มณิกาได้รับการยอมรับว่าเป็นหลานสาวบุญธรรมของนายหญิงเนตร เรื่องนี้ทำให้ทัพทองและภรรยารู้สึกได้ถึงภาวะอันวิกฤติคับขัน
เพื่อปูทางสะดวกราบรื่นให้กับธิกานต์สองสามีภรรยาจึงวางแผนลับกันภายในคฤหาสน์
......
ในขณะเดียวกัน มณิกาไปที่บริษัท เครื่องมือแพทย์เจริญกิจ จำกัด
บริษัทนี้เป็นหนึ่งในบริษัทของเหนือเมฆ แม้ว่าจะได้รับการช่วยเหลือจากตระกูลโยธิน บริษัทไม่ต้องชดใช้ แต่ก็อยู่ในสภาวะตายไปครึ่งหนึ่งแล้ว
มณิกายืนอยู่ที่ห้องทำงานของประธานบริษัทเจริญกิจ มองเหนือเมฆที่เอ้อระเหยลอยชายไม่เอาการเอางาน "จะให้ฉันทำงานอะไร"
หลังจากเข้าไปในบริษัทเจริญกิจแล้ว มณิกาก็ได้แต่มองดูสภาพของบริษัท ก็หมดความกระตือรือร้นไปในทันที
พนักงานของบริษัททำงานอย่างเชื่องช้า เกียจคร้าน ด้วยวิธีบริหารจัดการที่สะเพร่าหละหลวมแบบนี้ บริษัทไม่เจ๊งก็ถือว่าสวรรค์คุ้มครองแล้ว
ไม่ใช่สิ เป็นการคุ้มครองของตระกูลโยธิน
เหนือเมฆที่สวมชุดสูทเอนหลังพิงเก้าอี้ผู้บริหารอย่างเกียจคร้าน สองขาไขว้กัน วางไว้บนโต๊ะ ในปากคาบบุหรี่อยู่หนึ่งมวน สูบบุหรี่อย่างเกียจคร้าน
"ผู้จัดการฝ่ายคลังสินค้า ผู้จัดการฝ่ายขาย ผู้จัดการโครงการ ผู้จัดการฝ่ายบัญชี หัวหน้าฝ่ายเลขานุการ คุณเลือกได้ตามใจชอบ"
ท่าทาง'เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ' อย่างนั้น ทำให้มณิการู้สึกผิดหวังอย่างยิ่ง
สีหน้าเธอเคร่งขรึมลง ส่ายหน้าอย่างหมดหนทาง"เหนือเมฆ ช่วงวัยหนุ่มสาว นายก็คิดที่จะใช้อย่างสิ้นเปลืองไร้ประโยชน์อย่างนี้เหรอ"
"มีคนเลี้ยง สำมะเลเทเมาก็เป็นการเสพสุขอย่างหนึ่ง"
สัมผัสได้ถึงการดูถูกและผิดหวังจากคำพูดมณิกา มุมปากของเหนือเมฆค่อยๆ ยกขึ้น เป็นรอยยิ้มอ่อน
จากนั้นก็ลุกขึ้นยืน ยกมือ ชี้ไปยังห้องทำงานที่หรูหรา"คุณรู้มั้ยว่ามีคนมากมายแค่ไหนที่ใฝ่ฝันอยากใช้ชีวิตเหมือนกับผม"
คำพูดของเขาเป็นความจริงมาก
เหมือนจริงจนทำให้มณิกาไม่มีเหตุผลไปโต้แย้ง
สองคนสบตากันอยู่ครู่หนึ่ง ริมฝีปากมณิกาค่อยๆ เผยอขึ้น"ขอบคุณที่คุณช่วยดูแลฉัน แต่ฉันไม่ได้อยากจะมาทำงานที่นี่"
บริษัทที่บริหารจัดการย่ำแย่แห่งหนึ่ง มีความเสี่ยงที่จะเจ๊งตลอดเวลา
และที่สำคัญที่สุด'อยู่ในสภาพแวดล้อมแบบไหนก็จะเป็นแบบนั้น'เธอเป็นห่วงว่าภายใต้บรรยากาศของบริษัทแบบนี้ ตนเองก็จะกลายเป็นคนเอื่อยเฉื่อยเกียจคร้าน
พอสิ้นเสียงเธอ เหนือเมฆก็ยืนตะลึงอยู่กับที่ สายตาสับสนมองมาที่เธออย่างไม่กะพริบตา ไม่พูดไม่จา
"ฉันยังมีธุระต้องทำ บ๊ายบาย"
มณิการ่ำลาเขา แล้วหมุนตัวเดินจากไป
จนกระทั่งเมื่อเดินมาที่ประตูห้องทำงาน มณิกาก็หยุดลงอย่างกะทันหัน หันกลับไปมองเหนือเมฆ ถามคำถามหนึ่ง"คุณมีคุณที่คุณอยากปกป้องมั้ยคะ"
เหนือเมฆ:"......"
ในปากเขาคาบบุหรี่อยู่ ในมือถือไฟแช็กเอาไว้ เตรียมที่จะจุดบุหรี่
แต่เพราะคำถามของมณิกามาขัดจังหวะ เขาจึงชะงัก เงยหน้าขึ้นอย่างไม่เข้าใจ
"เรื่องของคุณฉันพอจะเคยได้ข่าวมาบ้าง แต่ถ้าตอนนี้คุณปล่อยปละละเลยอย่างนี้ต่อไป อนาคตแม้แต่ความสามารถที่จะปกป้องคนสักคนหนึ่งของคุณก็จะไม่เหลือ ได้แต่เสียใจภายหลังที่ไม่พยายามจะทำอะไรเลยในตอนนี้"
แรงกดดันที่มาจากศัตรูที่แข็งแกร่งทรงพลัง ทำให้มณิกาแทบจะหายใจไม่ออก
แต่เพื่อเลี้ยงดูพ่อแม่ เธอต้องก้าวไปข้างหน้า
เมื่อสืบหาสาเหตุแล้ว เพียงเพราะว่าตนเองไร้พลัง ไร้อำนาจ ไร้ความสามารถ
ดังนั้นในฐานะ'ผู้มาเยือน'มณิกาไม่อยากให้เหนือเมฆทำผิดซ้ำซาก
เธอเดินออกมาจากห้องทำงาน ปิดประตู
เหนือเมฆที่ยืนอยู่ที่เดิมในหัวนึกถึงคำถามที่มณิกาถามเมื่อครู่'คุณมีคนที่อยากปกป้องมั้ย'
มี
คนหนึ่งที่ผุดขึ้นมาในหัวสมองไม่ใช่ใครอื่น ก็คือมณิกา
แครก----
ทันใดนั้น ไฟแช็กแบบกันลมที่มีลวดลายแกะสลักในมือก็ลื่นหลุดจากมือ ตกลงบนพื้น
เขาเดินกลับไปนั่งลงที่เก้าอี้ผู้บริหารอย่างตกตะลึงไร้สติ
หลายปีมานี้ คนที่หัวเราะเยาะ ด่าว่า ดูถูกเหยียดหยามเขามีมากมายนับไม่ถ้วน แต่เขากลับไม่รู้สึกละอายใจ หรือว่าไร้เกียรติศักดิ์ศรี
เห็นเธอรับปาก ใบหน้าเหนือเมฆก็เผยให้เห็นรอยยิ้มสดใส พร้อมยื่นมือออกมาด้วยความเป็นมิตร
"คุณยังไม่ได้บอกฉันเลย ว่าจะให้ฉันทำอะไร"
เธอเหล่มองมือที่ยื่นออกมาของเหนือเมฆ จงใจแกล้งเขารอเก้อ
"คุณอยากทำอะไร"
"ฝ่ายขาย"
"งั้นก็เป็นผู้จัดการฝ่ายขาย พ่วงตำแหน่งเลขานุการส่วนตัวผมด้วย เป็นไง"
"นี่......"
มณิกาคิดไม่ถึงเลยว่าเหนือเมฆจะให้เธอเป็นผู้จัดการฝ่ายขายอย่างง่ายดายแบบนี้
ในขณะที่เธอกำลังลังเลอยู่นั้นเหนือเมฆก็กุมมือของเธอ"เจริญกิจทำอุปกรณ์ทางการแพทย์ ขอบเขตทางธุรกิจไม่ได้กว้างขวางอะไรนัก ตอนคุณไปคุยงาน ผมจะไปกับคุณด้วย ดังนั้น คุณไม่ต้องกังวลเลยว่าจะรับตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายขายไม่ไหว"
จากนั้น มณิกาก็ปฏิเสธอย่างละมุนละม่อม แต่เหนือเมฆก็ยังดื้อดึงอยู่อย่างนั้น เธอเองก็ไม่รู้จะทำอย่างไรดี
ทั้งสองคนเดินกลับไปที่ห้องทำงานท่านประธานเจริญกิจ เหนือเมฆสั่งให้คนเอาข้อมูลทางการเงินของบริษัทในช่วงสองปีนี้มาให้มณิกาดู จากนั้นก็แนะนำผู้บริหารระดับสูงของบริษัทแต่ละคนให้เธอรู้จักหนึ่งรอบ
มณิกาที่เคยเรียนการจัดการการตลาดมาสัมผัสได้ว่าเหนือเมฆนั้นมีความเชื่อมั่นใจตัวเธอเต็มที่ แน่นอนว่าซาบซึ้งใจมาก
ในใจคิดว่า:ถ้าเขาเต็มใจบริหารบริษัทให้ดี เธอจะเรียนรู้งานไปพร้อมกับตั้งใจช่วยเหลือเหนือเมฆ
ทั้งสองคนทำงานอย่างขะมักเขม้นตั้งแต่เช้าจนถึงบ่าย จนกระทั่งถึงหกโมงเย็นจึงได้ทานอาหารเย็นแบบเรียบง่าย
หลังทานอาหารเสร็จ เธอก็ถูกเหนือเมฆลากไปดื่มที่คลับดิมไลท์ เพื่อฉลองที่เธอมาทำงานที่บริษัทเจริญกิจ
ดื่มไปได้สักพัก มณิกาก็รู้สึกว่าร้อนอบอ้าวเล็กน้อย รู้สึกไม่สบายไปทั้งตัว
เธอลุกขึ้นและเดินออกจากห้องรับรองส่วนตัว อยากจะไปสูดอากาศ แต่หลังจากยืนอยู่ข้างนอกได้ไม่นาน มณิกาก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
ขณะที่เธอกำลังจะกลับไปหาเหนือเมฆที่ห้องรับรอง ก็มีใครบางคนทุบด้านหลังศีรษะของเธออย่างแรง
เธอกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด ตรงหน้ามืดทันทีแล้วก็สลบไปอยู่ที่พื้น
วินาทีที่ล้มลงนั้น มณิการู้เพียงว่าอันตรายกำลังมาถึง อยากจะขอความช่วยเหลือ แต่กลับก็ไม่มีโอกาสอะไรเลย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คุณคือของขวัญจากฟ้า