สรุปเนื้อหา บทที่ 423 ความน่ากลัวตระกูลลู่ – คุณพ่อสายเปย์ โดย ลู่ลู่
บท บทที่ 423 ความน่ากลัวตระกูลลู่ ของ คุณพ่อสายเปย์ ในหมวดนิยายใช้ชีวิต เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย ลู่ลู่ อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
บทที่ 423 ความน่ากลัวตระกูลลู่
มาถึงฤดูกาลแห่งการฉลองปีใหม่ ลู่เฉินได้โทรหาพ่อของเขาอีกครั้ง แต่สิ่งที่ทำให้เขาคาดไม่ถึงคือ ครั้งนี้เขาโทรติดแล้ว
หลังจากที่โทรติด ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด ลู่เฉินรู้สึกจุกอยู่ในอกอย่างบอกไม่ถูก
“พ่อ ยังสบายดีใช่ไหม...”
นั่นคือการคุยกันอย่างเป็นทางการครั้งแรกในรอบสิบปี ลู่เฉินรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย
“ฉันสบายดีมาก ตอนนี้แกประสบความสำเร็จไม่น้อยเลยสินะ” ปลายสายสะท้อนถึงเสียงที่ดูเข้มงวดของลู่เทียนสิง แม้จะทำให้ลู่เฉินคิดไม่ถึงบ้าง แต่นั่นคือเสียงที่เขาคุ้นเคยเมื่อสิบปีก่อน
“ฉันให้แกถ่อมตัวที่ยวี่โจวหน่อย แกคิดว่าฉันแค่ให้แกหลบเซียวเป๋ฉิงเหรอ ตอนนี้แกดังใหญ่เลย แต่แกรู้ไหมว่าแกทำให้ตระกูลลู่จับตามองอยู่” น้ำเสียงที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นักของลู่เทียนสิง ถึงแม้จะมีการตำหนิบ้าง แต่ก็ไม่ถึงกับเข้มงวดมากขนาดนั้น
“ผมจะบอกว่าผมตระกูลลู่ไม่เคยอยู่ในสายตาผมเลยได้ไหม” ลู่เฉินพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
ถึงจะเข้าใจดีว่าการที่พ่อตำหนิเขานั้นก็เพราะเป็นเขา แต่การที่ไม่ได้เจอกันมาสิบปี การคุยโทรศัพท์กันครั้งแรกนี้นั้น ลู่เทียนสิงกลับไม่มีความคิดถึงเขาแม้แต่น้อย ซ้ำยังไม่มีความเป็นห่วงกังวลเขาเลย สิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกไม่ดีนัก
“แกดูถูกตระกูลลู่ไปแล้ว ตระกูลลู่ของเราสืบทอดกันมาเป็นพันปี นักต่อสู้ในวงการการต่อสู้มากกว่าพันคน มีหลานร้อยคนที่ไม่ได้กลัวกระสุนแม้แต่น้อย ความสามารถมากกว่าหยุนจงฉีก็มีห้าคน แกคิดว่าการพึ่งกองกำลังทหารที่กำจัดสุดยอดซามูไรทั้งห้าร้อยคนของตระกูลหลันก็จะไม่กลัวใครแล้วงั้นเหรอ ฉันจะบอกแกให้ ปู่ของแกหลายคน สามารถที่จะไปมาในกองทหารม้าพันหมื่นของแกได้อย่างสบายๆ การที่จะกำจัดหัวหน้าทหารของแกเป็นเรื่องที่ทำได้ง่ายๆ ตระกูลลู่ของฉันคือตระกูลอันดับหนึ่งในวงการการต่อสู้ที่ไม่เปิดเผยตัวตน คิดว่าจะมีตระกูลที่ไม่เปิดเผยตัวตนไหนที่สามารถล้มเราได้งั้นหรือ”
ลู่เทียนสิงพูดด้วยน้ำเสียงกระด้าง
สีหน้าของลู่เฉินเปลี่ยนเล็กน้อย เขาไม่คิดว่าตระกูลลู่จะมีความสามารถมากมายถึงเพียงนี้ ซึ่งมันเกินกว่าที่เขาคิดไว้มาก
หลังจากกำจัดสุดยอดซามูไรทั้งห้าร้อยคนของตระกูลหลันครั้งก่อน เขามีความหยิ่งผยองอยู่จริงๆ ถึงแม้ตระกูลที่ไม่เปิดเผยตัวตนยุคหลังไม่ได้เรื่องเท่าไหร่นัก บวกกับหลังจากฆ่าเสี่ยวอันอี้ ทิ้ง ตระกูลเซียวก็ไม่ได้มีท่าทีอะไร ด้วยเหตุนี้เขาเลยไม่ได้ให้ความสำคัญกับตระกูลที่ไม่เปิดเผยตัวตนมากนัก
สำหรับเขาแล้ว ตระกูลที่ไม่เปิดเผยตัวตนก็เท่านั้น เขาสามารถที่จะต่อกรได้อย่างง่ายดาย
คิดไม่ถึงว่าหลังจากที่พ่อตำหนิครั้งนี้ ทำให้เขารู้ว่าตระกูลที่ไม่เปิดเผยตัวตนนั้นยิ่งใหญ่ขนาดไหน
คนของตระกูลลู่มีมากกว่าห้าร้อยคนที่เก่งกว่าท่านหยุน เขามีความมั่นใจที่จะสามารถเอาชนะท่านหยุนได้ แต่การเผชิญหน้ากับสุดยอดนักต่อสู้ทั้งห้าของตระกูลลู่ล่ะ
อีกอย่างต่อให้เขาสามารถเอาชนะหนึ่งในนั้นได้ แล้วอีกสี่คนที่เหลือล่ะ
เสี่ยวจิง ตู้เฟย ลูกน้องทั้งสองของเขา ต่างก็มีความแตกต่างจากเขามาก หากต้องเผชิญหน้ากับสุดยอดนักต่อสู้ทั้งห้านั้นก็ไม่มีทางที่จะสู้ได้แน่นอน
“ผมสามารถค้นคว้าวิจัยเครื่องบินรบรุ่นที่หกได้ ผมมีระบบข้อมูลสงครามสมัยใหม่ทั้งชุด เป็นไปไม่ได้ที่จะต่อกรกับตระกูลลู่อยู่อีกเหรอ” ลู่เฉินพูดด้วยความไม่ยอมแพ้
“ปัญญาอ่อน แกจะมีเครื่องบินรบรุ่นที่หกในขณะที่อยู่ในประเทศนี้ จะมีกองกำลังทหารได้งั้นสินะ แกไม่ต้องมาพูดว่าแกพัฒนาเจียซือกับสำนักสังหารโกก้าง แกไม่คิดบ้างเหรอว่าต้องใช้เงินลงทุนในทั้งสองพื้นที่นี้ในการพัฒนาฐานข้อมูลทหารแบบสมบูรณ์แบบนี้ได้ต้องใช้เงินกี่ร้อยล้าน จะสามารถพัฒนาได้อีกกี่ปี จะต้องใช้กี่ปีในการพัฒนาบุคลากรที่มีความสามารถ และความเสี่ยงของแกก็คือในตอนนี้แกเข้าใจไหม” ลู่เทียนสิงพูดเย้ยอย่างไม่เห็นใจ
ลู่เฉินเงียบไปเพราะไม่สามารถที่จะหาเหตุผลมาแย่งได้
ใช่
จากสาเหตุที่เขาไม่สนใจตระกูลที่ไม่เปิดเผยตัวตน เป็นเพราะสำนักสังหารโกก้าง นี่คือที่พึ่งของเขา
แต่ดูแล้วในตอนนี้ ที่พึ่งนี้สำหรับตระกูลลู่แล้ว เป็นแค่มดตัวเล็กๆ เท่านั้น
เพราะเพียงแต่ตระกูลลู่ใช้สุดยอดนักต่อสู้ทั้งห้าออกมา การกำจัดหัวหน้าของกองกำลังทหารก็เป็นแค่เรื่องง่ายนิดเดียวเท่านั้น
ตามตัวเลขที่แสดง เทคนิควิวัฒนาการทางพันธุกรรมแบบนี้นั้นจะปรับลำดับของยีนอย่างสมเหตุสมผล ทำให้ร่างกายส่วนต่าง ๆ ของมนุษย์ได้รับการพัฒนา จะทำให้กล้ามเนื้อส่วนต่างๆ ได้รับการพัฒนามากขึ้น แม้กระทั่งสามารถที่จะยืดอายุของมนุษย์ได้
และลู่เฉินก็อยากที่จะใช้เทคโนโลยีวิวัฒนาการทางพันธุกรรมนี้ทำให้ตัวเองแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น
หากสำเร็จ เขาเชื่อว่าในวงการการต่อสู้ เขาสามารถที่จะเอาชนะสุดยอดนักต่อสู้ทั้งห้าของตระกูลลู่ได้อย่างแน่นอน หรือแม้กระทั่งต่อสู้กับการรวมพลของหลายคนได้
พอถึงเวลานั้น เขาไม่เชื่อว่าตระกูลลู่จะยังดูถูกเขาอยู่
ใช่แล้วล่ะ การโทรศัพท์คุยกับพ่อเมื่อกี้ทำให้เขารับรู้ได้ถึงการดูถูกของพ่อ และการเหยียดหยามจากตระกูลลู่
หลังจากที่ลู่เฉินตัดสินใจแล้ว ก็พาหลินตงและเสี่ยวจิงนั่งเครื่องบินส่วนตัวไปที่ต้าหลี่
การไปเที่ยวต้าหลี่ช่วงต้นปีกับหลินอี้จุนนั้น เพราะตระกูลเฉิงทำให้เขาไม่พอใจ เพราะฉะนั้นลู่เฉินเลยยึดหุ้นเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ของตระกูลลู่ ซึ่งก็เท่ากับว่าทั้งตระกูลเฉิงเป็นของเขาทั้งหมด
ตระกูลเฉินทำการผลิตยาเป็นหลัก ซึ่งก่อนหน้านี้ลู่เฉินได้นำเทคนิคชั้นนำหลายอย่างที่เกี่ยวกับยา ทำให้ตระกูลเฉิงเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมากในหนึ่งปีนี้
เทคนิคใหม่ การค้นคว้าวิจัยยาที่ดีขึ้น ทำให้ตระกูลเฉิงกลายเป็นบริษัทยาระดับต้นของประเทศ
แต่การมาครั้งนี้ของลู่เฉิน ก็คือการเตรียมทดลองเทคโนโลยีวิวัฒนาการทางพันธุกรรม
เทคโนโลยีวิวัฒนาการทางพันธุกรรมหลักๆ ก็คือการใช้ยาบางอย่างกระตุ้น ซึ่งก็เหมือนกับการที่นักพรตกลั่นยาอายุวัฒนะนั่นเอง
แน่นอนว่า นี่ไม่ใช่การกลั่นยาอายุวัฒนะ เพียงแต่เป็นการใช้เทคนิคที่ซับซ้อน เพื่อที่จะมาปรุงแต่ยาให้สามารถกระตุ้นพันธุกรรมของมนุษย์ให้พัฒนายอดเยี่ยมมากยิ่งขึ้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คุณพ่อสายเปย์