เชอร์รีนเป็นเหมือนจุดอ่อนของเขา เมื่อพูดถึงก็จะรู้สึกโกรธจนขาดสติทันที
“ใครบอก?” เขาพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำและเย็นชา
“ไม่มีใครพูดทั้งนั้น ฉันแค่เดา สามปีก่อนนายถ่ายรูปกับฉันได้ แต่สามปีหลังกลับไม่ยอมถ่ายด้วย งั้นก็คงมีเหตุผลเดียวที่เป็นไปได้ นั่นก็คือเชอร์รีน เธอเป็นภรรยาของนาย นายจะต้องกลัวเธอแน่นอน ดังนั้นเลยปฏิเสธฉันแบบนี้ ไม่ใช่หรือไง?”
กลัวเชอร์รีนงั้นเหรอ กลัวผู้หญิงที่บอกว่าเกลียดตัวเองและคิดจะหย่ากับตัวเองตลอดเนี้ยนะ น่าขำสิ้นดีเลยนะ……
ขณะเดียวกัน ออกัสก็แสยะยิ้มเย็นชา แล้วพูดกับหยาดฝนว่า: “ผู้หญิงที่คิดจะหย่ากับฉัน เธอคิดว่าฉันจะกลัวหล่อนงั้นเหรอ?”
ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหน กล้าท้าทายเส้นตายและความอดทนของเขาขนาดนี้มาก่อน!
ผู้หญิงที่ปากบอกเกลียดเขาและอยากจะหย่ากับเขาตลอดเวลาแบบนั้น เขาไม่มีเธอแล้ว ชีวิตของเขาก็ดำเนินต่อไปได้ดีเหมือนเดิม!
เธอคิดจริงเหรอว่า เขาจะขาดเธอไปไม่ได้?
แต่ว่า พอหยาดฝนได้ยินแล้ว เธอกลับรู้สึกว่าเขากำลังให้คำมั่นสัญญากับเธออยู่ และทำให้เธอรู้สึกดีใจและตื่นเต้นไปตามๆกัน
เขาจะหย่ากับเชอร์รีนแน่นอน!
ถ้า เขากับเชอร์รีนหย่ากันแล้ว งั้นเธอ……
ตอนนี้ ถ่ายหรือไม่ถ่ายรูปกับเธอ มันไม่สำคัญแล้วล่ะ ที่สำคัญคือ เธอรู้ว่าในใจเขามีเธอ แค่นี้ก็พอแล้ว อีกอย่าง ต่อไปเขาจะกลายเป็นของเธอโดยสมบูรณ์แล้วด้วย!
รอยยิ้มบนใบหน้าของหยาดฝนดูพร่าเลือนและสดชื่นมากขึ้นเรื่อยๆในละอองฝน เธอยืนต่อหน้าเขานิ่งๆ แล้วเงยหน้าขึ้นมองเขา
เธอเป็นคนใจเย็นเงียบสงบ ตอนนี้กลับร้อนรนดั่งไฟที่ปะทุขึ้นมา ไม่มีอะไรมาดับได้
แขนเรียวยาวดั่งรากบัว โอบคอเขาเอาไว้แล้วเขย่งเท้าขึ้นมา
มือเล็กจับมือใหญ่ของเขาไว้ แล้ววางไว้ตรงเอวบางของตัวเอง จากนั้นก็ขยับตัวแนบกับเขาไว้
เมื่อผู้หญิงคนหนึ่งทำถึงขั้นนี้แล้ว งั้นความหมายและการบอกเป็นนัยที่แสดงออกมาก็ชัดเจนมากขึ้น
เธออยากได้……เขา……
ออกัสจ้องเขม็งต่อมาก็ขมวดคิ้วขึ้นมา การกระทำที่เกิดขึ้นกะทันหันแบบนี้ทำให้เขารู้สึกแปลกใจ และยังมีความรู้สึกที่พูดไม่ออก
แต่ว่า ความแปลกใจนี้คงอยู่ไม่นาน มือใหญ่วางลงบนไหล่ของเธอ แล้วผลักเธอออกไป
แก้มสองข้างของหยาดฝนแดงก่ำ เธอจ้องมองเขานิ่งๆ ดวงตาเหมือนดั่งห่อหุ้มหยดน้ำเอาไว้
แต่ออกัสไม่หวาดหวั่น เขาดมกลิ่นที่ห้อมล้อมอยู่เต็มจมูกตัวเอง นึกถึงกลิ่นส้มหอมอ่อนๆ
ตอนนี้เอง หยาดฝนถึงรู้ตัวว่า ที่นี่คือถนน แม้จะเงียบมากก็ตาม แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีคนเดินผ่านมา และตัวเองเมื่อกี้ก็ยัง……
ใบหน้าสวยแดงระเรื่อ เธอหายใจถี่เล็กน้อยแล้วพูดว่า: “ออกัส ของที่ฉันซื้อไว้ตอนเช้าลืมไว้ที่คฤหาสน์น่ะ ฉันรอนายที่นี่แล้วกัน จากนั้นพวกเราค่อยเดินขึ้นเขากันต่อ”
ลูกกระเดือกขยับเล็กน้อย และออกเสียงครางในลำคอ ต่อมาเขาก็กลับหลังหันเดินลงเขาไปด้วยแววตามืดมน
พอเขาไปแล้ว หยาดฝนก็ถึงถอนหายใจ เธอยืนอยู่กับที่ รู้สึกมองผ่านละอองฝนนี้ ดวงตาเป็นประกาย เธอขยับร่างกายและเต้นอยู่กับที่
อ้อมป่าไผ่ไป เชอร์รีนเหลือบตาไปเห็นภาพนี้พอดี เธอกระตุกมุมปากโดยไม่มีรอยยิ้มใดๆ มีเพียงความประชดและหดหู่ใจก็เท่านั้น
เป็นเรื่องที่มีทั้งสุขและเศร้าจริงๆ สำนวนนี้ดูเหมาะสมกับสถานการณ์แบบนี้มาก
เธอไม่ได้มองหยาดฝนนาน แต่แค่มองด้วยแววตาเย็นชา จากนั้นก็มุ่งหน้าเดินขึ้นเขาต่อไป
แม้จะเป็นภูเขา แต่ก็ไม่คดเคี้ยวเท่าไหร่ ถนนที่สร้างขึ้นใหม่ก็เรียบมาก มองดูบรรยากาศภูเขาภายใต้ละอองฝน ดูไม่เลวเลยจริงๆ อย่างน้อย……บรรยากาศที่เปิดกว้างแบบนี้……คงจะทำให้จิตใจเธอสงบและขจัดความหมองเศร้าออกไปได้……
แน่นอน หยาดฝนก็เห็นเชอร์รีนแล้วเหมือนกัน ก็เห็นว่าตัวเองลืมตัว เธอรู้สึกอับอาย แต่ก็เดินตามหลังเธอขึ้นไปบนภูเขา
แต่ว่า ทั้งสองไม่ทันได้สังเกตเลยว่า ด้านหลังมีชายสองคนแอบเดินตามหลังมา แถมยังแอบกระซิบกันเสียงเบา แต่ว่า สายตาที่มองมากลับดูเจ้าเล่ห์และอันตรายมาก!
เธอรีบยืนนิ่งแล้วหันหน้ากลับไป แต่กลับเห็นชายสองคนที่สวมชุดเจ้าหน้าที่กำลังเดินมาทางนี้ ในมือถือมีดเอาไว้ มีดนั้นดูแหลมคมมาก
หยาดฝนเดินถอยหลังไปหลายก้าว ใบหน้างดงามนั้นแม้จะซีดเซียว แต่ก็ยังตั้งสติได้อยู่
ในขณะเดียวกัน ทั้งสองก็เห็นเชอร์รีนที่อยู่ข้างๆเหมือนกัน พวกนั้นรีบแบ่งหน้าที่กัน ขวางเธอกับหยาดฝนไว้ตรงกลาง
“พวกนายจะทำอะไร?” เชอร์รีนตั้งสติแล้วมองสองคนตรงหน้า แล้วมองสภาพแวดล้อมรอบๆด้วย ด้านหลังก็คือหน้าผา ทางเดียวที่หนีไปได้ก็ถูกพวกนั้นขวางไว้แล้ว ไม่มีทางหนีไปไหนได้เลย
แต่สองคนนั้นดูเหมือนจะวางแผนมานาน งั้นก็สามารถคาดเดาได้ว่า พวกนั้นจะเอาเงิน ไม่งั้นก็มีบาดหมางกับพวกเขา หลักๆก็มีเหตุผลแค่นี้แหละ
“ของที่พวกเราอยากได้ เธอให้ได้งั้นเหรอ?” ผู้ชายถือมีดไว้แล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“นอกจากเงิน พวกนายยังอยากได้อะไร?”
“ก็ต้องเป็นชีวิตสิ!”
หยาดฝนขมวดคิ้ว: “แต่ว่า พวกเราไม่มีเรื่องบาดหมางกัน แถมยังไม่เคยเจอหน้ากันด้วย ทำไมถึงอยากได้ชีวิตของพวกเราล่ะ?”
“พวกเธอไม่มีบาดหมางกับพวกเราก็จริง แต่บางคนกลับมีบาดหมางกับพวกเรา พูดให้ชัดเลยก็คือ พวกเธอจะเป็นแพะรับบาปแทน!”
ชายหนุ่มที่ถือมีดอีกคนก็พูดขึ้นว่า: “พวกเธอสองคน คนหนึ่งเป็นภรรยาของเขา อีกคนเป็นคนรักของเขา จับปลาสองมือ คงจะมีความสุขมากสินะ แต่กลับทำร้ายพวกเราถึงขั้นที่ว่า ครอบครัวแตกแยก ขนาดหาข้าวกินยังยากเลย พวกเราจะปล่อยเขาไปได้ยังไง?”
หยาดฝนก็เข้าใจสาเหตุบ้างแล้ว เธอส่ายหน้าแล้วพูดอย่างแน่วแน่ว่า: “ออกัสไม่ใช่คนแบบนั้นหรอก ถ้าไม่มีเหตุผล เขาไม่มีทางทำแบบนั้นแน่นอน สาเหตุจะต้องมาจากตัวพวกนายสองคนนั่นแหละ”
ได้ยินแบบนั้นแล้ว สีหน้าของทั้งสองก็ดูโหดเหี้ยมมากขึ้นกว่าเดิม พวกเขาจ้องมองหยาดฝนด้วยแววตาเย็นชา หนึ่งในนั้นแววตาของเขาดูเย็นชาและบ้าคลั่งมาก ทำให้คนไม่รู้ว่าวินาทีต่อไป พวกเขาจะทำอะไรที่บ้าคลั่งหรือเปล่า
หยาดฝนรู้สึกหวาดกลัว และถอยหลังไปช้าๆ แต่เชอร์รีนกลับพูดขึ้นมาตอนนี้: “พวกนายตามพวกเรามาตั้งแต่แรกแล้วใช่ไหม?”
“ใช่ พวกเราเริ่มตามมาตั้งแต่เช้าแล้ว ฉันจะบอกอะไรให้เธอนะ ตอนที่เธอยังไม่ขึ้นภูเขา สามีเธอกับแม่นี่กำลังกอดและจูบกันด้วย!”
ชายหนุ่มถูกเบี่ยงเบนความสนใจ ความบ้าคลั่งของเขาหายไปเล็กน้อย จากนั้นก็มองไปที่เชอร์รีน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง