ทว่าเธอไม่เข้าใจ ท้องของหม่ามี๊เล็กขนาดนั้นจะใส่เธอลงไปได้ยังไง?
ทว่าอาจารย์ดวงใจไม่หลอกเธอแน่นอน ดังนั้นเธอไม่ใช่คนที่ลอยมาบนน้ำ แต่เกิดมาจากท้องของหม่ามี๊
เวลาเด็กคิดอะไรอยู่ก็จะเผยอารมณ์ทางสีหน้า ไม่มีทางปิดบังเลยสักนิด
ออกัสรู้สึกใจอ่อน จ้องมองลูกสาวด้วยแววตาอ่อนโยน เมื่อริมฝีปากบางกระตุก เสียงทุ้มต่ำที่ไม่ค่อยเป็นธรรมชาติมากนักก็ลอยออกมา“ฉันเป็นแด๊ดดี้ของหนูจริงๆ”
เขาไม่เคยอยู่กับเด็กอายุเล็กบอบบางขนาดนี้มาก่อน จึงทำให้ไม่รู้จะเสวนาเช่นไร
“จริงเหรอคะ?” ใบหน้าเล็กของซารางเอนเอียง ยังไม่เชื่อคำพูดของเขา เพราะหม่ามี๊ไม่เคยบอกว่าเขาเป็นแด๊ดดี้เธอมาก่อน
“แน่นอนครับ หนูอยากดื่มอะไรครับ น้ำผลไม้หรือว่าน้ำโค้กล่ะ?”
ซารางขยับกาย“หนูไม่อยากดื่มอะไรทั้งนั้นค่ะ คุณไม่ใช่บอกว่าหม่ามี๊จะมาไม่ใช่เหรอคะ แล้วหม่ามี๊จะมาเมื่อไหร่?หนูเอาแต่หม่ามี๊ ไม่เอาน้ำผลไม้ ไม่เอาน้ำโค้กด้วย”
เธอไม่เชื่อคำพูดของเขา เธอจะถามหม่ามี๊ ถามหม่ามี๊ว่าเธอมีแด๊ดดี้หรือเปล่า แล้วเขาคนนี้ใช่แด๊ดดี้ของเธอหรือไม่ เธอเชื่อคำพูดของหม่ามี๊เท่านั้น
ออกัสกระพริบตา ดวงตาจดจ่อกับใบหน้าที่ละม้ายคล้ายคลึงกับตน หัวใจยิ่งอ่อนนุ่มมากขึ้นเรื่อยๆ “หม่ามี๊อยู่บนเครื่องบินไฟล์ทต่อจากพวกเราครับ เดี๋ยวก็ถึงครับ”
ซารางกลับมองนอกหน้าต่าง เธอคิดถึงหม่ามี๊ คุณอาน่าเกลียดคนนี้บอกว่าหม่ามี๊ให้พวกเธอนั่งเครื่องบินไปที่หนึ่ง จากนั้นเมื่อหม่ามี๊ทำธุระเสร็จจะตามมาทีหลัง ตอนนี้ธุระด่วนของหม่ามี๊เสร็จหรือยังนะ?
ออกัสผู้ซึ่งไม่เคยอยู่กับเด็กมาก่อน เมื่อเห็นท่าทีของซารางก็ได้แต่ขมวดคิ้วมุ่นและนิ่งเงียบ
สองชั่วโมงให้หลัง เครื่องบินที่ท่าอากาศยานเมือง ซึ่งไม่รู้ว่าซารางผล็อยหลับบนเก้าอี้หนังตั้งแต่เมื่อใด ตอนเครื่องบินลงจอดก็ยังไม่ตื่น
ออกัสขมวดคิ้วเล็กน้อย โค้งร่างสูงโปร่งลง ก่อนจะอุ้มซารางขึ้นมาไว้ในอ้อมแขนอย่างระมัดระวังและไม่เป็นธรรมชาติ
ปกติสามทุ่มก็จะเข้านอนแล้ว ตอนนี้เวลาล่วงเลยมาถึงสี่ทุ่มกว่า เธอจึงง่วงจนลืมตาไม่ขึ้น
รถสีดำขลับจอดรออยู่นอกสนามบินก่อนแล้ว ออกัสก้าวเท้ายาวเข้าไปนั่ง ส่วนซารางยังคงหลับสนิทอยู่ในอ้อมแขนเขา
มือใหญ่ข้างหนึ่งจับตัวร่างน้อยๆไว้ ส่วนมือใหญ่อีกหนึ่งล้วงมือถือออกจากกางเกงสแล็ค เมื่อเปิดเครื่องพลันพบว่าไม่ได้รับสายทั้งหมดสิบสองสาย ซึ่งไม่ได้รับจากเธอเจ็ดสาย ส่วนอีกห้าสายเป็นของเลอแปง
นิ้วมือเรียวยาวเลื่อนหน้าจอ เมื่อเขาโทรออก เรียกได้ว่าเพียงเสี้ยววินาที อีกฝ่ายก็รับสายเสียแล้ว เสียงเชอร์รีนมีความกราดเกรี้ยวส่งมา“ออกัส คุณพาซารางไปไหน?”
“คุณเดาดูสิ?” ริมฝีปากบางกระตุกขึ้น จากนั้นก็ลั่นสิ่งนี้ออกมา จากนั้นก็ทิ้งประโยคหนึ่งขึ้นมาเนือยๆ “ย่อมเป็นที่ที่คุณหาไม่เจออยู่แล้ว……”
ประโยคนี้ทำให้ความโกรธของเชอร์รีนยิ่งทวีคูณมากขึ้น“ออกัส!”
“เมืองS......” ออกัสลั่นอีกหนึ่งประโยคออกมาด้วยเสียงทุ้มต่ำ คล้ายกับเห็นเพลิงโทสะของเธอแล้วก็ไม่ปาน เขากระพริบตา เมื่อหางตาเห็นซารางขมวดคิ้ว หลังได้ยินเสียงรบกวน เขาเลยตัดสายทิ้งทันที
“คุณ——”
เธอยังไม่ทันเอ่ยสิ่งใด อีกฝั่งหนึ่งก็ตัดสายทิ้งเสียแล้ว ข้างหูจึงได้ยินแต่เสียง ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด
เชอร์รีนมองมือถือ เพลิงโทสะในหัวใจแผดเผาอย่างลุกโชติช่วงยิ่งขึ้น เวลานี้ มือถือก็เกิดการสั่นคลอน เป็นเพราะเลอแปงโทรมาหานี่เอง
“ผมไปคอนโดของพี่ใหญ่แล้ว ไม่มีคนเลยครับ ผมจะช่วยคุณตามหาที่อื่นต่อนะครับ คุณรอสายจากผมนะครับ”
เลอแปงก้าวเดินอย่างรวดเร็ว ถึงแม้จะคุยผ่านโทรศัพท์ ทว่าเชอร์รีนก็ได้ยินเสียงฝีเท้าอันเร่งรีบอย่างชัดเจน “เลอแปง ไม่ต้องหาแล้วค่ะ ฉันได้คุยกับเขาผ่านมือถือแล้วค่ะ”
“ได้คุยแล้วเหรอครับ?”
“ใช่ค่ะ ดึกแล้วคุณกลับไปพักผ่อนเถอะค่ะ”
ได้ยินดังนั้น เลอแปงพลันเบาใจ“ครับ ถ้ามีอะไรก็โทรหาผมนะครับ อีกอย่างซารางเป็นลูกของพี่ใหญ่ ไม่เป็นอันตรายหรอกครับ คุณไม่ต้องเป็นห่วง”
เมื่อสิ้นการสนทนาทางสายกับเลอแปง สิ่งแรกที่เชอร์รีนกลับถึงบ้านแล้วทำคือ จองตั๋ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง