อุแว้ อุแว้ อุแว้
วิธีพ่อลูกอ่อนเมื่อได้ยินเสียงลูกน้อยร้องลั่นจำต้องรีบดีดตัวลุกจากที่นอนรีบวิ่งเข้าไปปลอบลูกน้อยที่ร้องเสียงดังลั่นทันที ถ้าช้าไปกว่านี้แฝดน้องที่หลับสนิทคงได้ตื่นขึ้นมาร้องแข่งกันแน่นอนถ้าถึงตอนนั้นความบรรลัยทั้งน้ำมนต์และขุนพลต้องเกิดขึ้นแน่นอน ขุนพลเปลี่ยนน้ำมนต์ให้นอนพักเพราะต้องแต่ออกโรงพยาบาลมาจนตอนนี้น้องแฝดได้หนึ่งเดือนแล้ว คุณพ่อลูกสองอย่างขุนพลรู้ซึ่งถึงวิถีพ่อลูกอ่อนที่ขอบตาดำคล้ำ สติสตังแทบไม่มี เพราะเกิดจากลูกน้อยที่แฝงฤทธิ์ตอนกลางคืนเล่นเอาพ่อกับแม่แทบจะไม่ได้นอน ยิ่งน้ำมนต์ต้องตื่นมาปังนมทุก ๆ สองชั่วโมงก็ว่าได้
“โอ๋ โอ๋ ลูกพ่อ หยุดร้องก่อนนะ เดี๋ยวน้องตื่นนะคับ” อุ้มลูกน้อยเดินออกมานอนห้อง เพราะเกรงว่าเสียงจะดังรบกวนเข็มทิศและน้ำมนต์ที่หลับอยู่ ลูกร้องไม่กี่อย่างคืออึกับหิวแค่นั้นแต่ในเมื่อแฝดพี่ไม่ได้อึ งั้นก็แสดงว่าหิวตอนนี้ขุนพลเลยเดินถือขวดนมพร้อมกับอุ้มลูกน้องกระเตงลูกน้อยลงมาข้างล่างหน้าโซฟาแทน เมื่อได้กินนอนแล้วขุนพลก็นำลูกฟาดบ่าแกร่งเพื่อจะทำให้ลูกน้อยเลอออกมาและพากลับไปที่ห้องนอนอีกครั้ง
เช้าวันต่อมาเสียงอ้อแอ้ของลูกน้อยปลุกให้ขุนพลตื่นมาในช่วงสายของวัน เป็นวันพักผ่อนที่ได้นอนเต็มอิ่มอีกวัน เมื่อคืนถือว่าเป็นวันดีเนื่องจากลูกน้อยไม่ได้ตื่นขึ้นมาหลายรอบทำให้ทั้งพ่อและแม่หลับแต่อิ่ม
“ไงค่ะ ลูกสาวของพ่อและน้องไปไหน”
ฟอด ฟอด!!
“แอ้ แอ้” ตื่นขึ้นมาพบว่าลูกสาวตื่นขึ้นมากทำเสียงอ้อแอ้อยู่ข้างหู ส่วนน้องชายคุณแม่เขาคงพาไปเดินเล่น เพราะลูกชายเขาจะติดน้ำมนต์มากส่วนลูกสาวจะติดขุนพลมากกว่า ทำให้สะดวกในการเลี้ยงทั้งคู่ ลูกของเขาทั้งสองนิสัยต่างกันสิ้นเชิง แฝดพี่จะชอบโวยวายเอาแต่ใจส่วนแฝดน้อยจะไม่ค่อยงอแงเท่าไหร่ แต่ที่เหมือนกันคือหน้าตาที่หล่อเหลาเหมือนพ่อของเข็มทิศนี่แหละ
หลังจากตื่นนอนขุนพลก็เดินลงมาชั้นล่างเพื่อตามหาเมียรักกับแฝดน้อง ที่ตอนนี้คงเดินเล่นอยู่ที่สวนดอกไม้ของน้ำมนต์แน่นอน ขุนพลมุ่งหน้าไปทางสวนดอกไม้พร้อมทั้งอุ้มข้าวตังไว้ในอ้อมอกแกร่ง
“อรุณสวัสดิ์คับเมีย”
“อ้าว ตื่นแล้วหรอค่ะ”
“ตื่นแล้วคับ วันนี้พวกไอ้ครามกับวาโยจะมาเยี่ยมหลานนะ” น้ำมนต์พยักหน้ารับทราบและก็หันมาเล่นกับลูกน้อยทั้งสอง เสียงหัวเราะของครอบครัวทำให้ขุนพลอิ่มเอมหัวใจอย่างไม่น่าเชื่อ ชีวิตนี้ไม่คิดว่าจะมีเมียแถมตอนนี้ลูกสองแล้วอีกต่างหาก ชีวิตครอบครัวที่สมบูรณ์มีความสุขแบบนี้นี่เอง
“มนต์เดี๋ยวขุนขึ้นไปอาบน้ำก่อนนะคับ” หลังจากที่รับประทานอาหารมื้อเช้าเสร็จสักพัก ขุนพลต้องเปลี่ยนเวรกับน้ำมนต์เพื่อไปอาบน้ำชำระร่างกาย เนื่องจากตอนนี้เขาทั้งสองไม่ได้จ้างพี่เลี้ยงมาเลี้ยงส่วนมากขุนพลกับน้ำมนต์จะเลี้ยงเอง บางครั้งก็จะมีตายายและปู่ย่าของเจ้าแฝดสลับกันมานอนที่บ้านบ้าง สาเหตุที่ขุนพลไม่อยากจ้างพี่เลี้ยงเนื่องจากเขาอยากจะศึกษาพฤติกรรมของลูกน้อยไปในตัวด้วย ถึงจะลำบากแต่ยอมรับเลยว่าเขามีความสุขที่ได้เลี้ยงลูกทั้งสองมาก
“ขุนเย็นนี้ซักผ้าด้วยนะ” นั้นแหละ ปากที่พูดออกมาไม่คิด ถ้าได้ลูกสาวจะเป็นคนรับหน้าที่ซักผ้าตอนนี้ขุนพลแทบจะเป็นผู้เชี่ยวชาญในการซักผ้าไปแล้ว ชุดของลูกน้อยที่ต้องซักมือทุกชิ้นไหนจะเสื้อผ้าเขาและของเมียอีก ตอนนี้บอกได้คำเดียวว่าโฆษณาน้ำยาปรับผ้านุ่มหรือผงซักฟอกควรเข้ามาจ้างให้เขาเป็นพรีเซ็นเตอร์ได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คุณหมอของนายขุนพล