คู่แฝดคู่ป่วน นิยาย บท 113

“ซินเอ๋อร์เจ้าจะนำน้ำไปเช็ดตัวให้ประมุขจ้าวหรือ?” เย่วเทียนเอ่ยถามน้องสาวในมือของนางถืออ่างน้ำใบเล็กอยู่

“ใช่เจ้าค่ะ พี่เย่วเทียนมีอะไรหรือเปล่าเจ้าคะ” เย่วซินเอ่ยถามด้วยความสงสัย

“เดี๋ยวพี่ทำให้เอง” เย่วเทียนเอ่ยบอก นางเป็นสตรีจะเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้บุรุษได้อย่างไรอีกอย่างเขาก็หวงนางด้วยไม่อยากให้ใกล้ชิดกับกับบุรุษอื่นมากนัก

 ยิ่งเป็นประมุขจ้าวยิ่งแล้วใหญ่รายนั้นออกตัวอย่างโจ่งแจ้งแล้วว่ากำลังตามเกี้ยวน้องสาวของเขาอยู่ นั่นยิ่งทำให้เขาร้อนลุ่มในใจเป็นอย่างมากเขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงได้หวงน้องสาวคนนี้นัก ทั้งที่น้องสาวอีกคนหนึ่งก็ไม่เห็นหวงนางมากขนาดนี้ หรืออาจเป็นเพราะเขาและนางสนิทสนมกันมาตั้งแต่เล็กก็เป็นได้

“จะดีหรือเจ้าคะ ให้ข้าทำเองดีกว่า” เย่วซินเอ่ยเพราะความเกรงใจไม่ใช่ว่ากลัวเขาทำไม่ดี

“เป็นสตรีจะถึงเนื้อถึงตัวบุรุษมันไม่งามถึงแม้ว่าเจ้าจะเป็นหมอก็เถอะ” เย่วเทียนเอ่ยบอก

เย่วซินนึกในใจนางกับประมุขจ้าวเกินเลยกันมากกว่าเช็ดตัวไปไกลโขแล้วไม่เห็นมีอะไรต้องมาอายอีก แต่เรื่องนี้นางจะให้พี่ชายคนนี้รู้ไม่ได้เด็ดขาด

“เช่นนั้นข้าฝากด้วยนะเจ้าคะ เดี๋ยวจะไปช่วยอิงอิงทำอาหารก่อนจะได้เสร็จเร็ว ๆ” เย่วซินไม่คิดเอ่ยขัดเมื่อเขาอาสานางก็ยินดีเผื่อว่าทั้งสองคนจะปรองดองกันมากขึ้นกว่าเดิม

เย่วเทียนรับอ่างน้ำมาจากนั้นก็เข้าไปในกระโจมรีบจัดแจงเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้คนเจ็บ มองดูคนที่นอนหลับตาสนิทก็พลันให้คิดประมุขหนุ่มผู้นี้ก็มีความกล้าหาญไม่น้อยยามเกิดอันตรายก็มักเอาตัวเองเข้าเสี่ยงภัยก่อนเสมอ

อีกอย่างประมุขหนุ่มผู้นี้ยังช่วยเหลือบิดาของน้องสาวเอาไว้บุญคุณครั้งนี้นับว่ามากมายเกินจะชดใช้ได้หมด ถ้าน้องสาวของเขาได้ครองรักกับบุรุษผู้นี้นับว่าโชคดีไม่น้อยแต่เหตุใดเขากลับไม่ยินยอมที่จะเปิดทางให้กันเล่า

เย่วเทียนเลิกคิดฟุ้งซ่านแล้วรีบจัดการเช็ดเนื้อเช็ดตัวประมุขหนุ่ม จ้าวไท่เหว่ยปรือเปลือกตาขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อรู้สึกว่ามีบางอย่างมาโดนตัว เมื่อเห็นว่าเป็นผู้ใดก็แปลกใจเล็กน้อย แต่ยามนี้เขารู้สึกหนักอึ้งไปทั่วทั้งร่างกายจึงไม่อาจไถ่ถามหรือท้วงติงได้จึงปล่อยให้บุรุษตรงหน้าล่วงเกินร่างกายของตนยามนี้ได้อย่างตามใจชอบก่อนที่เปลือกตาจะปิดลงไปอีกรอบ

จิวอิงและเย่วซินช่วยกันหุงหาอาหารโดยมีผู้สูงศักดิ์อย่างองค์รัชทายาทเป็นลูกมือช่วย ส่วนคนคุ้มกันคนอื่น ๆ คอยเดินตรวจตราอยู่รอบ ๆ เผื่อมีสิ่งใดผิดปกติหรือว่ามีสัตว์ร้ายเดินเข้ามาใกล้พวกเขาจะได้จัดการให้สิ้นซาก

วันนี้เย่วซินทำข้าวต้มกับปลาเกลือแดดเดียวย่างไฟเอาไว้ให้คนป่วย ส่วนคนอื่น ๆ กินข้าวสวยกับปลาเกลือและแกงจืดผักรวมซดน้ำร้อน ๆ ปลาและเนื้อหมู เย่วซินเตรียมใส่เกลือตากแดดเอาไว้มากมายเมื่อรู้ว่าต้องเดินทางเข้าป่าและยังมีน้ำพริกผัดหมูอีกหลายขวดที่ทำแล้วใส่โหลกระเบื้องเอาไว้ อย่างน้อยหากหาอาหารไม่ได้ก็ยังมีน้ำพริกกินกับข้าวสวยร้อน ๆ ก็อร่อยไม่น้อยเลยทีเดียว

เมื่ออาหารพร้อมทุกคนก็มารวมตัวกันหน้ากองไฟเช่นเดิม ส่วนกองไฟอีกด้านจะเป็นของพวกคนคุ้มกันที่แยกตัวออกไปกินตามลำพัง

“พวกท่านกินกันก่อนข้าจะเอาข้าวต้มไปให้คนป่วย” เย่วซินเอ่ยบอกคนที่กำลังนั่งกินข้าวกันอยู่

“เดี๋ยวพี่เอาไปให้เขาเองเจ้านั่งลงกินอาหารไปเถิด” เย่วเทียนเอ่ยบอกน้องสาว

“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ พี่เย่วเทียนนั่งกินไปเถิดข้ายังไม่หิวอีกอย่างข้าจะได้ตรวจดูเขาเสียหน่อยเผื่อว่าต้องให้โอสถเพิ่ม” เย่วซินเอ่ยบอกพี่ชายผู้เสียสละที่อาสาทำแทนไปเสียทุกอย่าง เย่วเทียนไม่คิดที่จะคัดค้านอีกประมุขจ้าวยามนี้อาการก็ไม่สู้ดีเท่าใดนัก

เย่วซินถือถาดอาหารมาด้านในกระโจมเห็นคนร่างสูงยังนอนหลับสนิทอยู่จึงวางถาดอาหารด้านข้างแล้วเอื้อมมือเล็กแตะลงที่หน้าผากเพื่อวัดดูว่ายังมีไข้อยู่หรือไม่ ส่วนปากก็เอ่ยเรียกเพื่อให้เขาลืมตาตื่นขึ้นขึ้นมา

“พี่ไท่เหว่ยตื่นมากินอาหารได้แล้วเจ้าค่ะจะได้กินยา”

จ้าวไท่เหว่ยลืมตาขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียงหวานเอ่ยเรียกเขาจำเสียงนี้ได้เป็นอย่างดี “ซินเอ๋อร์...”

“เจ้าค่ะข้าเอง “ เย่วซินเอ่ยพร้อมช่วยจับร่างสูงใหญ่ของคนเจ็บให้ลุกขึ้นนั่ง

จ้าวไท่เหว่ยลุกขึ้นนั่งแล้วเอ่ยบอกร่างเล็ก “ข้าไม่ได้เป็นอะไรแล้ว”

“เจ้าค่ะ ท่านเก่งมากโดนพิษร้ายแรงเช่นนี้ยังสามารถลุกขึ้นมาได้ แสดงว่าร่างกายของท่านสามารถต้านพิษได้อย่างดีเยี่ยมแล้วเป็นแน่” เย่วซินเอ่ยเย้าคนร่างสูง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คู่แฝดคู่ป่วน