อ่านสรุป บทที่5 คุณลู่เฉินครับ ผมขอโทษ จาก คุณพ่อสายเปย์ โดย ลู่ลู่
บทที่ บทที่5 คุณลู่เฉินครับ ผมขอโทษ คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายใช้ชีวิต คุณพ่อสายเปย์ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย ลู่ลู่ อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
บทที่5 คุณลู่เฉินครับ ผมขอโทษ
สถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ทำให้ฟ่านหมิงและคนอื่นๆ ตั้งตัวไม่ทัน
“อะไรกัน! ทำไมยังไม่รีบขอโทษลู่เฉินอีก?” เสี้ยจุนเดือดเนื้อร้อนใจจนแทบจะคลั่ง
ยังไงเขาก็นึกไม่ถึงเลยว่า คนที่อยู่เบื้องหลังลู่เฉินนั้นคือลู่จง เศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในเมืองยวี่โจว
เมื่อลู่เฉินเดินออกจากห้องทำงานของเขาได้ไม่นาน เขาก็ได้รับโทรศัพท์จากลู่จง
ลู่จงพูดกับเขาผ่านโทรศัพท์ว่า เขานั้นทำให้คุณชายตระกูลลู่ไม่พอใจ และจะต้องชดใช้ด้วยการล้มละลายของบริษัทภายในห้าโมงวันนี้ ที่ลู่จงโทรมานั้นไม่ได้ต้องการข่มขู่ แต่เพื่อให้เขาได้เตรียมใจไว้ล่วงหน้าเท่านั้นเอง
คำพูดแบบนี้มันอาจดูเหมือนเรื่องล้อเล่นและเอาแต่ใจ
แต่มหาเศรษฐีอย่างเขามีเงินและคุณสมบัติที่จะทำอะไรตามอำเภอใจแบบนี้ได้นะสิ
แม้แต่เศรษฐีลู่ยังออกหน้าด้วยตัวเองแบบนี้แล้ว เขายังทำอะไรได้อีก?
เมื่ออยู่ต่อหน้าลู่จง เขาเป็นได้แค่มดตัวเล็กๆ ตัวหนึ่งเท่านั้น ลู่จงสามารถทำให้เขาล้มละลายได้ในทุกวินาทีอย่างง่ายดาย
เขาจึงได้รีบวิ่งตามออกมา
ทำไงได้ ตอนนี้ไม่มีใครช่วยเขาได้แล้วนอกจากลู่เฉิน
ฟ่านหมิงกลัวจนตัวสั่น เมื่อเห็นแววตาที่น่าเกรงขามของผู้บริหารเสี้ย เขาก็สั่นสะท้าน
“ลู่เฉิน ผมขอโทษ ผมมันมีตาหามีแววไม่ หวังว่าคุณจะให้อภัยกับความโง่เขลาของผมด้วย” ในที่สุดฟ่านหมิงก็ยอมเอ่ยปากขอโทษลู่เฉิน
เมื่อมองดูท่าทางของผู้บริหารเสี้ย ฟ่านหมิงก็เข้าใจดีว่าเขาควรเลือกเอ่ยขอโทษลู่เฉิน ถ้าเขายังไม่อยากถูกไล่ออก
ลูกค้าของเขาส่วนใหญ่เป็นผู้ที่สั่งซื้อตาแมวอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งในเมืองยวี่โจวก็มีแค่บริษัทอิเล็กทรอนิกส์ตองเจียเท่านั้นที่ผลิตตาแมวอิเล็กทรอนิกส์ได้ดีที่สุด ถ้าเขาถูกไล่ออกขึ้นมาจริงๆ เขาคงต้องออกจากเมืองยวี่โจว หรือไม่ก็ไปเริ่มต้นชีวิตการงานใหม่
แล้วอีกอย่างเขาอยู่ที่นี่ก็ได้รับค่าคอมมิชชั่นหลายแสนในทุกๆ เดือน เขาจึงไม่อยากออกจากที่นี่
พวกพนักงานรักษาความปลอดภัยอย่างหยูไห่ก็พากันก้มหน้าก้มตาไม่กล้ามองสบตาผู้บริหารเสี้ย กลัวว่าจะถูกบังคับให้พวกเขากล่าวคำขอโทษต่อลู่เฉินด้วย
“ลู่เฉิน คุณพอใจหรือยังครับ” เสี้ยจุนหันกลับไปมองลู่เฉินและยิ้มอย่างแจ่มใส
พวกฟ่านหมิงต่างก็มองไปทางลู่เฉิน
ลู่เฉินครุ่นคิดแล้วพูดขึ้นว่า “เอาละ วันนี้พอแค่นี้ก่อนครับ”
ลู่เฉินรู้ดีว่าฟ่านหมิงกล่าวขอโทษเพราะถูกบังคับ เขาต้องไม่พอใจแน่ๆ และคงไม่ได้ออกมาจากใจจริง
ถ้าอย่างนั้น ก็ค่อยๆ เล่นเกมไปกับเขาแล้วกัน
“ยังไม่รีบกลับไปทำงานอีกเหรอ?” เมื่อเห็นลู่เฉินอ่อนข้อให้ เสี้ยจุนก็วางใจเพราะนี่แสดงว่าเขายังมีโอกาสอยู่
“ครับ ครับ ผมรีบไปทำงานเดี๋ยวนี้เลย!” ฟ่านหมิงก็โล่งใจเช่นกัน เขาพูดจบก็รีบจากไป
หยูไห่เองก็พาพวกพนักงานรักษาความปลอดภัยออกจากห้องโถงไปประจำจุดตนเอง
“ลู่เฉินครับ ผมขอโทษจริงๆ ครับที่โง่เชื่อฟังคำพูดใส่ร้ายคุณจากฟ่านหมิง และเข้าใจผิดเรื่องคุณลางานด้วย หวังว่าคุณจะให้โอกาสผมอีกสักครั้งนะครับ” หลังจากพวกฟ่านหมิงจากไป เสี้ยจุนก็ร้องขอความเมตตาจากลู่เฉิน
นี่เป็นทางออกทางเดียวของเขาแล้ว
ขณะนี้ความเป็นความตายของบริษัทขึ้นอยู่กับลู่เฉิน อย่าว่าแต่ขอความเมตตาเลย ถึงจะต้องกราบขอโทษลู่เฉิน เขาก็ต้องทำตามโดยไม่มีสิทธิ์ลังเลแม้แต่นิดเดียว
ลู่เฉินมองหน้าเสี้ยจุนอยู่นาน จนทำให้สมองของเสี้ยจุนปั่นป่วนไปหมด ลู่เฉินพูดขึ้นอย่างช้าๆ ว่า “ก็ได้ งั้นเราไปคุยกันที่ห้องทำงานของคุณแล้วกันนะ”
ในที่สุด เสี้ยจุนก็โล่งใจได้สักที เขารีบพาลู่เฉินเดินตรงไปห้องทำงาน
......
“ผู้อำนวยการฟ่านครับ ผู้บริหารเสี้ยเขาหมายความว่ายังไงกันแน่ครับ? ตอนแรกเขาเป็นคนไล่ลู่เฉินออกจากบริษัทเอง แต่ทำไมตอนนี้กลับช่วยลู่เฉินซะงั้น?” หยูไห่ถามด้วยความสงสัย
ฟ่านหมิงขมวดคิ้วโดยไม่ได้พูดอะไรออกมา
"แค่ไปยื่นใบลาออกต้องใช้เวลานานขนาดนี้เลยเหรอ?” หลินอี้จุนมองหน้าลู่เฉินอย่างไม่พอใจ
ถึงแม้ว่าตอนนี้ทั้งสองคนต้องการเงินมาก แต่ก็ยังต้องมีคนคอยดูแลลูกสาว
การที่พวกเขาทั้งสองลากิจบ่อยๆ อาจส่งผลต่อหน้าที่การงานได้
ดังนั้นเมื่อลู่เฉินบอกกับเธอว่าจะไปลาออกจากงาน หลินอี้จุนจึงไม่ได้ว่าอะไร
เงินเดือนของลู่เฉินแค่น้อยนิด ทำไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร
แต่การที่ลู่เฉินจากไปตั้งครึ่งวันมันทำให้เธอรู้สึกโมโห
“ผมมีธุระอื่นต้องทำ” ลู่เฉินอธิบาย
“มีธุระอะไรสำคัญกว่าการดูแลลูกฉีฉีคะ?” หลินอี้จุนตอบกลับ
จริงๆ แล้ว ลู่เฉินอยากจะบอกความจริงที่ว่าเขาได้ซื้อบริษัทอิเล็กทรอนิกส์ตองเจียไว้แล้ว
แต่เมื่อเห็นหน้าหลินอี้จุนที่เต็มไปด้วยความดูถูก เขาได้แค่ยิ้มและขี้เกียจจะอธิบาย
เขาเริ่มนึกสนุกขึ้นมาว่า ถ้าหลินอี้จุนรู้เรื่องที่เขาได้เป็นผู้ถือหุ้นรายใหม่ของบริษัทอิเล็กทรอนิกส์ตองเจีย เธอจะรู้สึกยังไงนะ?
“คุณดูแลฉีฉีให้ดีนะ ถ้าฉีฉีเป็นอะไรขึ้นมาฉันไม่ปล่อยคุณแน่” หลินอี้จุนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา เมื่อพูดจบก็คว้ากระเป๋าแล้วไปทำงาน
ลู่เฉินไม่ได้สนใจหลินอี้จุน เขาหมอบลงและมองไปยังใบหน้าผอมซีดของลูกสาวตัวน้อย ลูกสาวเขาที่หลับอยู่ตอนนี้ไม่รู้เป็นเพราะฝันร้ายหรือเพราะว่าอาการเจ็บป่วย ใบหน้าของเธอแฝงไปด้วยความไม่สบายใจ
ลู่เฉินสงสารลูกสาวอย่างจับใจ เขาก้มลงจูบหน้าผากเธออย่างเบาๆ เพราะกลัวว่าจะทำให้เธอตื่น
เมื่อเห็นสีหน้าของลูกสาวค่อยๆ ดีขึ้น ลู่เฉินก็รีบโทรหาลู่จงและเร่งให้เขารีบไปหาไขกระดูก จากนั้นจึงจัดการเปลี่ยนห้องผู้ป่วยของลูกสาวเป็นห้องวีไอพี
ลู่เฉินกำชับให้พยาบาลที่มาใหม่ดูแลฉีฉีให้ดี แล้วจึงออกไปหาอะไรรองท้อง ตั้งแต่เช้าจนกระทั่งปาไปบ่ายโมงแล้วเขายังไม่ได้กินข้าวเลย
เมื่อเขาก้าวออกจากโรงพยาบาล ก็ได้เจอหน้าแม่ยายและน้องสาวภรรยาของเขา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คุณพ่อสายเปย์