ขณะที่หัสดินเดินผ่านเธอ รองเท้าส้นสูงที่อยู่ใต้เท้าของเรนนี่ก็เหยียบพลาดล้มลงกับพื้น
เพียงชั่วพริบตาขาของหัสดินขยับก็ไปทางซ้าย คล้องแขนยาว ดึงเรนนี่ที่กำลังจะล้มลงพื้นเข้าไปในอ้อมแขน
ร่างกายเธออ่อนราวกับสระน้ำพุ เหมือนแมวไร้กระดูก ซบลงบนอกเขาอย่างเกียจคร้าน ขยับบ้างเป็นครั้งคราว
หัสดินขมวดคิ้วอยากจะผลักเธอออกไป แต่เธอขยับตัวเร็วกว่า แขนเรียวยาวคล้องที่คอเขา "ฉันกำลังฝันไปใช่ไหม? ทำไมในฝันถึงมีหัสดินปรากฏตัวได้?"
หัสดินคลายมือที่เอวเธอโดยไม่พูดอะไรมาไว้ที่แขนเธอแล้วง้างออก
แต่ทว่าปฏิกิริยาของเรนนี่เร็วกว่า เธอเขย่งเท้า จูบริมฝีปากบางของเขาโดยตรง
การกระทำของเธอกะทันหันเกินไป หัสดินไม่ทันได้ตอบสนอง แต่ก็รู้สึกได้
เขาหลับตาลงเล็กน้อย จากนั้นหัสดินก็ผลักเธอออก ผลักสิ่งล่อใจออกไป แต่เรนนี่ยิ้มอย่างเมามาย "ฉันฝันไปจริงๆ"
ยู่ยี่ยังคงตั้งครรภ์อยู่ตอนนี้ เขาไม่สามารถทำสิ่งที่ผิดต่อยู่ยี่ได้อีกต่อไป ไม่อย่างแน่นอน!
ขณะเดินออกจากโรงแรมหัสดินโบกแท็กซี่ ส่งเรนนี่เข้าไป จากนั้นบอกที่อยู่วิลล่าในชานเมืองให้กับคนขับแท็กซี่
รถขับออกไปไกล เรนนี่กลับลืมตาขึ้น ตาของเธอสดใส ไม่มีท่าทีเมามายแม้แต่นิดเดียว?
แน่นอนว่าเมื่อกี้เธอลองใจเขา ทำให้ได้รู้ว่าเขายังรู้สึกกับเธออยู่ แต่แค่เพียงกำลังควบคุมตัวเองเอาไว้เท่านั้น!
ผู้ชายมักไม่ชอบผู้หญิงมาพัวพันที่สุด ไม่ว่าก่อนหน้านี้จะเคยชิดใกล้แค่ไหน แต่เมื่อคำว่า "เลิกกัน" หลุดออกมาจากปากผู้ชายแล้ว ผู้หญิงจะต้องไม่หลงเอาตัวเองเข้าไปพัวพันอีก แบบนี้จะไม่เพียงทำให้ผู้ชายรู้สึกเบื่อหน่าย แต่ความหวานระหว่างทั้งสองก่อนหน้านี้ก็จะหายไปด้วย
ดังนั้นเธอจะไม่มีทางจูบหัสดินในขณะที่มีสติ เธอจะยั่วยวนเขาในเวลาที่เมามายไร้สติเท่านั้น
โดยพื้นฐานผู้ชายนั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่สนแค่ความรู้สึก เขาสามารถอดทนได้ในครั้งนี้ แล้วครั้งหน้าหรือครั้งหน้าหน้าล่ะ?
เธอคิดว่าสิ่งที่เธอต้องการทั้งหมดคือโอกาส
ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างเขากับยู่ยี่ยิ่งไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว นี่เป็นความจริงที่มิอาจปฏิเสธได้
...
ยู่ยี่กลับมาช้ากว่าหัสดิน เธออยู่ที่โรงพยาบาลนาน เธอรอจนเฟริส์ตื่นขึ้นถึงจะกลับมา
เขาดื่มเหล้ามาไม่น้อย แม้จะห่างกันไกลแต่เธอก็ได้กลิ่น คิ้วจึงขมวดอย่างห้ามไม่อยู่
ตอนเที่ยงและตอนบ่ายเธอล้วนยังไม่ได้กินข้าว ตอนนี้กำลังหิวมาก เธอไปที่ครัวเพื่อต้มโจ๊กที่เบาท้อง ย่อยง่าย
ขณะออกมาจากห้องครัว หัสดินที่เมามาโผล่หน้าเข้ามา กอดเธอแน่น ใบหน้าขยับยุกยิกที่คอเธอไม่หยุดพลางพูดว่า "ภรรยา เรามาคืนดีกันนะครับ"
ได้ยินเช่นนี้ความโกรธของยู่ยี่ก็ลดลงเล็กน้อย แต่เธอก็ยังไม่ปล่อยเขาไป "เรื่องวันนั้นเป็นความผิดของใคร?"
"ความผิดผม ทั้งหมดเป็นความผิดผมเอง เป็นความผิดผมเอง..." กลิ่นเหล้าของเขาทำเอาเธอหายใจไม่ออก
"อยู่ให้ห่างจากฉันหน่อย ยืนตรงๆ อย่าขยับมือขยับเท้า!" ยู่ยี่ออกแรงผลักเขาออกไปเหมือนกับเป็นปลาสเตอร์หนังหมา
หัสดินยืนเซเล็กน้อย ยืนไม่มั่นคงนัก ดวงตาทรงดอกท้อเหล่มองขึ้น ใบหน้าดูมึนเมา
"งั้นบอกฉันมาก่อนว่าคุณผิดตรงไหน?"
"ผมไม่ควรจูบหลังมือของเรนนี่ เพราะภรรยาของผมหึงแรง อีกอย่างสุดท้ายผมก็ไม่ได้แตะต้องตัวเธอ ภรรยา คุณทำกับผมเกินไปหน่อยหรือเปล่า?"
ยู่ยี่ขมวดคิ้วอย่างห้ามไม่อยู่ เมื่อได้ยินแบบนี้ ความผิดก็ยังเป็นของเธออยู่ดี เพราะเธอหึงแรง เธอเป็นผู้หญิงที่ขี้หึง
"ดูเหมือนว่า คุณจะยังไม่รู้ความผิดของตัวเอง รอเมื่อไรที่คุณรู้สึกตัวได้ถึงความผิดขอบตัวเองได้จริงๆ ค่อยมาหาพูดคืนดีกับฉัน" เธอเดินกลับไปที่ห้องนอนแล้วปิดประตู
จริงๆแล้วหัสดินไม่ได้เมาเลย เมื่อกี้เขาแค่แสร้งทำเป็นเมาเพื่อขอความเห็นใจ
ดวงตาดอกท้อหรี่ลงอย่างมีสติ มือใหญ่ของเขาสอดเข้าไปในผมดำขลับหนาอย่างวุ่นวายไม่อดทน รู้สึกหงุดหงิดอย่างยิ่ง
เธอทำสงครามเย็นกับเขา ไม่ยอมก้มหัวยอมรับผิด ไม่เป็นไร งั้นเขายอมรับผิดก่อน แม้ว่าเขาจะคิดว่าตัวเองไม่ผิดก็ตาม
แต่ว่าเขาได้เอ่ยปากยอมรับผิดแล้ว เธอก็ควรปฏิบัติตามขั้นตอนที่เขาปูทางให้ สามีภริยาทะเลาะกัน กระทบกันนิดหน่อยก็พอ นี่ยังทำให้มันไม่จบไม่สิ้น!
คนอย่างหัสดินต้องยอมก้มหัวให้กับคนอื่นตั้งแต่เมื่อไร ในเมืองSมีแต่เพียงคนอื่นๆเท่านั้นที่คอยก้มหัวโค้งตัวเมื่อเห็นเขา แต่คนอย่างเขาหัสดินไม่เคยต้องก้มหัวให้ใครมาก่อน
ยู่ยี่เป็นคนแรกและคนเดียว เขาทำได้ถึงขนาดนี้แล้ว ทำไมเธอถึงยังทำเป็นเชิดใส่ได้อีก?
จะว่าไปแล้วสุดท้ายเขายังไม่ได้แม้แต่แตะต้องตัวเรนนี่เลย นี่เขาก็เชื่อฟังคำพูดของเธอแล้วไม่ใช่เหรอ มันถึงขั้นที่จะต้องโกรธขนาดนี้ ทะเลาะกันหนักขนาดนี้เลยรึไง?
ยิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิด เขาหันหลังเดินไปหยิบไวน์แดงที่สะสมมาหลายปีออกมาจากตู้เก็บไวน์ นั่งอยู่ในห้องหนังสือ แล้วดื่มแก้วแล้วแก้วเล่า
ฤทธิ์ของไวน์แดงนั้นไม่ใช่น้อยๆ บวกกับเมื่อก็ดื่มไปไม่น้อยอีก ทำให้ตอนนี้เมามากแล้วจริงๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง