รอจนกระทั่งเธอกลับมา พร้อมกับเครื่องดื่มร้อนๆ ที่ถืออยู่ในมือ และยังมีมื้อเย็นอีกสองชุด
เธอซื้อข้าวต้มฟักทอง
ชุดหนึ่งให้ตัวเอง และอีกชุดเป็นของดนัย
ชายหนุ่มยกข้าวต้มขึ้นมาชิมไปหนึ่งคำอย่างไม่พูดไม่จา
รสชาติดีมาก อ่อนนุ่มและสดใหม่
เมื่อเห็นเขารับประทาน มุมปากของบาร์บี้ก็เผยรอยยิ้มบาง บนแก้มมีเลือดฝาดขึ้นสีระเรื่อ
พวกเขานั่งรับประทานมื้อเย็นกันในรถ หลังจากนั้นรถก็แล่นต่อไปเบื้องหน้า
สถานที่ที่บาร์บี้อาศัยอยู่ค่อนข้างห่างไกล หลังจากรถวิ่งมาเป็นเวลานาน ในที่สุดก็มาถึง
บาร์บี้ลงจากรถ ไปยืนอยู่ในที่หลบฝน มองชายหนุ่มแล้วเอ่ยขึ้นว่า “ท่านประธาน ขับรถดีๆ นะคะ!”
ดนัยขานรับเบาๆ
ราวกับว่านึกอะไรขึ้นมาได้ บาร์บี้ก้าวไปข้างหน้า ก่อนจะค้นหนังสือเล่มหนึ่งในกระเป๋า แล้วยื่นมันให้เขา “ฉันรู้สึกว่าช่วงนี้ท่านประธานจะอารมณ์ไม่ค่อยดี หนังสือตลกเล่มนี้ฉันซื้อมาเอง หากมีเวลา ท่านประธานลองอ่านดูนะคะ”
นิ้วเรียวอันอบอุ่นลูบหนังสือเบาๆ สายตาของดนัยจับจ้องที่บาร์บี้
บาร์บี้เป็นคนขี้อาย เธอไม่กล้าสบตากับเขาตรงๆ หญิงสาวเม้มริมฝีปาก พลางก้มหน้างุด มือทั้งสองข้างประสานกัน และเอ่ยด้วยความประหม่า “ฉันอ่านแล้วชอบมาก มันสนุกมาก และทำให้อารมณ์ดีค่ะ”
สีหน้าของดนัยอ่อนโยนลงเล็กน้อย มุมปากของเขายกยิ้ม “เข้าไปเถอะ”
เธอพยักหน้า ก่อนจะหันหลังกลับ แล้วเดินเข้าบ้าน
ดนัยยังไม่ได้กลับไปในทันที เขานอนเอนกายอยู่บนเบาะนั่ง และพลิกดูหนังสือตลก
บาร์บี้กลับเข้ามาในบ้าน แล้ววางกระเป๋าลง เธอคิดว่ามื้อนี้จะเข้าครัวเพื่อทำอาหารเย็น
สุขภาพของแม่ไม่ค่อยดีนัก ส่วนพ่อก็ไปทำงานที่ไซต์ก่อสร้าง
เธอมักเดินไปที่ห้องของแม่ก่อนด้วยความเคยชิน เมื่อเปิดประตูเข้ามากลับไม่เห็นใคร หญิงสาวขมวดคิ้วด้วยความสงสัย ทว่าเมื่อเข้าไปดูในห้องน้ำ กลับต้องตกใจจนหน้าซีดเผือด
แม่นอนอยู่บนพื้นห้องน้ำ ไม่มีการตอบสนองใดๆ
สมองของเธอขาวโพลน ใบหน้าซีดไร้สีเลือด ก่อนจะกรีดร้องออกมาด้วยความตกใจ
ทว่าสิ่งเหล่านี้ล้วนไร้ประโยชน์
บาร์บี้วิ่งออกไปข้างนอกอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นรถที่ยังจอดอยู่ ดวงตาของเธอพลันเป็นประกาย พลางรีบวิ่งไปหา “ทะ… ทะ… ท่านประธาน แม่ของฉันเป็นลมหมดสติไปแล้ว…”
ดนัยลงจากรถ และเดินเข้าไปในบ้านพร้อมกับเธอ
รูปร่างของเขาสูงใหญ่ และแข็งแรง ชายหนุ่มแบกแม่ของบาร์บี้เข้าไปในรถ และเธอตามเข้าไปติดๆ
ทันใดนั้น รถก็พุ่งทะยานออกไปราวกับลูกศรพุ่งออกจากสายธนู มุ่งหน้าไปที่โรงพยาบาลในเมือง และส่งตัวผู้ป่วยเข้าห้องผ่าตัดทันที
บาร์บี้โทรหาพ่อด้วยความกระวนกระวายใจ ทว่าข่าวที่ได้รับกลับกลายเป็นว่า พ่อไปไซต์ก่อสร้างที่ต่างจังหวัด เธอพูดรายงานเรื่องนี้อย่างคร่าวๆ
บาร์บี้ขดตัวอยู่ที่มุมมุมหนึ่งด้วยความหวาดกลัว
เธอกลัวมากจริงๆ กลัวว่าแม่จะเป็นอะไรขึ้นมา!
เธอจึงขดตัวอยู่ในมุมนี้เพียงคนเดียว ร่างกายแนบชิดผนังโดยรอบ นั่นเป็นเพียงวิธีเดียวที่จะทำให้เธอรู้สึกปลอดภัย
ดนัยยังไม่ได้จากไปไหน เขาย้ายแพทย์ที่ดีที่สุดจากเมืองSมาแล้ว
ไม่รู้ว่าทำไม เมื่อเห็นท่าทางเช่นนั้นของบาร์บี้ ทำให้เขาอดนึกถึงสภาพตัวเองในเมื่อก่อนเสียไม่ได้!
ยืนอยู่ในมุมใดสักมุมนอกห้องผ่าตัด รู้สึกลังเล ไม่ปลอดภัย และหวาดกลัว ทว่ากลับทำอะไรไม่ได้
รู้สึกราวกับเป็นคนหลงทางและร่อนเร่พเนจรไปเรื่อยๆ
เขาเดินเข้าไปหาและยื่นแก้วน้ำอุ่นให้เธอ “ดื่มน้ำสักหน่อย”
บาร์บี้ระงับความหวาดกลัวภายในใจไว้ไม่ได้ ทันทีที่ยื่นมือออกไป กลับโผเข้ากอดเขาอย่างกล้าหาญ “จะไม่เกิดอะไรขึ้นกับแม่ ใช่ไหมคะ”
ดนัยชะงักงัน
เขารู้สึกถึงร่างกายของเธอที่สั่นเทาอย่างรุนแรง จึงเอ่ยขึ้นว่า “ใช่”
“ฉันกลัวมาก ฉันกลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับแม่” บาร์บี้ร้องไห้คร่ำครวญ “ชีวิตของท่านลำบากมามาก!”
“ท่านจะไม่เป็นไร…”
บอกว่าไม่สบาย จนต้องเข้าโรงพยาบาล หรือว่าคุณแม่จะหกล้มจนแข้งขาหัก
เธอหยุดทำทุกอย่าง และดิ่งไปที่โรงพยาบาลทันที
เป็นอย่างที่คาดคิด แม่ขาหักจริงๆ นาโนขมวดคิ้วมุ่นและเอ่ยดุ แต่มือก็เข็นรถเข็นไปอย่างระมัดระวัง เพื่อให้ท่านได้เดินเล่นในโรงพยาบาล “เดินแล้วหกล้มอย่างนี้ แม่ยังจะกล้าประมาทอีกไหม ตอนนี้แม่แก่แล้วนะ ไม่ใช่วัยรุ่นอีกต่อไปแล้ว!”
“แกพูดกับแม่แบบนี้ ดนัยรู้ไหม? มีแต่เขาเท่านั้นแหละที่อดทนกับนิสัยแบบนี้ของแกได้ กับแม่ตัวเองยังพูดแบบนี้ ช่างไม่กลัวฟ้าดินลงโทษ!” หญิงวัยกลางคนทำเสียงฮึดฮัด
“ก็มาสิ แม่กล้าให้คนรักของแม่มาเห็นแม่ในสภาพแบบนี้ไหมล่ะ” นาโนเอ่ยด้วยความรำคาญ
แม้ว่าจะเป็นแม่ลูกกัน แต่ปฏิบัติต่อกันประหนึ่งพี่สาวน้องสาว
เมื่อแม่ได้สติขึ้นมา ท่านต้องการพบดนัย บาร์บี้กัดริมฝีปากตัวเอง แล้วจำใจโทรหาเขา
หัวใจของเธอกำลังเต้นรัว
ในตอนแรก เธอคิดว่าท่านประธานเป็นคนน่านับถือและไม่อาจเอื้อมถึง ทั้งสูงส่ง และหล่อเหลา ไม่มีใครดูหมิ่นเขาได้
แต่เมื่อเวลาล่วงเลยไปนานเข้า ยิ่งอยู่ด้วยกันมากขึ้น ราวกับว่ามีบางอย่างค่อยๆ เปลี่ยนไป เริ่มไม่เหมือนเดิม และมีบางอย่างเกิดขึ้นระหว่างพวกเขาทั้งสอง
เธอรู้สึกหวั่นไหว และมีความสุข มันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ก็น่าหวาดกลัว เธอรู้สึกได้ว่า ประธานปฏิบัติต่อเธอไม่เหมือนเดิม!
มิฉะนั้น เขาคงไม่รับประทานอาหารกลางวันที่เธอทำ ไม่ยิ้มให้เธอ และก็ไม่หยอกล้อกับเธอ
ไม่ปล่อยให้เธอกลับบ้านเอง อยู่โรงพยาบาลเป็นเพื่อนเธอ และยังปล่อยให้เธอกอด…
เธอรู้สึกเสมอว่า การปฏิบัติเช่นนี้นี้มันต่างออกไป
แต่สิ่งที่อยู่ในใจนั้น ทั้งคู่ไม่เคยเปิดเผยมันออกมา
ดนัยยังไม่เข้าบริษัท หลังจากรับสายของเธอ เขาจึงซื้อกระเช้าดอกไม้และผลไม้ ไปเยี่ยมที่ห้องผู้ป่วย
บาร์บี้หน้าแดงและก้มหน้าก้มตาตลอดเวลา
แม่ของเธอไม่คิดว่าประธานบริษัทจะดูหนุ่มและหล่อเหลาขนาดนี้ เธอจึงรู้สึกประหม่าเป็นอย่างมาก
คำพูดใจดี และใบหน้าที่ปรากฏรอยยิ้มบางอยู่เสมอของดนัย
มีความอบอุ่นที่อธิบายออกมาไม่ได้ เมื่อได้มองยิ่งทำให้ผู้ที่ได้พบเห็นรู้สึกผ่อนคลาย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง