คุณหมอของนายขุนพล นิยาย บท 34

อุแว้ อุแว้ อุแว้

วิธีพ่อลูกอ่อนเมื่อได้ยินเสียงลูกน้อยร้องลั่นจำต้องรีบดีดตัวลุกจากที่นอนรีบวิ่งเข้าไปปลอบลูกน้อยที่ร้องเสียงดังลั่นทันที ถ้าช้าไปกว่านี้แฝดน้องที่หลับสนิทคงได้ตื่นขึ้นมาร้องแข่งกันแน่นอนถ้าถึงตอนนั้นความบรรลัยทั้งน้ำมนต์และขุนพลต้องเกิดขึ้นแน่นอน ขุนพลเปลี่ยนน้ำมนต์ให้นอนพักเพราะต้องแต่ออกโรงพยาบาลมาจนตอนนี้น้องแฝดได้หนึ่งเดือนแล้ว คุณพ่อลูกสองอย่างขุนพลรู้ซึ่งถึงวิถีพ่อลูกอ่อนที่ขอบตาดำคล้ำ สติสตังแทบไม่มี เพราะเกิดจากลูกน้อยที่แฝงฤทธิ์ตอนกลางคืนเล่นเอาพ่อกับแม่แทบจะไม่ได้นอน ยิ่งน้ำมนต์ต้องตื่นมาปังนมทุก ๆ สองชั่วโมงก็ว่าได้

“โอ๋ โอ๋ ลูกพ่อ หยุดร้องก่อนนะ เดี๋ยวน้องตื่นนะคับ” อุ้มลูกน้อยเดินออกมานอนห้อง เพราะเกรงว่าเสียงจะดังรบกวนเข็มทิศและน้ำมนต์ที่หลับอยู่ ลูกร้องไม่กี่อย่างคืออึกับหิวแค่นั้นแต่ในเมื่อแฝดพี่ไม่ได้อึ งั้นก็แสดงว่าหิวตอนนี้ขุนพลเลยเดินถือขวดนมพร้อมกับอุ้มลูกน้องกระเตงลูกน้อยลงมาข้างล่างหน้าโซฟาแทน เมื่อได้กินนอนแล้วขุนพลก็นำลูกฟาดบ่าแกร่งเพื่อจะทำให้ลูกน้อยเลอออกมาและพากลับไปที่ห้องนอนอีกครั้ง

เช้าวันต่อมาเสียงอ้อแอ้ของลูกน้อยปลุกให้ขุนพลตื่นมาในช่วงสายของวัน เป็นวันพักผ่อนที่ได้นอนเต็มอิ่มอีกวัน เมื่อคืนถือว่าเป็นวันดีเนื่องจากลูกน้อยไม่ได้ตื่นขึ้นมาหลายรอบทำให้ทั้งพ่อและแม่หลับแต่อิ่ม

“ไงค่ะ ลูกสาวของพ่อและน้องไปไหน”

ฟอด ฟอด!!

“แอ้ แอ้” ตื่นขึ้นมาพบว่าลูกสาวตื่นขึ้นมากทำเสียงอ้อแอ้อยู่ข้างหู ส่วนน้องชายคุณแม่เขาคงพาไปเดินเล่น เพราะลูกชายเขาจะติดน้ำมนต์มากส่วนลูกสาวจะติดขุนพลมากกว่า ทำให้สะดวกในการเลี้ยงทั้งคู่ ลูกของเขาทั้งสองนิสัยต่างกันสิ้นเชิง แฝดพี่จะชอบโวยวายเอาแต่ใจส่วนแฝดน้อยจะไม่ค่อยงอแงเท่าไหร่ แต่ที่เหมือนกันคือหน้าตาที่หล่อเหลาเหมือนพ่อของเข็มทิศนี่แหละ

หลังจากตื่นนอนขุนพลก็เดินลงมาชั้นล่างเพื่อตามหาเมียรักกับแฝดน้อง ที่ตอนนี้คงเดินเล่นอยู่ที่สวนดอกไม้ของน้ำมนต์แน่นอน ขุนพลมุ่งหน้าไปทางสวนดอกไม้พร้อมทั้งอุ้มข้าวตังไว้ในอ้อมอกแกร่ง

“อรุณสวัสดิ์คับเมีย”

“อ้าว ตื่นแล้วหรอค่ะ”

“ตื่นแล้วคับ วันนี้พวกไอ้ครามกับวาโยจะมาเยี่ยมหลานนะ” น้ำมนต์พยักหน้ารับทราบและก็หันมาเล่นกับลูกน้อยทั้งสอง เสียงหัวเราะของครอบครัวทำให้ขุนพลอิ่มเอมหัวใจอย่างไม่น่าเชื่อ ชีวิตนี้ไม่คิดว่าจะมีเมียแถมตอนนี้ลูกสองแล้วอีกต่างหาก ชีวิตครอบครัวที่สมบูรณ์มีความสุขแบบนี้นี่เอง

“มนต์เดี๋ยวขุนขึ้นไปอาบน้ำก่อนนะคับ” หลังจากที่รับประทานอาหารมื้อเช้าเสร็จสักพัก ขุนพลต้องเปลี่ยนเวรกับน้ำมนต์เพื่อไปอาบน้ำชำระร่างกาย เนื่องจากตอนนี้เขาทั้งสองไม่ได้จ้างพี่เลี้ยงมาเลี้ยงส่วนมากขุนพลกับน้ำมนต์จะเลี้ยงเอง บางครั้งก็จะมีตายายและปู่ย่าของเจ้าแฝดสลับกันมานอนที่บ้านบ้าง สาเหตุที่ขุนพลไม่อยากจ้างพี่เลี้ยงเนื่องจากเขาอยากจะศึกษาพฤติกรรมของลูกน้อยไปในตัวด้วย ถึงจะลำบากแต่ยอมรับเลยว่าเขามีความสุขที่ได้เลี้ยงลูกทั้งสองมาก

“ขุนเย็นนี้ซักผ้าด้วยนะ” นั้นแหละ ปากที่พูดออกมาไม่คิด ถ้าได้ลูกสาวจะเป็นคนรับหน้าที่ซักผ้าตอนนี้ขุนพลแทบจะเป็นผู้เชี่ยวชาญในการซักผ้าไปแล้ว ชุดของลูกน้อยที่ต้องซักมือทุกชิ้นไหนจะเสื้อผ้าเขาและของเมียอีก ตอนนี้บอกได้คำเดียวว่าโฆษณาน้ำยาปรับผ้านุ่มหรือผงซักฟอกควรเข้ามาจ้างให้เขาเป็นพรีเซ็นเตอร์ได้

“คับ”

“ข้าวตัง เข็มทิศ หลานลุง” เสียงวาโยดังมาแต่ไกล ทั้งที่ตอนนี้ตัวยังไม่ได้โผล่เข้ามาในบ้านด้วยซ้ำ เพื่อนของขุนพลหอบเอาของเล่นมาให้หลานทุกครั้ง แถมยังขิงกันซื้อให้อีกซึ่งพ่ออย่างเขาก็เต็มใจที่จะรับเพราะไม่ได้เปลืองตังตัวเองจะได้เก็บเงินไว้จ่ายค่าเทอมให้ลูกดีกว่า

“เบาหน่อย เดี๋ยวลูกกูตกใจ”

“ทำไมลูกมึงยิ่งโตยิ่งหน้าตาดีทั้งคู่ว่ะ” วาโยไม่สนใจคำทักทวงจากขุนพลเลยด้วยซ้ำ โฟกัสไปที่หน้าหลานทั้งสองที่ตอนนี้เริ่มดูออกว่าโตมารับรองว่าหน้าตาดีแน่นอน จะไม่ให้หน้าตาดีได้ไงก็ดูหนังหน้าพ่อกับแม่หลานสิหน้าตาดีกันทั้งคู่

“ลุงรอไม่ไหวแล้วนะข้าวตัง รีบโตแหละ”

“แดกส้นตีนกูก่อนมั้ย ไอ้หมอเป้” ความหวงลูกน้อยกำเริบขึ้นทันที มองตาขวางเพื่อนรักอีกคนเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ คุณพ่อที่เมื่อก่อนหวงแต่คุณแม่ตอนนี้มีเพิ่มมาอีกคือลูกสาวที่ฉายแววว่าจะสวยเหมือนแม่ตอนนี้ขุนพลแทบจะไว้หนวดรอแล้ว ส่วนลูกชายเขาไม่ได้ห่วงอะไรก็ลูกชายอะเนอะ!!

ฮ่าฮ่า

แอ้ แอ้!!

“หนูจะสนใจผู้ชายอื่นมากกว่าพ่อไม่ได้นะลูก” ข้าวตังที่ส่งเสียงอ้อแอ้ให้ความสนใจไปที่คุณลุงหมอ ทำให้ผู้เป็นพ่อเกิดความหวงลูกสาวขึ้นมาทันที นี่ขนาดลุงเขายังหวงแล้วถ้าลูกสาวโตมาเขาไม่ต้องไปนั่งเรียนกับลูกเลยเหรอว่ะ!! แบบนี้ต้องปลูกฝังให้เข็มทิศหวงพี่สาวด้วยอีกคน

“ไอ้ห่า หวงลูกกับพวกกูด้วยเหรอว่ะ”

“เอ่อใช่!! ถ้าข้าวตังโตไอ้เป้นั่งเคี้ยวหมากแทบไม่ไหวแล้ว”

“ไอ้สัส!!” ฮ่าฮ่า

“แล้วพวกมึงเมื่อไหร่จะแต่งงาน” ด้วยความที่ไม่ค่อยมีเวลาให้เพื่อน ตอนนี้ขุนพลแทบจะเป็นบุคคลที่สูญหายออกจากระบะ เนื่องจากไม่ว่างเพราะมั่วแต่เลี้ยงลูกแทบจะไม่ได้ไปพบปะใครที่ไหน งานก็ให้ลูกน้องขนมาให้ทำที่บ้าน ถ้ามีประชุมเขาจะออกจากบ้านครั้ง ถ้าขุนพลไม่อยู่จะมีพ่อแม่เขาหรือไม่ก็พ่อแม่น้ำมนต์มาอยู่เป็นเพื่อน ขนาดพ่อของเขาที่แทบจะไม่หยุดทำงาน เดี๋ยวนี้ว่างเป็นไม่ได้แทบจะมาสิงอยู่ที่บ้านเพื่อเล่นกับหลานรักเลยด้วยซ้ำ

“กูจะแต่งปลายปี” ครามที่คบกับแฟนมานานได้ฤทธิ์ลั่นระฆังวิวาห์กับแฟนสาวปลายปี ซึ่งตอนนั้นลูกของขุนพลหน้าจะออกไปเล่นข้างนอนได้แล้ว ส่วนหมอเป้มั่วแต่ทำงานตอนนี้ยังไม่มีแฟนและคนสุดท้ายไอ้วาโยที่ตอนนี้ติดพริตตี้คนนั้นแทบจะสิงอยู่ในสนามแข่งของเขาด้วยซ้ำ เป็นข้อดีของขุนพลที่แทบจะฝากให้วาโยดูแลสนามแทนไปก่อนด้วยซ้ำ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คุณหมอของนายขุนพล