกันด้วยความรักและคิดถึง ทั้งสองหัวเราะและยิ้มให้กันที่เต็มไปด้วยความสุข มันช่างเป็นภาพที่น่ารักมาก แต่ริวที่เห็นเช่นนั้น ร่างสูงที่แอบมองสองแม่ลูกถึงกับจุกและหน่วงภายในใจ ริวมองเจนิสที่น้องฟรอสต์อยู่เช่นนั้น จนกระทั้งเจนิสนั้นเดินจูงมือน้องฟรอสต์นั้นมาเดินมาถึงที่รถ
"เลิกเรียนแล้ว วันนี้เราไปทานไอศครีม กันนะครับคนเก่ง" เจนิสเอ่ยกับลูกชายด้วยเสียงหวาน พร้อมกับหอมแก้มลูกชายไปหนึ่งฟอด วันนี้ถึงจะมีเรื่องราวมากมายที่ทำให้รู้สึกเครียด และเหนื่อยใจ แต่พอเจอหน้าลูกทำเอาฉันถึงกับหายเหนื่อยไปเลย
"โอเค ค๊าบ ม่ามี้ จินไอศครีมคร๊าบ " น้องฟรอสต์เด็กชายที่ชอบทานไอศครีมเป็นชีวิตจิตใจ ถึงกับกระโดดตัวด้วยความดีใจ ที่วันนี้คุณแม่คนสวยนั้นจะพาไปทานของโปรดของเขา
ท่าทีของเจนิสและน้องฟรอสต์นั้น ร่างบางกับไม่รู้เลยว่ามีสายตาคมที่แอบเฝ้ามองเธอผ่านกระจกรถมาด้วยความรู้สึกทั้งดีใจและเสียใจในเวลาเดียวกันที่มีลูกชายตัวน้อยที่หน้าตานั้นถอดแบบมาจากเขา อีกใจก็รู้สึกเจ็บ จุก เจ็บที่ผ่านมาไม่เคยรับรู้เรื่องราวของพวกเขาไม่เคยได้กอดได้หอมลูก และปล่อยเจนิสนั้นเลี้ยงลูกของตนเพียงคนเดียว ริวแอบมองสองแม่ลูกจนกระทั่งร่างบางนั้นขับรถออกไป
"ฉันไม่ยอมปล่อยให้เธอเลี้ยงลูกของเราเพียงลำพังอย่างที่ผ่านมาหรอกนะ เจนิส ที่ผ่านมาฉันขอโทษที่ปล่อยให้เธอนั้นลำบากเพียงคน" ร่างสูงเอ่ยพร้อมกับหลับตาลงอย่างช้าๆ ความรู้สึกเหนื่อยล้าและสับสนภายในใจ ที่มันหนักอึ้งขึ้นมาภายในหัว ฉันจะเริ่มมันจากตรงไหนก่อนดี เรื่องเมียเรื่องลูกใบหน้าอันหล่อเหลาถึงกับรู้สึกคิดหนัก
ร่างสูงเดินกลับเข้ามาในคฤหาสน์หลังใหญ่ในรอบหลายวัน ก้าวแต่ละก้าวที่เดินเข้ามาถึงกับหนักอึ้งภายในหัว แม่บ้านที่เห็นคุณชายเล็กกลับเข้าคฤหาสน์ในเวลาบ่ายสามกว่าๆ ถึงกับงงงวยไปตามๆ กัน ปกติคุณริวนั้นมักจะคลุกตัวอยู่ที่บริษัทหรือไม่คอนโด แต่วันนี้แปลกแฮะทำไมคุณริวถึงได้กลับเข้าบ้านมาเร็วนัก แต่นั้นก็ไม่มีใครกล้าเอ่ยถามอะไรออกมา คุณหญิงปรางค์ทิพย์ที่ออกกำลังกายอยู่ในบ้าน เห็นหน้าบุตรชายคนเล็กถึงกับเดินเข้ามาทักทายทันที
"ตาริว ทำไมวันนี้กลับเร็วจังละลูก"
"ผมแค่รู้สึกปวดหัวนะครับคุณแม่"
"ต้าย จริง เป็นไรมากหรือเปล่า" มารดาเอ่ยถามบุตรชายมาด้วยสีหน้าเป็นห่วง
"แค่นอนพักซักหน่อย ก็น่าจะดีขึ้นนะครับ" ริวเอ่ยด้วยสีหน้าซีดเซียวราวกับคนหมดแรง
"ตาริว งานในบริษัท ถ้ามันหนักมาก ก็บอกพี่เราไปเลยนะลูก อย่าหักโหมจนล้มป่วย แม่มีลูกแค่สองคนนะ เกิดลูกเป็นไรขึ้นมามันไม่คุ้มนะ สุขภาพสำคัญกว่านะลูก" คุณหญิงปรางทิพย์เอ่ยกับลูกชายมาด้วยความเป็นห่วง เพราะสีหน้าริวนั้นไม่สู้ดีนัก
"งั้น รีบไปพัก เถอะ แม่ไม่กวนแล้ว เดี๋ยวแม่สั่งคนเอายาขึ้นไปให้นะลูก"
"ขอบคุณครับคุณแม่" จากนั้นริวก็ขึ้นไปพักที่ห้องนอนของตนทันที เขาจะมีสมาธิกลับไปทำงานได้ยังไง ในเมื่อเรื่องน้องฟรอสต์นั้งยังคงค้างคาภายในใจของเขา
อีกด้านของเจนิสหลังจากที่น้องฟรอสต์นั้นเลิกเรียน วันนี้ฉันก็พาลูกชายสุดที่รักนั้นมาเล่นพวกของเล่นที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง จากนั้นก็พาลูกชายสุดที่รักนั้นมาทานของโปรดอย่างไอศครีมนั้นเอง เจ้าอ้วนแก้มย้วยของฉันที่นั่งทานอย่างเอร็ดอร่อย ยิ่งมองยิ่งหมั้นเขี้ยว แต่จู่ๆ ใบหน้าของพี่ริวก็ผุดขึ้นมาในหัว เอาจริงที่ฉันตอบเรื่องลูกกับพี่ริวไปเช่นนั้น เพราะฉันนั้นรู้สึกเจ็บกับสิ่งที่เขาทำกับฉันในอดีต แต่อีกใจฉันไม่ควรเอาเรื่องของฉันและพี่ริวมาตัดสินกับเรื่องลูก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คลั่งรักร้ายนายวิศวะ