พลิกไปพลิกมาทั้งคืน เธอแทบไม่ได้หลับตาเลย พอตอนเช้าเธอรู้สึกง่วงเล็กน้อย เข้าไปห้องน้ำ ล้างหน้าด้วยน้ำเย็น
ทำให้เธอรู้สึกตาสว่างขึ้นมาทันที
เดินลงบันได ถึงจะพบว่าท่านยายถึงกับยังนั่งงีบหลับอยู่บนโซฟา เห็นได้ชัดว่าเมื่อคืนนี้ไม่ได้หลับเลย หลังจากห่มผ้าให้เธอแล้ว เชอร์รีนก็หยิบโทรศัพท์มือถือ และพยายามโทรออกอีกครั้ง สองวินาที สามวินาที ห้าวินาที เจ็ดวินาที...
"ฮัลโหล..."
เมื่อเสียงต่ำและทุ้มที่คุ้นเคยแว่วผ่านมือถือเข้ามาในหู หัวใจและร่างกายของเธอก็ผ่อนคลายอย่างโล่งอก "คุณไปถึงทางโน้นแล้วเหรอ? คุณสบายดีมั้ย"
"อืม..." เขายังคงตอบสั้นๆเช่นเคย
หลังจากหยุดครู่หนึ่ง เธอยังคงถามต่ออีกว่า “คุณลุงเป็นอย่างไรบ้าง?”
“ดีมาก...” คราวนี้เปลี่ยนเป็นสองคำ แต่เสียงทุ้มลึกของเขาดูเหมือนมีความรำคาญแฝงอยู่เล็กน้อย “ยังมีอะไรอีกมั้ย ? "
“ไม่มีแล้ว คุณอยู่อำเภอซีซ่าทางโน้น....”
ใช่ ไม่รอเธอพูดจบ เขาก็ขัดจังหวะเธอ “ตอนนี้ยุ่งมาก วางสายแล้วนะ...ไม่ได้ยินเธอร้องด้วยความเจ็บปวด--"
ประโยคสุดท้าย ทำให้เธอไม่เข้าใจ ไม่ได้ยินเธอร้องด้วยความเจ็บปวด แล้วใครร้องเจ็บปวด?
แต่เธอกลับไม่ได้คิดอะไรมาก ตอนนี้เขาคงยุ่งมาก เกรงว่าจะรบกวนเขาอีก เธอก็เลยส่งข้อความไปหาเขา
--อยู่ทางโน้นระวังความปลอดภัยด้วยนะคะ ดูแลตัวเอง แล้วก็ระวังอาฟเตอร์ช็อก(แผ่นดินไหว) กลับบ้าน.....อย่างปลอดภัย... คำว่า "กลับบ้าน" สองคำนี้ เธอพิมไปสามรอบ แล้วก็ลบออกสามรอบ สุดท้ายเธอลังเลแต่แล้วก็พิมพ์อย่างเฉียบขาดและส่งออกไป
หลังจากส่งข้อความออกไปแล้ว เชอร์รีน จ้องมองไปที่หน้าจอโทรศัพท์เป็นเวลานาน โดยคิดว่า เขาอาจจะตอบกลับด้วยคำว่า "อืม"
แต่ว่า หลังจากรอไป 5 นาที หน้าจอโทรศัพท์ไม่มีแสงสว่างแม้แต่น้อย เธอคิดว่า เขาคงจะยุ่งมาก
ทิ้งตัวเองไว้ที่เมืองบีเจคนเดียว อีกทั้งเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้น เธอไม่มีกะจิตกะใจที่จะเที่ยวต่อ อยากกลับเมืองsแล้ว
เขาบอกว่าจากอำเภอซีซ่าจะตรงกลับไปที่เมืองsแต่เธอรู้สึกว่าอยู่ที่บ้านตระกูลสิริไพบูรณ์สบายใจกว่า เพราะว่าขอเพียงเขากลับมาที่เมืองs อัน
ดับแรกเธอก็สามารถได้เห็นเขา
เธอตัดสินใจบอกท่านยาย แม้ว่าเธอจะเสียดายบ้าง แต่ท่านยายก็ไม่ได้บังคับให้เธออยู่ต่อ แค่บอกให้เธอระวังความปลอดภัยในระหว่างทางให้มากขึ้น
ยิ้ม---และตอบรับ เชอร์รีนกอดท่านยายอย่างเคารพรัก แล้วรีบไปที่สนามบินพร้อมกับกระเป๋าเดินทาง
บินคนเดียวยังไงก็ไม่ดีเท่าสองคน รู้สึกเหงาๆเล็กน้อย
เห็นได้ชัดว่านอนไม่ค่อยหลับทั้งคืน ขึ้นเครื่องบิน ก็ยังไม่ง่วง ได้แต่มองดูเมฆขาวที่ท้องฟ้านอกหน้าต่างอย่างเบื่อๆ
กลับไปถึงบ้านตระกูลสิริไพบูรณ์ในตอนบ่าย สุนันท์กับเลอแปงก็ไม่อยู่ บอกว่าพวกเขาไปงานการระดมทุน
เธอเก็บกระเป๋าเดินทาง แล้วหยิบของขวัญที่ซื้อมาจากเมืองบีเจออกมา ตั้งใจจะกลับบ้านสักครั้ง
แต่เมื่อเธอเปิดประตูห้องรับแขก เธอตกตะลึงอยู่กับที่
ในห้องรับแขกรกมาก เหมือนเคยมีขโมยมา สิ่งของต่างๆถูกกระแทกกับพื้นกระจัดกระจายเต็มไปหมด
“แม่ แม่ ทำไมในบ้านถึงเป็นแบบนี้? หรือว่ามีหัวขโมยมาเหรอ? โทรแจ้งตำรวจหรือยัง? ”
ขณะที่ตะโกนอย่างเร่งรีบ เชอร์รีนเดินเข้าไปในห้องอย่างรวดเร็ว เห็นพียงกลุ่มผู้ชายในชุดสูทดึงผมของทับทิม และในมือยังถือมีด สว่างไสวและเป็นประกาย แสบตา
จักรกฤษพยุงกนกอรที่ตัวสั่นนั่งอยู่ข้างเตียง
เมื่อมองดูท่าทางนี้ เชอร์รีนก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทับทิมสันดานไม่เปลี่ยนชอบเล่นการพนัน แต่ในมือไม่มีเงิน กลุ่มคนพวกนั้นจึงมาตามทวงถึงบ้าน
เมื่อเห็นเชอร์รีน แววตาของทับทิมสว่างขึ้นราวกับเห็นพระผู้ช่วยให้รอดชีวิต พูดกับกลุ่มผู้ชายพวกนั้นว่า
“นี่คือน้องสาวของฉัน และเป็นภรรยาประธานออกัส สิริไพบูรณ์กรุ๊ปของเมืองsพวกนายรู้มั้ย? เธอมีเงิน พวกคุณสามารถไปเอาจากน้องสาวของฉันได้ ! ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง