“เมื่อปอกแอปเปิลเสร็จแล้วหนูก็จะไป เพียงแต่ที่นี่มีคนเดินเข้าออกอยู่ตลอด คุณแม่แน่ใจหรือคะว่าจะแสกงพฤติกรรมเช่นนี้ให้คนอื่นได้เห็น ?” เชอร์รีนพูดเบา ๆ อย่างเย็นชา
สิ่งนี้เป็นการโจมตีจุดอ่อนของสุนันท์เข้าอย่างจัง ความโกรธนั่นจึงถูกระงับอยู่ภายในอก ไม่อาจระบายออกมาได้ ทำให้ทุกข์ทรมานใจเป็นอย่างมาก
หลังจากปอกแอปเปิลเสร็จ เชอร์รีนก็วางลงบนจานผลไม้ที่อยู่ด้านข้าง จากนั้นจึงลุกขึ้น และเตรียมตัวจะเดินจากไป
ในที่สุดความขุ่นเคืองที่อัดแน่นอยู่ภายในใจก็ผ่อนคลายลง สุนันท์เอนกายลงบนเตียงผู้ป่วย จากนั้นจึงตบหน้าอกของตนเองเบา ๆ แต่ปากของเธอก็ยังคงขยับขึ้นอีก : “รีบไสหัวไป ! ยิ่งเร็วยิ่งดี ทางที่ดีไม่ต้องมาปรากฏตัวต่อหน้าฉันอีก ไม่ต้องให้ฉันเห็นหน้าเธออีก !”
เพราะเธอ เลอแปงจึงไปอเมริกา ตอนนี้เธอไม่อยากเห็นหน้าของเชอร์รีนเลยสักนิด
เมื่อได้ยินดังนั้น เชอร์รีนก็รู้สึกขำ เธอคิดว่าเธอเป็นใคร ? เธอคิดว่าใคร ๆ ก็อยากไปปรากฏตัวต่อหน้าเธออย่างนั้นหรือ ?
เธอรนหาที่จริง ๆ อันที่จริงไม่จำเป็นต้องมาเยี่ยมเธอเสียด้วยซ้ำ ทำไมจะต้องหาเหาใส่หัวด้วยนะ ?
เธอปฏิบัติต่อสุนันท์อย่างมีมารยาทและมีน้ำใจไมตรี แต่สุนันท์กลับไม่เห็นค่าของสิ่งเหล่านี้เลย ครั้งนี้ เธอตัดสินใจผิดจริง ๆ !
ขณะที่เธอกำลังเดินก้มหน้าก้มตาไปยังห้องพักผู้ป่วย กลับถูกคนคนหนึ่งเข้ามายืนขวางทางเอาไว้ เมื่อเงยหน้าขึ้นก็พบว่าออกัสกำลังยืนอยู่ด้านหน้า
บทสนทนาที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ เธอรู้ว่าเขาเองก็คงได้ยินเกือบทั้งหมด
เธอมองผ่านเขาไปโดยไม่พูดอะไร จากนั้นจึงเดินผ่านเขา และมุ่งตรงไปด้านหน้า
แววตาของออกัสดูลึกซึ้ง ทั้งราบเรียบและดำสนิท ดูราวกับกระจกที่ถูกเคลือบด้วยเทคนิคขั้นสูง เขาก้าวขายาวตามไปทันที
เมื่อเห็นดังนั้น สุนันท์ที่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยก็ขมวดคิ้วแน่นทันที เธอจงใจแสร้งส่งเสียงร้องครวญครางเพื่อดึงดูดความสนใจของออกัส
แต่ทว่า รูปร่างสูงโปร่งของออกัสกลับหายลับไปจากห้องผู้ป่วยเรียบร้อยแล้ว เขาเดินตามเชอร์รีนไปอย่างรวดเร็ว จึงไม่ได้ยินเสียงร้องครวญครางของสุนันท์
สุนันท์โกรธจัดจนปวดท้องขึ้นมาและหายใจเหนื่อยหอบ
ตอนนี้ หยาดฝนเดินเข้ามาพอดี ภาพที่ปรากฏขึ้นเมื่อครู่เธอเห็นอย่างชัดเจน เมื่อเห็นเธอ สุนันท์ก็พูดขึ้นว่า : “อาการเป็นอย่างไรบ้าง ?”
“ดีขึ้นมากแล้วค่ะ พี่สะใภ้ล่ะคะ ?” หยาดฝนยิ้มมุมปากเล็กน้อยแล้วเอ่ยตอบ
“ก็เหมือนเดิมนั่นแหละ แต่เกือบจะโมโหจนตายอยู่บนเตียงผู้ป่วยแล้ว” สุนันท์ส่งเสียงฟึดฟัดด้วยความโมโห
“หนูว่าเชอร์รีนเองก็ดูเป็นคนดีนะคะ เธอไม่ได้ทำอะไรเกินเลยสักนิด แล้วทำไมพี่สะใภ้จะต้องโมโหเธอขนาดนั้นด้วยล่ะคะ ?” หยาดฝนเอ่ยปากอย่างนุ่มนวล แต่แววตาฉาบไปด้วยประกายแวววับ
สุนันท์ถอนหายใจ : “หยาดฝนเอ๋ย เธอจิตใจดีเกินไป เธอยังไม่ได้ทำอะไรทุกอย่างก็เป็นเช่นนี้แล้ว หากเธอลงมือทำล่ะก็ตระกูลสิริไพบูรณ์ไม่ต้องลุกเป็นไฟหรืออย่างไร ?”
เธอแอบคิดในใจว่า จะให้เรื่องราวต่าง ๆ ดำเนินต่อไปเช่นนี้ไม่ได้อีกต่อไป
จำเป็นจะต้องมีมาตรการบางอย่าง......
ออกัสก้าวขายาวเพียงสองก้าวก็ตามเชอร์รีนได้ทัน เขาเรียกเบา ๆ แต่นุ่มนวลว่า : “คุณหญิงเชอร์รีน......”
อารมณ์ของเชอร์รีนยังคงเป็นปกติ เธอไม่ได้รู้สึกโกรธเพราะการกระทำหรือคำพูดของสุนันท์ เมื่อได้ยินดังนั้น เธอก็เหลือบไปมอง : “สัญญาสำคัญของบริษัทฉบับนั้น จัดการเสร็จเรียบร้อยแล้วหรือคะ ?”
เมื่อได้ยิน ก็มีประกายหม่นหมองปรากฏขึ้นมาในแววตาของเขา ใบหน้าอันหล่อเหลาของออกัสยังคงเรียบเฉย เขาทำเพียงแค่ตอบเราเบา ๆ หนึ่งคำ และไม่ได้พูดอะไรให้มากความนัก : “อืม แล้วตอนนี้คุณหญิงเชอร์รีนกำลังจะไปที่ไหนต่อ ?”
“ไปห้างสรรพสินค้าค่ะ” เธอเองไม่ได้คิดอะไรมาก
“ไปด้วยกันเถอะ......” เขาพูดออกมาเบา ๆ
เชอร์รีนเหลือบมองเขา แล้วขานรับออกมาเบา ๆ : “ได้ค่ะ”
เมื่อไปถึงห้างสรรพสินค้า เชอร์รีนง่วนอยู่กับการเดินไปเดินมาในแผนกแม่และเด็ก เธอเลือดเสื้อผ้าที่เหมาะสมอย่างจริงจัง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง