คู่แฝดคู่ป่วน นิยาย บท 106

สรุปบท บทที่ 106 อ้อมกอดอันอบอุ่น: คู่แฝดคู่ป่วน

อ่านสรุป บทที่ 106 อ้อมกอดอันอบอุ่น จาก คู่แฝดคู่ป่วน โดย ไป๋หลัน

บทที่ บทที่ 106 อ้อมกอดอันอบอุ่น คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายโรแมนซ์ คู่แฝดคู่ป่วน ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย ไป๋หลัน อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

ภายในห้องนอนใหญ่ของเย่วซินตอนนี้มีร่างของประมุขจ้าวนั่งอยู่ด้วย เขาอ้างว่าอากาศหนาวถ้าสระผมแล้วไม่รีบทำให้แห้งจะป่วยไข้เอาได้จึงขันอาสามาทำให้ผมของนางแห้ง แล้วเขารู้ได้อย่างไรว่าวันนี้นางจะสระผมประมุขจ้าวผู้นี้ไม่ธรรมดาเสียจริง

“จริง ๆ ท่านไม่ต้องมาทำให้ข้าถึงห้องก็ได้ข้าเกรงใจ” เย่วซินเอ่ยบอกคนร่างสูงหลังจากที่เขาทำให้ผมของตนแห้งแล้วก็นั่งอยู่ที่โต๊ะกลมยังไม่ยอมออกไป

“ไม่เห็นต้องเกรงใจข้าก็ทำให้เจ้าเป็นประจำอยู่แล้ว” จ้าวไท่เหว่ยเอ่ยหลังจากครั้งแรกที่เขาทำให้ผมของนางแห้ง จากนั้นเวลาที่นางสระผมจะต้องมาเขาเพื่อให้ช่วยทำผมของนางให้แห้ง เหตุใดนางเพิ่งจะมาเกรงใจกันเล่า

“ท่านเข้ามาในห้องข้าดึกดื่นเช่นนี้มันไม่เหมาะสม” เย่วซินเอ่ย

“แล้วทีเจ้าเข้าห้องของข้ายามดึกดื่นเล่าเหมาะสมเช่นนั้นหรือ?” จ้าวไท่เหว่ยเอ่ย

“มันไม่เหมือนกันนี่เจ้าคะ”

“จะเหมือนได้อย่างไร”

“ข้าไม่คุยกับท่านแล้ว” เย่วซินเอ่ยด้วยน้ำเสียงแง่งอน

“เถียงไม่ชนะก็งอนข้าอีก”

“ท่าน...” เย่วซินหมดคำจะเถียงก็จริงของเขา แต่ที่ตนไม่อยากให้เขามาที่ห้องก็เพราะว่ากลัวมีผู้ใดเห็นเข้ามันจะดูไม่ดี

“เจ้ากลัวว่าพี่ชายของเจ้าจะมาเห็นเช่นนั้นหรือ?” จ้าวไท่เหว่ยเอ่ยถาม

“ทำไมข้าต้องกลัวด้วยเล่า” เย่วซินเอ่ยบอกคนร่างสูงแต่ยังไม่ทันได้เอ่ยคำใดต่อก็พลันได้ยินเสียง

ก๊อกๆ ๆ เสียงดังมาจากประตูเย่วซินรีบหันหน้าไปมอง เสียงเคาะเช่นนี้เป็นใครไปไม่ได้นอกจากพี่ชายหน้านิ่งเพราะเสียงเคาะประตูยังนิ่งจนตนจำได้ ถ้าเป็นพี่ชายคนสนิทอย่างอาฉีรายนั้นจะเคาะเร็วรัวอย่างคนกำลังโดนไล่ล่า

เย่วซินหน้าซีดเผือดขึ้นมาทันทีเพราะรู้ว่าพี่ชายหน้านิ่งหวงตนนักหนาถ้ามาเห็นประมุขจ้าวอยู่ในห้องนอนสองต่อสองเกรงว่าจะเกิดการเข้าใจผิดและนำมาสู่ความขัดแย้งเอาได้ตนไม่อยากเห็นทั้งสองคนทะเลาะกัน

“ท่านประมุขมานี่...”เย่วซินเอ่ยพลางจับมือใหญ่ของประมุขจ้าวเดินไปยังเตียงนอนจากนั้นก็ดึงผ้าม่านโปร่งบางลงมาเพื่อบดบังสายตาจากคนภายนอก แล้วยัดร่างใหญ่ให้นอนลงบนเตียงพร้อมดึงผ้าห่มมาคลุมทับร่างเขาเอาไว้คนมิดชิด

“เหตุใดข้าต้องหลบด้วยเล่า” จ้าวไท่เหว่ยเอ่ยท้วงเขาไม่อยากหลบพี่ชายของนางรู้เห็นก็ยิ่งดีเขาไม่ชอบสายตาของพี่ชายคนนี้ที่มองร่างเล็กของตน มันเหมือนกับว่าเขาคิดกับนางมากกว่าพี่ชาย

“ห้ามโผล่หัวมาเด็ดขาดเข้าใจหรือไม่” เย่วซินไม่ตอบคำถามแต่กลับสั่งคนร่างสูงให้เข้าไปอยู่ใต้ผ้าห่มด้วยน้ำเสียงคล้ายกระซิบแต่เด็ดขาด จ้าวไท่เหว่ยยอมทำตามเพราะไม่อยากให้นางร้อนใจเขาจะยอมตามใจนางสักครั้ง

เย่วซินเมื่อจัดการคนร่างสูงเรียบร้อยก็รีบเดินมาเปิดประตูให้พี่ชายหน้านิ่งทันที

“พี่เย่วเทียน...มาหามีเรื่องอะไรด่วนหรือไม่เจ้าคะ”

“พี่เอาเสื้อคลุมขนสัตว์มาให้ เจ้าไม่ชอบอากาศหน้าหนาว แล้วยิ่งบนเขาเช่นนี้อากาศเย็นมากกว่าด้านล่างเกรงว่าเจ้าจะหนาวจนปากซีดปากสั่นเสียก่อน” เย่วเทียนเอ่ยพลางยื่นเสื้อคลุมขนสัตว์สีขาวให้น้องสาว

เย่วซินรับเสื้อคลุมขนสัตว์มาจากมือพี่ชายหน้านิ่งด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มมันทั้งนุ่มทั้งอุ่นพี่ชายผู้นี้ช่างรู้ใจเธอที่สุด เธอไม่ชอบอากาศหน้าหนาวเพราะเป็นคนขี้หนาวยิ่งบนเขาเช่นนี้อากาศหนาวกว่าที่เคยสัมผัสมา แม้ภายในห้องจะมีเตาร้อนแต่มันก็ยังไม่เพียงพอสำหรับคนขี้หนาวอย่างตน

“ใครกอดก็อุ่นเหมือนกันทั้งนั้นแหละ” เย่วซินเอ่ยบอก ไม่ว่าจะเป็นท่านปู่หรืออาฉีก็อุ่นเหมือนกันเพราะพวกเขาตัวโตกว่านางย่อมต้องกอดอุ่นเป็นธรรมดา ร่างกายของมนุษย์มีอุณหภูมิที่ร้อนย่อมต้องอุ่นกว่าห่มผ้าอีกด้วย

“ของข้าด้วยเช่นนั้นหรือ?” จ้าวไท่เหว่ยเอ่ยถามด้วยหัวใจลิงโลดนางบอกว่าอ้อมกอดของเขาอุ่น พลางกระชับวงแขนแกร่งของตนเองกอดร่างเล็กเอาไว้แน่นขึ้น

“อืม...” เย่วซินเอ่ยพร้อมมองหน้าคนตัวสูงสายตาร้อนแรงของเขาที่มองมานั้นทำให้ขนกายนางตั้งชันขึ้น เขาจะร้ายกาจเกินไปแล้ว ไม่เพียงมีใบหน้าหล่อเหลาจนใจละลายแล้วยังมีสายตาพิฆาตอีกต่างหาก สายตาร้อนแรงคู่นี้ของเขาคือจุดอ่อนของนาง

จ้าวไท่เหว่ยเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็พลันยกยิ้มด้วยความดีใจที่อย่างน้อยคนร่างเล็กก็ชอบอ้อมกอดอันอบอุ่นของเขา เย่วซินที่ได้เห็นสายตาคมอันร้อนแรงนั้นก็ว่าขนตั้งชันแล้ว พอมาเจอรอยยิ้มฆ่าคนได้เช่นนี้อีกย่อมต้องใจละลายกลายเป็นน้ำทันที

เย่วซินใจเต้นแรงขึ้นมาอย่างอยากระงับใบหน้าตอนนี้เริ่มร้อนผ่าวขึ้นมา บุรุษผู้นี้อยู่ในระยะประชิดช่างอันตรายเหลือแสน จ้าวไท่เหว่ยเห็นอาการของคนที่นอนทับร่างตนเอาไว้ก็พลันให้รับรู้ได้ทันทีว่านางกำลังเขินอายตน

จ้าวไท่เหว่ยยกยิ้มกว้างขึ้นน้อยครั้งนักที่จะเห็นอาการเช่นนี้จากคนร่างเล็ก เขาพยายามพูดคำหวานสารพัดนางก็หาได้เขินอาย เมื่อลองคิดดูแล้วต่อไปนี้เขาต้องใกล้ชิดนางแล้วป้อนรอยยิ้มของเขาให้บ่อยขึ้นเสียแล้ว

“เจ้าเหมือนกำลังอยากจุมพิตข้า” จ้าวไท่เหว่ยเอ่ยเสียงนุ่มนวลพร้อมส่งรอยยิ้มที่ใคร ๆ ก็บอกว่ามันเหมาะกับเขาไปให้ร่างเล็ก เย่วซินคล้ายโดนสะกดวิญญาณด้วยรอยยิ้มและสายตาเย้ายวนชวนให้ใจสั่น เขาเอ่ยคำใดออกมานั้นล้วนไม่ได้ยินเพียงพยักหน้ารับคล้ายคนจิตหลุดออกจากร่าง

จ้าวไท่เหว่ยพลันหัวใจเต้นแรงแทบจะหลุดออกมาจากอก เมื่อร่างเล็กพยักหน้ายอมรับว่านางอยากจุมพิตเขา จ้าวไท่เหว่ยยิ้มกว้างอย่างไม่ปิดบังยื่นใบหน้าของตนเข้าหาใบหน้างามแล้วจุมพิตที่ปากอิ่มนุ่มทันที

สองร่างที่นอนทับกันอยู่บนเตียงใหญ่คนตัวเล็กคล้ายจิตหลุดออกจากร่าง ส่วนคนตัวใหญ่คล้ายกำลังสูญวิญญาณจากคนร่างเล็ก ปากหยักไล่เลียกลีบปากอิ่มพร้อมขบเม้มหยอกเย้า ลิ้นหนาดุนดันกลีบปากอิ่มให้เปิดออก จากนั้นก็กวาดชิมน้ำหวานจากโพรงปากอย่างไม่รู้อิ่ม ลิ้นหนาไล่ต้อนลิ้นเล็กอย่างหยอกเย้าเนิ่นนาน...

ความละมุนหวาบหวามที่หลอกล่อคนร่างเล็กให้เคลิบเคลิ้มคนสติเตลิดยากถอนกลับ ทั้งความอบอุ่นจากอ้อมกอดที่คนร่างใหญ่มอบให้ ทั้งความหวาบหวามจากปากอุ่นยอมรับว่ามันช่างดียิ่งยากปฏิเสธ เนิ่นนานเท่าใดไม่อาจรับรู้ด้วยจิตใจที่ล่องลอยออกไปไกลกับความละมุนนุ่มหวานที่ร่างสูงมอบให้...

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คู่แฝดคู่ป่วน