บทที่ 227 หาที่ตาย
"คุณมาหาท่านประธานวังเรา?”
เมื่อได้ยินลู่เฉินพูด เสี่ยวจื่อเหิงเกือบจะหัวเราะออกมา
"ลู่เฉิน นี่คุณพูดอะไรออกมาเนี่ย นี่จะไม่เอาหน้าเลยใช่มั้ย?”เสี่ยวจื่อเหิงเยาะเย้ย
ลู่เฉินหัวเราะ เห็นว่าเขาเป็นแฟนกับหยูลี่เพื่อนในอดีตขงอลู่เฉิน ลู่เฉินจึงไม่อยากจะมีปัญหากับเขา
แต่ว่าเมื่อเขากำลังจะออกไปนั้น ก็ดันถูกเสี่ยวจื่อเหิงร้างไว้: “ลู่เฉิน สรุปคุณจะพูดมั้ยว่ามาบริษัทผมทำไม? หากว่าคุณมาหางานแล้วก็ ผมจะบอกคุณเลยนะว่า คุณถูกคัดออกแล้ว”
ลู่เฉินหยุดเดิน แล้วมองเสี่ยวจื่อเหิงจากนั้นก็หัวเราะ “ผมให้โอกาสคุณแล้ว คุณรักษามันไว้ไม่ได้เอง และอย่าห่าว่าผมไม่ไว้หน้าหยูลี่หละ คุณเชื่อมั้ยว่าเพียงแค่โทรศัพท์สายเดียวของผม แม้แต่วังเหว่ยเองก็ต้องลงมาต้อนรับผมเอง?”
"คุณให้ท่านประธานวังลงมารับคุณขึ้นไป?” เสี่ยวจื่อเหิงหัวเราะดังลั่นแล้วพูด: “ลู่เฉิน นี่คุณแม่งโครตตลกเลย? คุณคิดว่าคุณเป็นใครกัน?ก็แค่คนที่เฝ้าประตู นี่จะมาอวดดีอะไรต่อหน้าผม?นี่ ถ้าคุณสามารถทำให้ท่าประธานวังลงมาต้อนรับเองได้นะ ผมจะคุกเข่ากราบเลย”
ลู่เฉินขมวดคิ้ว หัวเราะ: “แน่ใจ?”
"แน่ใจ ถ้าคุณสามารถทำให้ท่านประธานวังลงมาต้อนรับคุณได้ กูนี่แหละจะคุกเข่ากราบมึงเอง แต่ว่า หากท่านประธานวังไม่มา มึงต้องเลียรองเท้ากูให้สะอาด” เสี่ยวจื่อเหิงพูดอย่างไม่สนโลก
ลู่เฉินเป็นคนยังไง เขาคิดว่าเขารู้ดีพอ ในนั้นในงานหยก36 เขาจำได้ว่าหลินอี้จุนมาขอร้องให้เขาหางานให้ลู่เฉินทำ
"ได้ งั้นก็ตกลง” ลู่เฉินยิ้ม แล้วหยิบมือถือออกมาโทรหาวังเหวย
เสี่ยวจื่อเหิงไม่รู้ตายร้ายดียังไง เขาเองแค่อยากจะให้บทเรียนกับเขา หวังว่าหลังจากบทเรียนครั้งนี้แล้วเขาจะจดจำมันไว้ว่าเขาควรจะเอากระจิตกระใจไว้บนทำงาน ไม่ใช่ว่าเวลาทำงานแต่มานั่งโม้กับคนอื่น
ในเมื่อเสี่ยวซู่ถิงเองก็ดูความสามารถในการทำงานของเสี่ยวจื่อเหิงออก งั้นก็แสดงว่าเขาก็พอมีกำลังอยู่บ้าง ในฐานะหัวหน้าใหญ่ของ บริษัท แน่นอนว่า หวังต้องว่าจะมีคนเก่ง ๆ อยู่ภายใต้การดูแลของเขา
และแน่นอนว่าในฐานะบอสใหญ่ คุณต้องมีจิตใจที่กว้างใหญ่เหมือนทะเล
ถึงแม้ว่าเสี่ยวจื่อเหิงจะชอบหาเรื่อเขาอยู่บ่อยครั้ง แต่เขาก็แค่อยากให้บทเรียนเสี่ยวจื่อเหิงเท่านั้นเอง
"คุณเลิกแกล้งเถอะนา คุณเป็นคนยังไงคิดว่าผมไม่รู้หรือไง นี่ผมว่าคุณมาเลียรองเท้าผมให้สะอาดก่อนเถอะ จะได้ไม่ต้องเสียเวลา” พอเห็นลู่เฉินคุยโทรศัพท์เสร็จ เสี่ยวจื่อเหิงก็หัวเราะขึ้นมา
ลู่เฉินเก็บโทรศัพท์ แล้วดูเวลา เลยเวลาเข้างานไป10นาทีแล้ว จึงพูดว่า: “ใช่แล้ว คนไม่กลัวทำงานสายหรอ? หรือว่าในฐานะที่พวกคุณเป็นผู้บริหาร เลยสามารถเข้าออกงานได้อย่างอิสระ? "
ลาเฉินเตือนเล็กน้อย เสี่ยวจื่อเหิงถึงเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเขายังไม่ได้ตอกบัตร ทันใดนั้นสีหน้าเขาเปลี่ยน แล้วพูดอย่างโกรธ: “ลู่เฉิน นี่มึงแกล้งเล่นใช่ไหม แกล้งให้กูไปสายใช่มั้ย?”
มาตรการในเทคโนโลยีอี้ฉีส่วนมากเสี่ยวซู่ถิงอป็นคนออก แม้แต่ลู่เฉินเองก็รู้ว่ามันค่อนข้างเข้มงวด ยิ่งแล้วไหนจะผู้บริหารอีก
สำหรับพนักงานธรรมดาที่มาสายครึ่งชั่วโมงจะถูกหักเงินหนึ่งวัน หากเกินครึ่งชั่วโมงก็จะถูกหักสามวัน
หากผู้จัดการมาสายครึ่งชั่งโมงถูกหักเงินเดือนสามวัน เกินครึ่งชั่วโมงหักเงินเดือนห้าวัน
เสี่ยวจื่อเหิงมัวแต่หัวเราะเยาะลู่เฉิน จนลืมไปตอกบัตร
เขาจ้องหน้าลู่เฉินอย่างโกรธแค้น จากนั้นก็รีบวิ่งเข้าไปตอกบัตร
แต่ว่าหลังจากที่ไอ้เจ้านี่ตอกบัตรเสร็จ ก็ออกมาหาเรื่องลู่เฉินต่อ นี่มันทำให้ลู่เฉินต้องขมวดคิ้วเลยหละ
ตอนแรกที่เขาเตือนเรื่องตอกบัตรกับเสี่ยวจื่อเหิง. ก็เพราะว่าอยากจะให้โอกาส เพราะเดียววังเหวยลงมา เขาไม่อยากจะทำให้เสี่ยวจื่อเหิงต้องหน้าแตก
แต่ไม่นึกเลยว่าเสี่ยวจื่อเหิงจะขนาดนี้ หลังจากตอกบัตรเสร็จยังไม่ไปตั้งใจทำงาน แต่กลับลงมาหาเรื่องเขาต่อ นี่มันทำให้ลู่เฉินรู้สึกไม่โอเค
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คุณพ่อสายเปย์