คู่แฝดคู่ป่วน นิยาย บท 103

สรุปบท บทที่ 103 พบหน้าครอบครัว: คู่แฝดคู่ป่วน

ตอน บทที่ 103 พบหน้าครอบครัว จาก คู่แฝดคู่ป่วน – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 103 พบหน้าครอบครัว คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายโรแมนซ์ คู่แฝดคู่ป่วน ที่เขียนโดย ไป๋หลัน เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

ทางด้านพรรคอินทรีย์คนคุ้มกันของเย่วฉีเข้ามารายงานแก่ประมุขพรรคอินทรีย์ว่าตอนนี้จ้าวไท่เฟยปลอดภัยดีกับเดินทางกลับพรรคพร้อมกับขบวนของท่านหมอฮุ่ยฉินและหลาน ๆ จ้าวไท่เหว่ยจึงมีสีหน้าผ่อนคลายลงมากและหลับพักผ่อนได้อย่างสนิทใจ

  ช่วงค่ำ ๆ เย่วซินเดินถือถาดอาหารมาให้ท่านประมุขจ้าวเพราะเขามัวแต่ยุ่งเรื่องน้องสาวและเรื่องของพรรคอสรพิษทำให้กินข้าวไม่ลง เมื่อมาถึงหน้าห้องพักซานจงก็ทำหน้าที่เปิดประตูให้อย่างรู้งานโดยไม่ต้องให้เอ่ยบอก

เมื่อเดินเข้ามาในห้องเห็นคนร่างสูงนอนอยู่บนเตียงไม่ยอมตื่นเขาคงเหนื่อยและอ่อนเพลียมากเมื่อคืนก็ไม่ได้นอนเพราะต้องออกตามหาน้องสาว ส่วนตอนเช้าก็ไปมีเรื่องกันที่พรรคอสรพิษ

เย่วซินวางถาดอาหารลงบนโต๊ะอย่างเบามือแล้วยกถ้วยต้มยำกุ้งหอมกรุ่นขึ้นมาถือแล้วเดินตรงไปยังเตียงนอนที่มีคนร่างสูงนอนอยู่จากนั้นก็เอาถ้วยต้มยำเข้าไปใกล้ ๆ จมูกโด่งคมสัน เย่วซินใช้มือเรียวเล็กของตนสะบัดพัดไปมาให้กลิ่นหอมของอาหารโชยออกไป

จ้าวไท่เหว่ยเป็นคนที่มีวรยุทธย้ำเลิศหูตาว่องไวแม้ยามหลับเขาก็สามารถรับรู้ได้ทันทีเมื่อมีสิ่งใดเข้ามาใกล้ ฉะนั้นเขาจึงรับรู้ตั้งแต่บานประตูเปิดออกแล้วและเขาก็รู้ด้วยว่าเป็นผู้ใดที่เดินเข้ามา เขาพียงแต่แกล้งหลับตาเอาไว้เท่านั้นอยากรู้ว่านางจะทำเช่นไรต่อไป

ไม่คิดว่าคนร่างเล็กจะซุกซนปลุกเขาโดยนำอาหารมาให้สูดดม ถ้าเขาลืมตาตื่นนั่นก็หมายความว่าเขาเห็นแก่กินใช่หรือไม่ ช่างน่าตายยิ่งนัก...

เย่วซินเห็นคนร่างสูงนอนนิ่งแต่หัวคิ้วขยับเล็กน้อยก็รู้ได้ทันทีว่าเขาตื่นแล้วแต่ไม่ยอมลืมตา เย่วซินจึงคิดกลั่นแกล้งเพิ่มขึ้นอีกดูสิว่าเขาจะทนได้นานเท่าใด ถ้วยอาหารยังคงอยู่ใกล้จมูกคมสันเย่วซินก้มใบหน้าของตัวเองเข้ามาใกล้แล้วพรูลมออกจากปากแผ่วเบาเพื่อเป่าเอากลิ่นอาหารให้ลอยไปยังคนที่อนหลับจากคราแรกที่ใช้มือของตนพัด

เย่วซินเป่าไปก็พลันยกยิ้มมุมปากไปเมื่อเห็นคนร่างสูงเริ่มขมวดหัวคิ้วเพิ่มมากขึ้น จ้าวไท่เหว่ยรับรู้ได้ทันทีที่มีลมอุ่น ๆ มาปะทะที่ใบหน้าไม่เพียงกลิ่นอาหารที่หอมชวนให้น้ำลายใหล ยังมีกลิ่นหอมของคนร่างเล็กที่ยามนี้นางขยับเข้ามาใกล้จนทำให้เขารู้สึกปั่นป่วน

จ้าวไท่เหว่ยไม่อาจทำใจให้นอนหลับนิ่งได้ดวงตาคมพลันเปิดกว้างและทันทีที่ลืมตาขึ้นใบหน้าเรียวเล็กของใครบางคนก็อยู่ใกล้เสียจนทำให้เขาใจเต้นไม่เป็นระส่ำแต่ก็ต้องทำให้เป็นปกติเพื่อไม่ให้ตนตรงหน้ารู้ว่าเขากำลังประหม่า

“เจ้าใช้วิธีนี้ปลุกคนให้ลุกมากินอาหารหรือ?”

เย่วซินตกใจที่เขาลืมตาตื่นขึ้นมาไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยจนตนไม่อาจขยับหน้าออกห่างได้ทันดังนั้นใบหน้าของตนจึงอยู่ใกล้กับเขามาก และเหมือนถูกสะกดจิตไม่ให้ร่างกายขยับเขยื้อนเมื่อได้จ้องดวงตาคมดุคู่สวยนั้น เย่วซินหัวใจเต้นแรงกว่าปกติ โชคดีที่เขาเอ่ยขึ้นมาทำให้ตนได้หลุดออกจากภวังค์นั้น

“ก็ท่านไม่ยอมลุกขึ้นมาข้าย่อมมีวิธีสารพัด” เย่วซินเอ่ยพร้อมถอยเท้าออกมาแล้วเดินไปยังโต๊ะอาหารวางถ้วยอาหารลงบนโต๊ะอย่างเบามือ

“วิธีของเจ้านับว่าได้ผลดียิ่งแต่ถ้าจะให้ดีกว่านี้เจ้าแค่ใช้ปากเป่าลงมาตรงนี้ข้าก็ตื่นทันทีเลย” จ้าวไท่เหว่ยเอ่ยพร้อมใช้นิ้วชี้ของตนจิ้มมาที่ปากของตนเอง เขาไม่เคยคิดว่าก่อนเลยว่าชาตินี้จะเอ่ยอะไรเช่นนี้ออกมาจากปากได้ เขาไม่เคยเกี้ยวพาสตรีคนใดมาก่อน แม้แต่กวนลู่ซือเขาไม่เคยพูดจาเกี้ยวพานางด้วยคำหวานเลี่ยนเช่นนี้

“ประมุขจ้าวท่านเกี้ยวข้าอยู่หรือเจ้าคะ” เย่วซินเป็นคนที่มาจากโลกสมัยใหม่ความคิดอ่านย่อมเปิดกว้างประโยคจีบสาวเด็ก ๆ เช่นนี้มีหรือที่เย่วซินจะเขินอายตอบเลยว่าไม่มีทาง

เย่วซินเพิ่งค้นพบตัวเองว่าประโยคหวานเลี่ยนใด ๆ ที่ออกจากจากเขานั้นมันไม่ได้ทำให้ตนหัวใจสั่นไหวได้เลยแม้แต่น้อย แต่ที่ทำให้หัวใจของตนสั่นไหวหลายริกเตอร์นั้นคือสายตาคมยามที่จ้องมองมาต่างหาก...

“เผื่อเจ้าจะใจอ่อนให้ข้าบ้าง” จ้าวไท่เหว่ยเอ่ยพร้อมกับนั่งลงบนเก้าอี้หยิบตะเกียบมาจากมือเรียวเล็กที่ส่งมาให้ เขาและนางพูดคุยกันเรื่องเกี้ยวพารางกับเป็นเรื่องดินฟ้าอากาศทั่วไป ไม่มีเขินอาย ไม่มีหน้าแดงหรืออาการใด ๆ

“พยายามเข้านะเจ้าคะข้าเอาใจช่วย” เย่วซินเอ่ยด้วยใบหน้าทะเล้น

 “ยายตัวแสบ!!” จ้าวไท่เหว่ยเอ่ย มีอย่างที่ไหนเอาใจช่วยเขาให้เกี้ยวพานางได้สำเร็จ เขาควรจะดีใจใช่หรือไม่...

จ้าวไท่เหว่ยกินอาหารตรงหน้าจนหมดจากนั้นเขาก็เล่าให้คนตัวเล็กฟังว่าน้องสาวของเขาอยู่กับพี่สาวของนางและคณะที่กำลังเดินทางมาที่นี่ และเล่าว่าจ้าวไท่เฟยโดยพิษอ่อนแรงแต่พี่ชายคนโตของนางช่วยเหลือเอาไว้ และมอบโอสถถอนพิษครอบคุมเพื่อถอนพิษให้จ้าวไท่เฟยอีก

เย่วซินที่ได้ยินก็ดีใจมากที่จ้าวไท่เฟยปลอดภัยดี และยังได้รู้อีกว่าครอบครัวของตนและสหายกำลังเดินทางมาใกล้จะถึงแล้วในอีกสองวันข้างหน้า เย่วซินออกจากห้องของประมุขจ้าวแล้วเดินไปยังเรือนพักของบิดาเพื่อแจ้งขาวดีแก่ท่าน ท่านเองก็เป็นห่วงจ้าวไท่เฟยอยู่ไม่น้อยและแจ้งข่าวเรื่องจิวอิงว่านางจะเดินทางมาถึงในอีกสองวันข้างหน้า

เสี่ยวชิงเองก็เช่นกันรีบเดินมาคุกเข่าให้นายท่านด้วยเช่นกัน เสี่ยวชิงจดจำใบหน้าของคุณชายถังได้เป็นอย่างดีถึงแม้ยามนี้จะดูทรุดโทรมลงไปมาก ผิดกับเมื่อก่อนที่ดูสง่างามองอาจหล่อเหลาคมคาย แต่ไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะคุณชายถังเพิ่งหายป่วยไข้

“คุณชายเสวี่ยถังท่านลุกขึ้นเถิดอย่าทำเช่นนี้เลย” ฮุ่ยฉินไม่เอ่ยเปล่าสองมือช่วยพยุงร่างของบุรุษให้ลุกขึ้นยืน

หานเสวี่ยถังลุกยืนขึ้นแล้วยกมือคำนับชายสูงวัยอีกครั้ง “ท่านช่างมีเมตตายิ่งนักบุญคุณครั้งนี้ข้าไม่รู้จะชดใช้อย่างไรถึงจะเพียงพอ”

“ท่านไม่ต้องทำสิ่งใดเลยข้าทำไปเพราะรักพวกนางไม่ต่างจากบุตรหลาน ต้องขอบคุณท่านเสียอีกที่ทำให้ชายแก่อย่างข้าได้พบเจอหลานสาวที่น่ารักเช่นนี้” ฮุ่ยฉินเอ่ยพลางกวักมือเรียกจิวอิงที่ยามนี้ลุกขึ้นยืนอยู่ด้านข้างเย่วซิน จิวอิงเดินเข้าไปใกล้บิดามากขึ้นอีกตามที่ท่านปู่กวักมือเรียก

“นางคือบุตรสาวคนโตของท่านนามว่าจิวอิง” ฮุ่ยฉินเอ่ยแนะนำ

“ลูกคาราวะเจ้าค่ะท่านพ่อ” จิวอิงเอ่ยพร้อมน้ำตามไหลอาบแก้ม หานเสวี่ยถังพิศมองบุตรสาวตรงหน้านางมีใบหน้าเหมือนกันกับเย่วซินราวกับว่าเป็นคนเดียวกัน จากนั้นก็ละสายตาไปทางบุตรสาวอีกคนหนึ่งเห็นว่านางพยักหน้าพร้อมยกยิ้มให้

“ลูกพ่อ...”หานเสวี่ยถังเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือพร้อมกับกางแขนทั้งสองข้างออก เขาอยากกอดบุตรสาวสักครั้งให้ได้ชื่นใจถึงแม้ว่าตนเองจะไม่ได้อุ้มชูเลี้ยงดูนางมา แต่นับจากนี้ไปเขาจะทำหน้าบิดาให้ดีที่สุดเท่าที่บุรุษคนหนึ่งจะทำให้ได้

 จิวอิงเห็นเช่นนั้นรีบสวมกอดบิดาทันทีด้วยความรู้สึกหลากหลายครั้งแรกที่เห็นบิดานางก็น้ำตาซึมออกมาเพราะร่างกายของท่านดูปราดเดียวก็รู้ได้ทันทีว่าท่านต้องผ่านเรื่องราวอันเลวร้ายทุกข์ทรมานมาไม่น้อย นางเองก็รู้สึกผิดต่อบิดาที่เคยนึกโกรธเกลียดท่านจนไม่เคยแม้จะเอ่ยถึงด้วยซ้ำ ความรู้สึกหลากหลายจึงประดังกันเข้ามาทำให้จิวอิงร้องไห้สะอึกสะอื้นแลดูน่าสงสารจับใจ

เย่วซินเองก็โอบกอดบิดาและพี่สาวของตนเช่นกันพร้อมกับน้ำตาแห่งความดีใจปลื้มใจที่ยามนี้ครอบครัวอยู่กันพร้อมหน้าท่านแม่ที่อยู่บนสวรรค์ท่านคงดีใจกับเราด้วยเช่นกัน ภาพเบื้องหน้าพาให้หลายคนต่างปลาบปลื้มใจบางคนถึงกับมีน้ำซึมออกมาด้วยความยินดี...

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คู่แฝดคู่ป่วน