#โรงเตี๊ยมในหมู่บ้าน
จ้าวไท่เฟยลืมตาตื่นขึ้นมาพบว่าตนเองนอนอยู่ในห้องนอนที่ใดสักแห่ง เมื่อเรียบเรียงเรื่องราวทั้งหมดได้ก็ค่อย ๆ ขยับกายลุกขึ้น ตอนนี้ร่างกายของตนเคลื่อนไหวได้ปกติแล้วโอสถล้ำค่าเม็ดนั้นช่างยอดเยี่ยมยิ่งนัก
จ้าวไท่เฟยมองหาผู้คนทั้งหลายที่ช่วยเหลือตนแต่ก็ไม่พบจึงลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกมายังด้านนอก จ้าวไท่เฟยก่อนที่ดวงตาของนางจะปิดสนิทลงไปนั้นเห็นเพียงบุรุษหล่อเหล่าผู้หนึ่งแต่ก็ไม่แจ่มชัดเท่าใดนัก แต่ที่ชัดเจนมากคือชายสูงวัยที่มีใบหน้าเปี่ยมไปด้วยความเมตตา
จ้าวไท่เฟยกวาดสายตามองหาร่างคนสูงวัยที่ช่วยเหลือแต่ก็ไม่พบ เห็นชายหญิงกลุ่มหนึ่งนั่งพูดคุยกันน้ำเสียงดังเฮฮาแต่ที่สะดุดตาก็คือสตรีงดงามในชุดสีฟ้าอ่อน จ้าวไท่เฟยยกยิ้มด้วยความดีใจรีบปรี่เข้าไปหาทันที
เย่วฉีหันมองเห็นสตรีที่พวกเขาช่วยเหลือเอาไว้เดินปรี่มาทางที่พวกเขากำลังนั่งพูดคุยกันอยู่ก็รีบลุกขึ้นจะเข้าไปทักทาย แต่นางกลับเดินเลยเขาไป จ้าวไท่เฟยรีบปรี่เข้าไปสวมกอดร่างเล็กของคนที่คุ้นเคยพลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงดีใจ
“เย่วซินเจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรข้าดีใจมากเลยที่เจอเจ้าที่นี่” เอ่ยไปพลางน้ำตาใหลแม้จะไม่ได้สนิทสนมกันมากเนื่องจากเพิ่งพบเจอกันแต่ถึงกระนั้นนางก็ดีใจที่ยามนี้ได้พบคนคุ้นเคยกันหลังจากที่ผ่านเรื่องเลวร้ายมาจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด
จิวอิงตกใจที่จู่ ๆ ก็ถูกหญิงสาวกอดไม่เพียงแต่นางเท่านั้นคนอื่น ๆ ก็ไม่ต่างกันแต่เมื่อได้ยินนางเอ่ยถึงผู้ใดก็พลันให้นึกสงสัยจิวอิงจึงเอ่ยถามทันทีเพราะคิดว่าคนอื่น ๆ ก็อยากรู้เช่นกัน
“ แม่นางข้าไม่ใช่เย่วซินแต่ข้าคือพี่สาวฝาแฝดของนาง เจ้ารู้จักกับเย่วซินด้วยหรือ?” จิวอิงเอ่ยบอกความจริงเพราะเห็นว่าหญิงสาวตรงหน้าดูรู้จักและคุ้นเคยกับน้องสาวของนางเป็นอย่างดี
จ้าวไท่เฟยผละมือออกจากการโอบกอดแล้วมองหน้าหญิงสาวให้เต็มตา จากนั้นก็มองผู้คนโดยรอบสายตาสะดุดกับบุรุษหล่อเหลาที่ตนเห็นเลือนลางก่อนที่จะปิดตาลงเพราะพิษอ่อนแรง เมื่อมองเห็นอีกครั้งนางย่อมจำเขาได้ จ้าวไท่เฟยรีบคุกเขาลงตรงหน้าบุรุษที่ช่วยชีวิตตนทันที
“ขอบคุณท่านมากที่ช่วยเหลือข้าเอาไว้” เอ่ยจบก็โขกศีรษะลงกับพื้นอย่างที่ตนไม่เคยทำมาก่อน
เย่วเทียนรีบรั้งร่างของหญิงสาวไม่ให้โขกศีรษะลงพื้นพร้อมเอ่ย “ข้ายินดีช่วยเหลือ เจ้าแค่เอ่ยขอบคุณก็พอไม่ต้องโขกศีรษะให้ข้าหรอก”
จ้าวไท่เฟยยกยิ้มหวานพลางเอ่ย “ขอบคุณท่านมากเจ้าค่ะ”
“ตกลงว่าเจ้าเป็นใครเหตุใดจึงโดนทำร้ายเช่นนี้” เย่วเทียนเอ่ยถามอีกครั้งและทุกคนก็พยักหน้าเป็นเชิงว่าพวกเขาเองก็อยากรู้เช่นเดียวกัน
จ้าวไท่เฟยหันไปมองหญิงสาวที่มีใบหน้าคล้ายคลึงกับเย่วซินแต่นางคงไม่ใช่จริง ๆ เพราะแววตาของนางบ่งบอกว่าไม่รู้จักตนเลยสักนิดจากนั้นจึงเอ่ยตอบ “ข้ามีนามว่าจ้าวไท่เฟยเป็นน้องสาวของประมุขจ้าวไท่เหว่ยพวกท่านรู้จักหรือไม่”
ทั้งหมดที่ได้ยินต่างพากันตกใจกับนามที่เอ่ยออกมาโลกช่างกลมยิ่งนัก
“พวกเรากำลังจะเดินทางไปพรรคอินทรีย์” เป็นหยางหลงที่เอ่ยขึ้น
“พวกท่านจะไปพบพี่ชายของข้าเช่นั้นหรือ?” จ้าวไท่เฟยเอ่ยถามและรู้สึกดีใจยิ่งนักที่คนเหล่านี้เป็นคนที่รู้จักและกำลังจะเดินทางไปพรรคอินทรีย์
“พวกข้ากำลังจะไปหาน้องสาวต่างหากข้าคือพี่ชายของนางนามว่าเย่วฉี ส่วนผู้ที่ช่วยเหลือเจ้าคือพี่ชายคนโตนามว่าเย่วเทียน ส่วนสตรีที่หน้าเหมือนกับเย่วซินนางมีนามว่าจิวอิงเป็นพี่สาวฝาแฝดของเย่วซิน” เย่วฉีเอ่ยแนะนำยืดยาว
จากนั้นทั้งหมดก็เอ่ยแนะนำตัวเองจนครบครันยกเว้นท่านปู่ฮุ่ยฉินที่ตอนนี้กำลังพักอยู่บนห้องไม่ได้ออกมาพูดคุยด้านนอกแต่อีกสักพักท่านจะลงมากินมื้อเย็นที่ด้านล่างของโรงเตี๊ยม
“สรุปว่าเจ้าโดนผู้ใดทำร้ายมาหรือ?” หยางปิงเป็นผู้เอ่ยถามขึ้นมาบ้าง
“คนของพรรคอสรพิษมันต้องการจับตัวข้าไปแบบที่ยังมีชีวิตอยู่จึงใช้ยาพิษอ่อนแรง” จ้าวไท่เฟยเอ่ยตอบบุรุษสูงศักดิ์ที่ยามนี้ลดทอนยศของตัวเองเหลือเพียงสามัญชนเขาบอกว่ายามอยู่ด้านนอกและอยู่ตามลำพังกับเหล่าสหายให้คุยกับเขาเพียงสามัญชนเท่านั้น
“เหตุใดจึงต้องการตัวของเจ้ากันหรือพวกมันจะรู้แล้วว่าอดีตองค์รัชทายาทอยู่กับประมุขจ้าวเลยต้องการแลกเปลี่ยนตัว...” หยางปิงเอ่ย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คู่แฝดคู่ป่วน
รอนะคะ อัพต่อหน่อยค่า...