จ้าวไท่เหว่ยนำลูกพรรคจำนวนมากออกตามหาน้องสาวบริเวณจุดที่นางอยู่ครั้งสุดท้ายและบริเวณใกล้เคียงแต่ค้นหาเท่าไรก็หาไม่พบ ส่วนหยกประจำตัวของนางนั้นวันนี้นางไม่ได้พกติดตัวไปด้วยไม่เช่นนั้นเขาคงหานางพบโดยง่าย
จ้าวไท่เหว่ยค้นหาน้องสาวของเขาตลอดทั้งคืนโดยไม่ได้หยุดพักและขยายบริเวณให้กว้างขึ้นกว่าเดิม จนเกือบรุ่งสางเมื่อแน่ใจว่าไม่พบตัวนางจึงนำลูกพรรคบุกไปยังพรรคอสรพิษทันที เขารู้ว่าการบุกไปครั้งนี้อาจไม่ได้เจอตัวน้องสาวแต่เขาจะประกาศให้พวกมันรู้ว่าต่อแต่นี้พรรคอินทรีย์เป็นศัตรูกับพรรคอสรพิษอย่างเต็มตัวแล้ว
จ้าวไท่เหว่ยและลูกพรรคเดินทางมายังพรรคอสรพิษในช่วงรุ่งสางเมื่อมาถึงหน้าประตูทางเข้าจ้าวไท่เหว่ยหยิบกระบี่ของตนขึ้นพร้อมกับรวบรวมพลังปราณมายังกระบี่แล้วฟาดใส่ยังประตูทางเข้าที่ปิดสนิทจนมันระเบิดแตกออกเป็นเสี่ยง
ตู้ม!!...เสียงระเบิดดังกึกก้องกังวานทำให้คนของพรรคอสรพิษแตกตื่นตกใจรีบกรูกันเข้ามายังประตูทางเข้าในทันทีไม่เว้นแม้แต่ประมุขของพรรคอย่างเจิ้งจื่อยิ่น
“ประมุขจ้าวพาคนมาบุกพรรคของข้าเช่นนี้หมายความว่าอย่างไรกัน” เจิ้งจื่อยิ่นเอ่ยถามประมุขหนุ่มตรงหน้า ตนเองนั้นก็รู้อยู่แก่ใจว่าเป็นเพราะเหตุใดประมุขพรรคอินทรีย์ถึงได้บุกมาถึงที่นี่
“ใยต้องมาถามข้าในเมื่อท่านย่อมรู้อยู่แก่ใจว่ากระทำสิ่งใดกับน้องสาวน้องข้า” จ้าวไท่เหว่ยเอ่ยเสียงเข้มพร้อมปล่อยแรงกดดันจนทั่วบริเวณ
เจิ้งจื่อยิ่นไม่มีอะไรให้ต้องปิดบังอีกต่อไปในเมื่อรู้ก็ดีว่าเป็นฝีมือของตนจึงเอ่ยออกไป “เป็นประมุขจ้าวเองที่สอดมือมายุ่งเรื่องของข้าก่อนข้าย่อมต้องเอาคืนมิใช่หรือ?”
จ้าวไท่เหว่ยได้ยินเช่นนั้นย่อมรู้ได้ทันทีว่าว่าพรรคอสรพิษคงตามสืบจนรู้แล้วว่าตนเป็นคนชิงตัวอดีตองค์รัชทายาทหานเสวี่ยถังหลบหนี และพวกมันคงต้องการจับตัวน้องสาวของเขาเพื่อต่อรองแลกตัวเป็นแน่ ถ้าจ้าวไท่เฟยถูกพรรคอสรพิษจับตัวไปได้พวกมันคงยังไม่ทำอันตรายนาง อย่างน้อยตอนนี้นางก็ปลอดภัย...
“ใช่แล้วเป็นข้าที่สอดมือเข้าไป” จ้าวไท่เหว่ยเอ่ยยอมรับโดยไม่ปิดบัง
“ยอมรับเช่นนี้ก็ดี...รีบส่งตัวคนผู้นั้นมาให้ข้าแล้วข้าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับพรรคอินทรีย์อีกต่อไปถือว่าพวกเราไม่มีเรื่องข้องเกี่ยวกัน” เจิ้งจื่อยิ่นเข้าใจว่าที่ประมุขจ้าวบุกมาถึงที่นี่เพราะคนของตนทำร้ายน้องสาวของเขาได้รับบาดเจ็บจึงเอ่ยบอกไปเช่นนั้น
จ้าวไท่เหว่ยเมื่อคิดไตร่ตรองในคำพูดของประมุขเฒ่าตรงหน้าจึงคาดเดาได้ว่าพวกมันยังคงไม่ได้ตัวจ้าวไท่เฟยเป็นแน่ เพราะถ้าพวกมันได้ตัวนางไปแล้วย่อมต้องใช้นางเป็นตัวประกันแลกเปลี่ยนตัวกับอดีตรัชทายาทหานเสวี่ยถังแต่คำพูดเมื่อครู่มันไม่ใช่
“เอ่ยเช่นนี้คิดว่าข้ากลัวพวกท่านเช่นนั้นหรือ?” จ้าวไท่เหว่ยเอ่ยเสียงข่มขวัญบ่งบอกว่าเขาไม่ใช่คนที่จะเกรงกลัวต่อผู้อื่น
“เราไม่มีเรื่องอันใดหมาดหมางกันส่งตัวคนผู้นั้นมาให้ข้าเสีย พรรคอสรพิษเองก็หาได้เกรงกลัวผู้ใดไม่” เจิ้งจื่อยิ่นเอ่ยด้วยน้ำเสียงดุดันบ่งบอกว่าตนก็ไม่ได้เกรงกลัวผู้ใดพรรคอสรพิษก็มีเขี้ยวเล็บน่ากลัวซ่อนอยู่มากมาย
“ดี!!...ท่านกล่าวได้ดียิ่ง” จ้าวไท่เหว่ยเอ่ยพร้อมส่งสัญญาณให้คนของตนเตรียมพร้อมอย่างไรเสียวันนี้มาเยือนถึงพรรคอสรพิษแล้วย่อมต้องมีออกแรงกันบ้าง
เจิ้งจื่อยิ่นเองก็หาได้น้อยหน้าเพราะคิดว่าประมุขหนุ่มคงไม่ยอมส่งคนผู้นั้นมาให้ตนเป็นแน่จึงหยิบเครื่องเป่าที่ทำจากไม้ขึ้นมาเป่าเพื่อเรียกกำลังพลของตนเองให้ออกมา
จ้าวไท่เหว่ยไม่รีรอให้ฝ่ายตรงข้ามตั้งตัวส่งสัญญาณให้คนของตนบุกเข้าประจันหน้ากับฝ่ายตรงข้ามทันที เงาอินทรีย์ที่ว่องไวและแข็งแกร่งย่อมได้เปรียบกว่าฝ่ายตรงข้ามถึงแม้ว่าฝ่ายตรงข้ามจะมีอาวุธที่เคลือบยาพิษแต่กระนั้นไม่สามารถสร้างบาดแผลให้กับเงาอินทรีย์ได้แม้แต่น้อย
จ้าวไท่เหว่ยยืนดูการต่อสู้ตรงหน้าอย่างใจเย็นแต่ก็ยังไม่อาจวางใจกับคนที่มีเล่ห์แพรวพราวอย่างประมุขเฒ่าตรงหน้าได้ เจิ้งจื่อยิ่นเห็นคนของตนถูกคนของพรรคอินทรีย์จัดการคนแล้วคนเล่าแต่กระนั้นเขาก็ยังใจเย็นไม่มีท่าทีทุกข์ร้อนอันใดนั่นเพราะเขายังมีไม้ตายรออยู่...
ขณะที่เงาอินทรีย์กำลังจัดการกับคนของฝ่ายตรงข้ามอยู่นั้นพลันมีคนกลุ่มหนึ่งโผล่พรวดเข้ามาแล้วเริ่มปะทะปะมือกันทันที จ้าวไท่เหว่ยขมวดคิ้วมุ่นเมื่อเริ่มเห็นความผิดปกติบางอย่างในกลุ่มคนที่มาใหม่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คู่แฝดคู่ป่วน
รอนะคะ อัพต่อหน่อยค่า...