คุณพ่อสายเปย์ นิยาย บท 133

สรุปบท บทที่133 เสี่ยวเบซิง: คุณพ่อสายเปย์

สรุปเนื้อหา บทที่133 เสี่ยวเบซิง – คุณพ่อสายเปย์ โดย ลู่ลู่

บท บทที่133 เสี่ยวเบซิง ของ คุณพ่อสายเปย์ ในหมวดนิยายใช้ชีวิต เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย ลู่ลู่ อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

บทที่133 เสี่ยวเบซิง

ฉีฉีนำกล่องอาหารกลางวันมาถึงใต้ต้นไม้ใหญ่ เห็นชายหนุ่มยังคงนั่งอยู่ที่นั่น เธอจึงส่งกล่องอาหารกลางวันในมือให้ "คุณลุง คุณลุงยังไม่ได้ทานข้าวใช่ไหม นี้คืออาหารที่คุณพ่อของฉันอยากให้คุณ"

เธอชี้ไปยังลู่เฉินที่อยู่ไม่ไกล

เมื่อชายหนุ่มเห็นเด็กผู้หญิงที่น่ารักคนนี้ ในตอนแรกก็ตกใจ และหลังจากนั้นก็มองตามที่ฉีฉีชี้ไป ก็เห็นชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังมองมาที่เขา พยักหน้าและยิ้มให้เขา ไม่รู้ว่าในใจคิดอะไรอยู่

"คุณลุงรีบกินเถอะค่ะ ฉันกับคุณพ่อเพิ่งซื้อมาจากข้างนอกเพื่อให้คุณลุง"ฉีฉีพูดพลางส่งกล่องอาหารไว้ในมือชายหนุ่ม และหันตัวกลับวิ่งไปหาลู่เฉิน

"ชายหนุ่มรับกล่องอาหารมา รู้สึกอยากจะพูดอะไรสักอย่าง แต่กลับพบว่าแม้แต่คำพูดเดียวเขาก็พูดไม่ออกสักคำ

วันนี้ตอนเช้าเขากินหมั่นโถวไปแล้วหลายลูก แต่ก็ยังรู้สึกหิวอยู่จริงๆ เขากล่าวขอบคุณเบาๆกับฉีฉีและลู่เฉินจากด้านหลังของพวกเขา แล้วจึงเปิดกล่องอาหาร

แต่เมื่อเปิดกล่องอาหารแล้ว เขาถึงกับตะลึง

เขามองไปที่เงินหลายพันหยวนด้วยความตกใจ หลังจากนั้นก็รีบเงยหน้าขึ้นมองลู่เฉิน

แต่ตอนนี้ลู่เฉินได้จูงมือฉีฉีเดินออกไปนอกสวนสาธารณะแล้ว

"ขอให้คนดีอย่างพวกคุณมีชีวิตที่ปลอดภัย"

ชายหนุ่มตัวสั่น โค้งคำนับให้ลู่เฉินและฉีฉีจากด้านหลังของพวกเขา ด้วยน้ำตาที่ปริ่มอยู่ในดวงตา

ตอนนี้เขาเข้าใจแล้ว เมื่อกี้ตอนที่เขาโทรหาครอบครัว มีพ่อลูกคู่หนึ่งเดินผ่านเขาไป ตอนนั้นเขาก็ไม่ได้ใส่ใจ และสองพ่อลูกต้องได้ยินบทสนทนาของเขาแน่ๆ

สำหรับการช่วยเหลือของลู่เฉิน เขาจะจำไว้ฝังใจ และเขาก็จำลักษณะของทั้งสองคนไว้อย่างลึกซึ้ง

เงินนี้สำหรับเขาแล้ว ถือว่าสำคัญมาก เขาเพิ่งให้เพื่อนยืมเงินไปผ่าตัด หลังจากนั้นก็ได้รับสายจากน้องสาวว่า แม่ของเขาก็ป่วยเข้าโรงพยาบาล และต้องการให้เขาส่งเงินไปรักษาแม่ที่ป่วย

แต่ตอนจนถึงตอนนี้เพื่อนของเขาก็ยังไม่คืนเงินเขา และไม่คิดว่าจะได้เจอคนดีๆอย่างนี้

..........

ในตอนค่ำเมื่อหลินอี้จุนกลับมา เธอเมาจนหัวราน้ำ และหลิวหยานฉี๋ก็เป็นผู้มาส่งเธอที่บ้าน

ลู่เฉินขมวดคิ้ว เขาไม่ถือสาเรื่องที่หลินอี้จุนจะออกไปดื่มกับเพื่อน แต่เขาไม่ชอบให้หลินอี้จุนดื่มจนเมา

แต่เมื่อคิดถึงว่าวันนี้หลินอี้จุนได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นรองประธาน เธอน่าจะดีใจมาก ถึงได้ดื่มหนักอย่างไม่เกรงใจแบบนี้ เขาจึงไม่ได้พูดอะไรมาก

"พี่ลู่ งั้นฉันส่งต่อพี่อี้จุนให้พี่เลยนะ ฉันขอตัวกลับก่อน "หลิวหยานฉี๋พูดหลังจากที่ส่งตัวหลินอี้จุนให้ลู่เฉินแล้ว

"ครับ ขับรถกลับดีๆครับ" ลู่เฉินตอบพลางพยักหน้า

"่อ่อใช่ พี่ลู่ ขอบคุณสำหรับความปากเสียของพี่ในตอนนั้นด้วย ฉันถูกเทคโนโลยีอี้ฉี เรียกตัวไปแล้วจริงๆ วันนี้ซูตงจากเทคโนโลยีอี้ฉีมาทดสอบฉัน และฉันก็ผ่านการทดสอบแล้วด้วย" หลิวหยานฉี๋คิดถึงตอนที่ลู่เฉินให้คำสาบานอย่างจริงใจว่าเธอจะถูกย้ายไปเทคโนโลยีอี้ฉีในฐานะผู้บริหาร แม้เธอจะรู้ว่าเรื่องนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับลู่เฉินเลย แต่เธอก็ยังคิดว่าลู่เฉินนั้นทายแม่นมาก

"ฮ่าๆ ยินดีด้วย ต่อไปจะไปเทคโนโลยีอี้ฉีแล้ว ก็ทำงานให้ดี เป็นเพชร อยู่ที่ไหนก็สามารถส่องแสงสว่างได้ เพียงแค่เธอขยัน ก็จะได้รับสิ่งตอบแทนกลับมาแน่" ลู่เฉินตอบ

"ค่ะ ช่วงนี้ฉันได้เรียนรู้จากพี่อี้จุนมาเยอะมาก ว่าการเป็นคนซื่อตรง แต่ช่างเถอะ พี่รีบพยุงพี่อี้จุนไปพักเถอะ ฉันก็จะกลับไปพักแล้ว"หลิวหยานฉี๋พูดจบก็ออกไปจากบ้านลู่เฉิน

"คนโกหก ปล่อยฉัน ฉันไม่ต้องการให้คุณมายุ่ง" ลู่เฉินที่เพิ่งพยุงหลินอี้จุนไปนอนที่โซฟา และจะไปชงชาให้เธอดื่มเพื่อสร่างเมา ก็ถูกหลินอี้จุนผลักออกไป

เพราะว่าใช้แรงมากเกินไป หลินอี้จุนจึงล้มลงบนโซฟา

เฉินถูกหลินอี้จุนทำให้ตกใจ ในใจคิดว่าหรือเธอจะรู้อะไรเข้าแล้ว

เพราะว่าเขาลูกนี้ได้ถูกเสี่ยวเบชิงซื้อไว้แล้ว กลายเป็นพื้นที่ส่วนบุคคล แม้แต่สถานที่ท่องเที่ยวในเขาเย็นซานก็ถูกเธอซื้อมันไปแล้ว และไม่เปิดให้คนทั่วไปเข้าชม

สิบปีก่อนเสี่ยวเบชิงมาถึงเมืองหลวง ก็สามารถยืนหยัดอยู่ได้อย่างแข็งแกร่ง

จนกระทั้งได้ก่อตั้งตระกูลเสี่ยวสาขาย่อยขึ้นมา

ในเมืองหลวง ตระกูลเสี่ยวสาขาย่อยถือเป็นตระกูลที่ยิ่งใหญ่ ทำให้คนใหญ่คนโตในตระกูลเก่าหลายๆตระกูลของเมืองหลวงอดไม่ได้ที่จะให้ความสนใจกับการดำรงอยู่ของตระกูลนี้

ในตอนนี้เสี่ยวเบชิงเจ้าของคฤหาสน์กำลังเอนกายอย่างเกียจคล้านอยู่บนโซฟา ชายวัยกลางคนกำลังนวดไหล่ของเธอเบา ๆ

ชายไวกลางคนฝีมือที่คล่องแคล่ว ความแรงในการนวดกำลังพอดี ทำให้เสี่ยวเบชิงเพลิดเพลินกับความรู้สึกนี้มาก เธอหลับตา แสดงความถึงเกียจคร้าน

"คุณผู้หญิงครับ ก่อนหน้านี้มีคนมารายงานผมว่า พบว่าตระกูลโมที่ถูกบีบให้ถึงทางตันกลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง"ชายวัยกลางคนพูดด้วยเสียงเบา

"อืม น่าจะเป็นลู่เทียนซิงที่ให้ความช่วยเหลือพวกเขาก่อนที่พวกเขาจะไป"เสี่ยวเบชิงพูดอย่างไม่ใส่ใจ

"น่าจะไม่ใช่ครับ ได้ยินมาว่าที่ตระกูลโมสามารถกลับมามีชีวิตใหม่ได้ เพราะจู่ๆก็คนเอาเงินจำนวนหนึ่งมาลงทุนอย่างลับๆ น่าจะประมาณสองพันล้าน ตระกูลโมไม่ได้เปิดเผยว่าผู้ลงทุนคือใคร แต่คนของเรายังพบเบาะแสบางอย่างว่าเงิน 2 พันล้านนั้นลงทุนโดยเศรษฐีลึกลับจากหยูโจวครับ"ชายวัยกลางคนพูด

"อืม นายไปตรวจสอบ ดูว่าบุคคลลึกลับคนนั้นเป็นใคร ฉันเดาว่าที่เขาลงทุนกับตระกูลโม เพราะจะยืมมือตระกูลโมเพื่อเข้ามาในกลุ่มธุรกิจของเมืองหลวงนั้นแหละ" เสี่ยวเบชิงพยักหน้า เธอมาเมืองหลวง ไม่ได้มีความทะเยอทะยานอะไรมาก ความทะเยอทะยานเดียวก็คือแก้แค้นลู่เทียนซิง

ภรรยาของลู่เทียนซิงเสียชีวิตไปแล้ว ได้ยินว่าไอ้เลวลู่เฉินนั่นก็เสียชีวิตไปแล้ว ลู่เทียนซิงก็ถูกบังคับให้ออกจากเมืองหลวงอีกครั้ง สำหรับตระกูลโม ในสายตาเธอก็เปรียบเสมือนมด เธอไม่ได้มีความสนใจที่จะไปแตะต้องมัน

"ครับ แล้วเรายังพบว่าทรัพย์สินหลายแสนล้านของลู่เทียนซิงหายไปอย่างลึกลับ และโอนไปยังบัญชีลึกลับ นอกจากนี้บัญชีนี้ไม่ได้เป็นของลู่เทียนซิง ผมสงสัยว่าคนสารเลวคนนั้นยังไม่ตาย และมันนั้นต้องไปอยู่ในมือลู่เฉินคนสารเลวนั่น"ชายวัยกลางคนพูด

"อะไรนะ นายบอกว่าไอ้สารเลวลู่เฉินยังไม่ตายเหรอ"เสี่ยวเบชิงเด้งตัวขึ้นมานั่งตัวตรง แสงที่มืดมนปกคลุมในดวงตาเธอ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คุณพ่อสายเปย์