คู่แฝดคู่ป่วน นิยาย บท 104

สรุปบท บทที่ 104 เล่าสู่กันฟัง: คู่แฝดคู่ป่วน

สรุปเนื้อหา บทที่ 104 เล่าสู่กันฟัง – คู่แฝดคู่ป่วน โดย ไป๋หลัน

บท บทที่ 104 เล่าสู่กันฟัง ของ คู่แฝดคู่ป่วน ในหมวดนิยายโรแมนซ์ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย ไป๋หลัน อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

ทั้งหมดเข้ามานั่งพูดคุยกันอยู่ภายในโถงใหญ่หลังจากที่เอ่ยทักทายขอบคุณกันและกันเป็นที่เรียบร้อย จ้าวไท่เหว่ยเอ่ยขอบคุณทุกคนที่ช่วยเหลือน้องสาวของตนเอาไว้ ส่วนอีกฝ่ายก็เอ่ยขอบคุณประมุขจ้าวที่ช่วยเหลืออดีตองค์รัชทายาทหานเสวี่ยเอาไว้จนทำให้พรรคของเขาต้องเป็นศัตรูกับพรรคอสรพิษไปด้วย

เวลาล่วงเลยจนบ่ายคล้อยเหล่าสตรีทั้งหลายจึงขันอาสาทำอาหารมื้อเย็นเพื่อเลี้ยงฉลองในการพบหน้ากันในครั้งนี้ จ้าวไท่เหว่ยประมุขของพรรคจึงเอ่ยอนุญาตพร้อมสั่งให้ลูกพรรคจัดหาวัตถุดิบมาให้เลือกอีกมากมาย ท่าทีเป็นกันเองของประมุขจ้าวจึงสร้างความพึงพอใจแก่ฝ่ายผู้มาเยือนไม่น้อย

ในความคิดของแต่ละคนประมุขจ้าวไท่เหว่ยเป็นคนใจคอโหดเหี้ยมเข่นคร่าผู้คนโดยไม่หวาดหวั่นไม่คบหาผู้ใดรักสันโดษเป็นนิจ แม้แต่สตรียังไม่ยอมเข้าใกล้ดังข่าวที่ชาวบ้านเล่าลือกันว่าเขาเป็นชายตัดแขนเสื้อ แต่วันนี้พวกเขาได้พบตัวจริงของประมุขหนุ่มเขาดูสุขุมนุ่มลึกดูน่ายำเกรงมากว่าน่าหวาดหวั่น และที่สำคัญภายใต้ความสุขุมนิ่งนั้นจิตใจของเขาประเสริฐยิ่งหาได้โหดเหี้ยมอย่างที่คนเล่าลือ...

ภายในห้องครัวใหญ่มีสตรีหลายนางช่วยกันคนละไม้คนละมือหยิบจับทำอาหารพร้อมกับเสียงพูดคุยสนุกสนานดังออกมา

“ข้าลืมถามเจ้าเลยพี่ลู่ซือไปไหนหรือ?ตั้งแต่ข้ามายังไม่เห็นนางเลย” จ้าวไท่เฟยเอ่ยถามเย่วซินด้วยความสงสัยเพราะจ้าวไท่เฟยรู้ว่ากวนลู่ซือคงไม่ยอมกลับพรรคของตนง่าย ๆ เป็นแน่

“พี่ชายของเจ้าไล่กลับไปแล้วตั้งแต่คืนที่เจ้าหายตัวไป” เย่วซินเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงเบาลงเมื่อเริ่มพาดพิงไปถึงผู้อื่น

“พี่ชายข้าต้องมีเหตุผลที่ไล่นางไปและเขาต้องโกรธมากเป็นแน่ไม่เช่นนั้นคงไม่ไล่ไปกะทันหันเช่นนั้น” จ้าวไท่เฟยเอ่ย เพราะทั้งสองสนิทกันมานานถ้าไม่มีเรื่องใหญ่โตพี่ชายของนางคงไม่ออกปากไล่กวนลู่ซือไปเช่นนั้นแน่

“นางวางยาพี่ชายเจ้าให้ลุ่มหลงนางน่ะสิ” เย่วซินเอ่ยเสียงเบายิ่งกว่าเดิมเมื่อเอ่ยถึงประมุขของพรรค

“พวกเจ้ากำลังนินทาผู้อื่นอยู่นะ” จิวอิงเอ่ยปรามทั้งสองคนที่กระซิบกระซาบแต่ก็พอได้ยินทั่วกันภายในห้อง

“ข้าไม่ได้นินทาเขาเรียกว่าเล่าสู่กันฟังต่างหากจริงหรือไม่ชิงหนี่ว์...” เย่วซินเอ่ยบอกพี่สาวแล้วหันไปขอความคิดเห็นจากสหายอีกคนที่นั่งฟังแต่ไม่ยอมออกความคิดเห็น

“ข้าเป็นผู้ฟังที่ดีอย่าลากข้าไปเป็นพวกด้วยไม่เอาเจ้าโดนดุคนเดียวเถอะ...” ชิงหนี่ว์เอ่ยพลางเสหยิบจับนั่นนี่เรื่อยเปื่อย

“ไม่เป็นไร ๆ ไม่ใช่คนอื่นไกลพี่ชายข้าเองนินทาได้” จ้าวไท่เฟยเอ่ยช่วยสหายที่โดนพี่สาวดุ

“พี่ชายของเจ้าไม่ใช่ตัวเจ้าห้ามเอ่ยพาดพิงเข้าใจหรือไม่” จิวอิงเอ่ยสอน จ้าวไท่เฟยมีนิสัยคล้ายน้องสาวพูดจาแก่นแก้วผิดแผกสตรีทั่วไป แต่ไท่เฟยยังสอนสั่งเข้าใจคล้ายนางเพิ่งเคยมีเพื่อนคุยจึงเลยเถิดไปบ้าง แต่กับเย่วซินน้องสาวตัวแสบรายนั้นเจ้าเล่ห์ซุกซนแต่ไม่ไร้สาระคล้ายมีสองร่างในตัวคนเดียวทั้งทำให้คนปวดหัวได้และทำให้คนประทับใจได้

“พวกเจ้าสองคนหน้ตาเหมือนกันแต่นิสัยต่างกันราวฟ้ากับเหว” จ้าวไท่เฟยเอ่ย

“ใครเป็นฟ้า?” ชิงหนี่ว์เอ่ยถามด้วยความอยากรู้

“ไหนเจ้าบอกว่าเป็นผู้ฟังที่ดีอย่างไรเล่าชิงหนี่ว์” เย่วซินเอ่ยเหน็บแนมเล็กน้อย

“จิวอิงเป็นฟ้า” จ้าวไท่เฟยเอ่ย

“เช่นนั้นเย่วซินก็เป็นเหวนะสิ ฮ่า ๆ ๆ” ชิงหนี่ว์เอ่ยพร้อมหัวเราะออกมาเสียงดัง ไม่เพียงแค่ชิงหนี่ว์เพียงเท่านั้นที่หัวเราะขบขัน ทั้งจิวอิง เสี่ยวชิงก็ยกยิ้มด้วยเช่นกัน

“พี่เสี่ยวชิงท่านหัวเราะข้าหรือ?” เย่วซินไม่รู้จะไปลงที่ใครเลยหันไปหาพี่สาวร่วมโลกผู้น่ารัก

“เปล่าเจ้าค่ะบ่าวไม่ได้หัวเราะคุณหนูรองบ่าวหัวเราะคุณหนูชิงหนี่ว์ต่างหากเจ้าค่ะ” เสี่ยวชิงรีบเอ่ยแก้ตัวทันที

“ไม่ต้องมาแก้ตัวเลยข้าเอาคืนพี่เสี่ยวชิงแน่คอยดูเถิด” เย่วซินเอ่ยข่มขู่พี่สาวผู้น่ารักของตน

“เหตุใดไปลงที่พี่เสี่ยวชิงกันเล่าไท่เฟยเจ้าดูเอาเถิด” ชิงหนี่ว์เอ่ยเย้าสหายอีกครั้ง สงสัยได้ผลเย่วซินหน้างอง้ำทันที

จ้าวไท่เหว่ยได้ยินเช่นนั้นก็พลันหัวใจกระตุกวูบเขาตามเกี้ยวนางอยู่แท้ ๆ แต่มาแพ้ให้โองการบ้าบอนั่น แต่เหมือนว่ามีน้ำทิพย์มาชโลมที่หัวใจเมื่อเขาได้ยินคำที่ร่างเล็กของเขาเอ่ย

“องค์ฮ่องเต้แค่เข้าใจผิดคิดว่าคิดว่าจิวอิงคือข้าต่างหากเล่า แล้วท่านพ่อของข้าเป็นท่านพ่อของท่านตั้งแต่เมื่อใดกันพี่อาฉี” เย่วซินเอ่ยแก้คำให้บิดาได้รับรู้เรื่องจริงและอีกคนหนึ่งที่ดูใบหน้ามือครึ้มลงไป จากนั้นก็หันไปเอาคืนพี่ชายคนสนิทบ้าง

“ก็ตั้งแต่พี่เจอท่านครั้งแรกนั่นแหละเจ้าอย่ามาหวงไปหน่อยเลยทีท่านพ่อของพี่เจ้ายังเรียกขานได้จริงหรือไม่ขอรับท่านพ่อ” เย่วฉีเอ่ยแก้ต่างกับน้องสาวแล้วหันไปหาบิดาคนใหม่ของตนเพื่อหาคนช่วย

“พวกเจ้าเถียงกันเป็นเด็กน้อยไม่อายผู้อื่นบ้างหรือ?” ฮุ่ยฉินเอ่ยพร้อมส่ายหน้าให้กับหลานทั้งสองที่ชอบหยอกเย้ากันเล่นเช่นนี้เสมอและอีกประเดี๋ยวนางต้องเข้ามาออดอ้อนเขา

“ท่านปู่...อาฉีแกล้งข้าก่อน กล่าวหาว่าข้ามีคู่หมั้นแล้วเช่นนี้ข้าจะหาสามีได้อย่างไรกันเจ้าคะ” ไม่พูดเปล่าเย่วซินเดินเข้าไปกอดแขนท่านปู่อย่างออดอ้อน

ฮุ่ยฉินและหานเสวี่ยถังใบหน้ายามนี้คล้ายกินยาขมให้กับคำพูดเถรตรงเมื่อสักครู่

จิวอิง ชิงหนี่ว์และจ้าวไท่เฟยต่างมีสีหน้าประหลาดพร้อมกับมีใบหน้าขึ้นสีระเรื่อให้กับคำพูดเมื่อครู่

เย่วเทียนที่ดูสงบนิ่งกว่าใครยังอยากจับนางมาเขกหัวสักทีสองทีที่กล้าพูดเรื่องหาสามีต่อหน้าบุรุษมากมายเช่นนี้

จ้าวไท่เหว่ยยกยิ้มมุมปากเล็กน้อยให้กับคำพูดที่ตรงไปตรงมาของคนร่างเล็กตัวแสบ นางเป็นเช่นนี้เสมอวันก่อนยังถามเขาว่าอยากจูบปากนางหรือ?แล้วก็ถกเถียงกันเรื่องจุตพิตอย่างไม่อายปาก แลัวยังเรื่องที่เขาเกี้ยวนางอีกนางไม่เคยอายกับเรื่องพวกนี้จนเขาเริ่มชินเสียแล้ว

บรรยากาศบนโต๊ะอาหารกลับมาครื้นเครงอีกครั้งเมื่อทุกคนต่างพร้อมใจกันเปลี่ยนหัวข้อการพูดคุย จากนั้นเมื่อเวลาล่วงเลยจนดึกดื่นก็แยกย้ายกันพักผ่อนเพราะเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางกันมาหลายวันโดยมีประมุขจ้าวสั่งให้ลูกพรรคจัดเตรียมเรือนพักที่ยังว่างอยู่หลายห้องให้แขกทั้งหมดได้พักอาศัยชั่วคราว...

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คู่แฝดคู่ป่วน