เธอกินโจ๊กซานจาที่มีรสหวานอมเปรี้ยว ไม่เพียงช่วยเรียกน้ำย่อย แต่ยังให้คุณค่าทางโภชนาการอีกด้วย
ขณะกินโจ๊ก ยู่ยี่เงยหน้าขึ้นแล้วพูดว่า "พวกเธอบอกว่าฉันถูกคุณเลี้ยงไว้"
คิ้วที่หล่อเหลาเลิกขึ้นเล็กน้อย ฉันทัชหยุดการกระทำในมือ มองเธออย่างลึกซึ้ง มุมปากมีรอยยิ้มบางๆ "คุณตอบกลับอย่างไร?"
ยู่ยี่ไม่ตอบคำถามเขา เธอเอียงศีรษะเล็กน้อย กะพริบตา "คุณคิดว่าจะเลี้ยงฉันต้องใช้เงินเท่าไร?"
เขายังคงมองเธอ พูดด้วยน้ำเสียงอบอุ่นว่า "ประเมินค่าไม่ได้ ทำไมถึงถามแบบนี้ล่ะ?"
เธอหน้าแดงอย่างห้ามไม่อยู่ หัวใจเต้นรัวอย่างไม่เป็นจังหวะ "ก็เพราะมันน่าเบื่อเลยถาม แต่ดูเหมือนว่าฉันก็มีค่ามากเหมือนกันนะเนี่ย"
"ถ้าหากคนอื่นอยากจะเลี้ยงคุณ คุณจะมีปฏิกิริยายังไง?" ฉันทัชถาม
ยู่ยี่ส่ายหน้าทันที "ไม่มีทางเป็นไปได้ ฉันไม่มีทางเห็นด้วยกับเงื่อนไขแบบนี้"
"ดังนั้นไม่ว่าอะไรก็ไม่สามารถซื้อคุณได้ แล้วชีวิตของคุณขึ้นอยู่กับคุณเอง แบบนี้คุณถึงประเมินค่าไม่ได้..."
คำพูดของเขาเบามาก เพราะทั้งช้าและอ่อนโยนทำให้คนฟังใจเต้นได้
"ฉันแค่ยกตัวอย่าง คุณคิดว่าฉันจะขายได้ราคาเท่าไหร่ ถ้าตัวฉันอยู่ในสถานที่ขายเรือนร่างแบบนั้น" เธอถามอย่างจริงจัง
ยู่ยี่รู้สึกอยากรู้อยากเห็นและจริงจังกับคำถามนี้อย่างสุดหัวใจ
ฉันทัชหัวเราะแล้วพูดว่า "ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยนะครับว่าคุณมีมุมที่ซุกซนขนาดนี้ด้วย..."
"..." เธอไม่ได้ซนจริงๆ จริงๆแล้วเธอแค่อยากรู้อยากเห็น แต่เขากลับรู้สึกว่าเธอซน
สุดท้ายดูเหมือนเขาจะนึกอะไรบางอย่างออก ดวงตาเขากวาดมองร่างกายเธอ จากนั้นเสียงทุ้มก็ออกมาจากลำคอว่า "คืนนี้คุณแต่งตัวสวยมาก..."
จะมีผู้หญิงสักกี่คนที่ไม่หน้าแดงเมื่ออยู่ภายใต้สายตาที่ลึกและอ่อนโยนของเขา?
ใบหน้าของยู่ยี่เป็นสีชมพูอ่อนๆ ผิวที่ขาวแดงระเรื่อขึ้น ดูน่าดึงดูดมาก
ผู้หญิงที่ค่อนข้างขี้อายมักจะสวยที่สุด แววตาของฉันทัชสั่นไหวเล็กน้อย มือใหญ่อันอบอุ่นวางลงที่ข้างมุมปากของเธอ
ยู่ยี่ตกตะลึงครู่หนึ่งแล้วเธอก็รู้สึกถึงอุณหภูมิความอบอุ่นจากมือใหญ่ของเขา ซึ่งมันร้อนผ่าวอย่างคาดไม่ถึง
นิ้วโป้งเขาบดเบียดมุมปากเธออย่างช้าๆ แผ่วเบา ค่อยๆ เขามองเธออย่างจดจ่อมากด้วยนัยน์ตาเป็นประกาย
ยู่ยี่รู้สึกว่าเขาจะจูบเธอ นี่คือความรู้สึกที่เขาให้เธอ
แต่สุดท้ายเขากลับไม่ได้จูบ มือใหญ่ยังคงบดเบียดช้าๆและอ่อนโยนมาก ราวกับว่าสนใจจุดนี้มากๆ
มันร้อนขึ้นเรื่อยๆ ร้อนขึ้นเรื่อยๆราวกับไฟกำลังลุกโชน ยู่ยี่เริ่มทนไม่ไหว ขณะที่กำลังจะหลบ เขาก็ปล่อยมือแล้วพูดด้วยรอยยิ้มบางๆว่า "เด็กดี..."
"..." ยู่ยี่เงียบ แล้วเอ่ยปากพูดอีกครั้ง "อายุ 27 ยังเรียกว่าเด็กได้อยู่เหรอ?"
"ทำไมไม่ได้ล่ะ?" ฉันทัชถามกลับเบาๆ สีหน้าเขาอ่อนโยนราวกับแสงกลางคืน
ยู่ยี่สูดหายใจเข้าลึกๆ...
วิธีพูดคำรักช่างแตกต่างจากคนทั่วไปมากจริงๆ แม้แต่คำที่พ่นออกมาก็หน้าแดงใจเต้นได้มากมากกว่าคนอื่นๆ
สิบนาทีต่อมา ทั้งสองกินโจ๊กเสร็จก็ออกจากร้านโจ๊ก จากนั้นเขาก็ส่งเธอกลับคอนโด
ระยะทางในการเดินทางนั้นไม่ไกล เรียกได้ว่าใกล้มาก เดิมระยะทางที่ใช้เวลาเพียง 10 นาที ฉันทัชกลับใช้เวลา 20 นาที
รถจอดอยู่ชั้นล่างของคอนโด มือที่ถูกเขาจับไว้อยู่ในฝ่ามือมาตลอดทางยังคงไม่คลายออก ยู่ยี่ทัดปอยผมที่ห้อยอยู่บนแก้มไว้หลังใบหู "ถึงแล้ว อยากขึ้นไปดื่มชาสักแก้วไหม?"
เมื่อกี้ขณะรถวิ่ง ฉันทัชจับมือเธอมาตลอดทางไม่ปล่อย
"คุณมีเพื่อนอยู่ ผมไม่ขึ้นไปชั้นบนละกัน แต่สำหรับคำเชิญของคุณ ผมดีใจและแปลกใจมาก..." เขากล่าว
"งั้นฉันจะขึ้นไปข้างบนแล้วนะคะ คุณก็ขับรถดีๆนะคะ เดินทางปลอดภัย" ยู่ยี่ดึงมือตัวเองกลับ ปลดเข็มขัดนิรภัย ขณะกำลังจะจากไป จู่ๆข้อมือกลับถูกฝ่ามืออันอบอุ่นจับไว้
ก่อนที่เธอจะทันตั้งตัว ร่างกายที่กำยำแข็งแกร่งของชายหนุ่มก็กดทับลงมา
ยู่ยี่ถูกกดลงบนโซฟาหนังชั้นหนึ่ง จูบที่เซ็กซี่เร่าร้อนทำให้เธอหายใจไม่ออก
จูบของชายหนุ่มลึกแต่นุ่มนวล ไม่สิ นุ่มนวลในตอนแรก สุดท้ายขณะจบก็บ้าคลั่งไม่ยอมหยุด เธอรู้สึกเจ็บเล็กน้อยราวกับถูกไฟช็อต
นี่เป็นครั้งแรกที่ยู่ยี่รู้สึกว่านอกจากความเป็นสุภาพบุรุษและความอ่อนโยน ฉันทัชยังบ้าคลั่งอีกด้วย
หลังจากผ่านไปนาน เขาก็ปล่อยเธอ ปลายจมูกเขากดแนบกับเธอ ทั้งคู่ใกล้ชิดกัน
บรรยากาศระหว่างพวกเขาเงียบมาก แต่กลับเร่าร้อน ลมหายใจของทั้งคู่กลับมาเป็นปกติ ไม่มีใครขยับ เขาไม่ขยับ เธอก็เช่นกัน
ฉันทัชมองเธอ แต่ยู่ยี่กลับไม่มีความอดทนพอที่จะมองเขาต่อ
ในเวลานี้ดวงตาของเขาเริ่มมืดและมองลึกขึ้นเรื่อยๆ ราวกับหมึกที่ไม่สามารถละลายได้ ความปรารถนาที่เร่าร้องอยู่ภายในชัดเจนมาก
แต่ยังไงซะฉันทัชก็เป็นสุภาพบุรุษ เขาลุกขึ้น มือใหญ่ที่เห็นข้อต่อกระดูกอย่างชัดเจนจัดเสื้อผ้าที่ค่อนข้างยุ่งเหยิงเล็กน้อยของเธอ ช่วยทัดผมที่หล่นลงมาไว้ข้างหูเธอ "อากาศหนาวมากแล้ว ขึ้นไปชั้นบนเถอะ..."
แก้มของเธอแดงก่ำ จังหวะหายใจยังคงปั่นป่วน ริมฝีปากบวมแดง เธอพยักหน้าแล้วลงจากรถ
เธออยากจะมองดูเขาขับรถออกไปก่อน แต่เขากลับอยากดูเธอเดินจากไปก่อน ทั้งคู่ต่างยืนกรานเช่นนั้น
สุดท้ายยู่ยี่ก็ไปก่อน หลังจากที่ร่างเพรียวบางลับหายไปจากสายตา เขาก็สตาร์ทรถขับจากไป
แค่มองนาโนก็รู้ว่ายู่ยี่ไปอะไรมา เธอร้องโอ้ โอ้ ดูเหมือนว่าเทพบุตรก็บ้าคลั่งเหมือนกันนะเนี่ย
ยู่ยี่ที่เดิมก็หน้าแดงอยู่แล้ว พอถูกเธอพูดแบบนี้อีก ใบหน้าก็ยิ่งแดงราวกับเลือดพุ่ง จึงบิดแขนนาโนอย่างแรง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง