สรุปเนื้อหา บทที่ 114 บาดเจ็บกันถ้วนหน้า – คู่แฝดคู่ป่วน โดย ไป๋หลัน
บท บทที่ 114 บาดเจ็บกันถ้วนหน้า ของ คู่แฝดคู่ป่วน ในหมวดนิยายโรแมนซ์ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย ไป๋หลัน อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
เช้าวันรุ่งขึ้นทุกคนในกระโจมตื่นขึ้นมาด้วยใบหน้าสดชื่นแจ่มใสเพราะได้นอนพักผ่อนกันเต็มตื่น จ้าวไท่เหว่ยเองก็ตื่นขึ้นมาเช้านี้รู้สึกร่างกายแข็งแรงขึ้นมากและบาดแผลที่ได้รับก่อนหน้านี้ก็ไม่รู้สึกเจ็บแล้ว
“พี่ไท่เหว่ยเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ” พอตื่นขึ้นมาเย่วซินก็เดินมาถามคนเจ็บที่นั่งอยู่ไม่ห่างกันมากนัก
“ข้าไม่รู้สึกเจ็บแล้ว ร่างกายก็แข็งแรงเหมือนเดิมเช่นกัน” จ้าวไท่เหว่ยเอ่ยตอบพร้อมลุกขึ้นขยับตัวไปมาบิดซ้ายบิดขวาให้คนร่างเล็กดู
“ดีเจ้าค่ะ แต่บาดแผลยังไม่หายสนิทท่านต้องระวังด้วยนะเจ้าคะ” เย่วซินเอ่ยบอก
“ข้าจะระวัง”
“ดีเจ้าค่ะ เช่นนั้นข้าขอตัวไปช่วยอิงอิงทำอาหารเช้าก่อนถึงแม้ว่าท่านจะอาการดีขึ้นมาแล้วแต่เช้านี้ก็ยังต้องกินยาอยู่นะเจ้าคะ” เย่วซินเอ่ยบอก
“โอ๊ย...จู่ ๆ แขนของข้าก็ไม่มีแรง เช้านี้เจ้าคงต้องป้อนข้าวข้าอีกแล้ว” จ้าวไท่เหว่ยเอ่ยบอกร่างเล็กด้วยน้ำเสียงออดอ้อน
“แขนของท่านคงอาการหนักเกินเยียวยาแล้วกระมังเช่นนั้นข้าคงต้องตัดมันทิ้งไปเสียเลยดีหรือไม่” เย่วซินเอ่ยบอกอย่างรู้ทัน
จ้าวไท่เหว่ยไม่ได้เอ่ยตอบเพียงไหวไหล่เล็กน้อยแล้วส่งยิ้มยียวนไปให้ เย่วซินเองก็ย่นหน้าใส่ด้วยความหมั่นไส้ในท่าทางนั้นแล้วเดินออกไปจากกระโจมทันที
“พี่จางฮั่นพี่จางฮ่าวเหตุใดขอบตาของท่านถึงได้ดำคล้ำเช่นนั้น” เย่วซินที่เดินออกมาก็พบกับคนคุ้มกันของตน เมื่อมองดูใบหน้าพวกเขาก็พลันให้สงสัยทำเขาไปทำอะไรกันมาก่อนนอนก็ยังดี ๆ อยู่
“คุณหนู...เมื่อคืนนี้ข้าน้อยไม่ได้นอนทั้งคืนเลยขอรับมีดวงไฟประหลาดลอยไปลอยมาเต็มไปหมดแถมยังส่งเสียงโหยหวนน่ากลัวยิ่งนัก” จางฮั่นเอ่ยบอกด้วยใบหน้าอิดโรย
“จริงหรือ? อ่า...ข้าขอโทษที่ลืมให้ของพวกนี้แก่ท่าน” เย่วซินเอ่ยบอกพลางหยิบใบไม้ออกมาจากแหวนมิติของตนเองยื่นให้ทั้งสองคนดู มันคือใบหนาดที่พกเอาไว้ป้องกันภูตผีหรือวิญญาณแต่นางก็ไม่คิดว่ามันจะป้องกันได้สักเท่าไรเพราะตนเองก็ไมเคยพบเจอเรื่องแบบนี้เช่นกัน
เย่วซินเป็นพวกกลัวผีมากคนหนึ่งและยิ่งอยู่ในป่าล้วนแต่มีสิ่งลี้ลับมากมายที่คาดไม่ถึงจึงต้องพกสิ่งที่พอพึ่งพาได้เอาไว้ตลอด ก่อนนอนนางยังนำใบหนาดมาวางไว้ภายในกระโจมเสียรอบทิศเพื่อความอุ่นใจไม่คิดว่ามันจะป้องกันได้ดีเช่นนี้
โชคดียิ่งนัก
“มันคืออะไรหรือขอรับคุณหนู” จางฮ่าวเอ่ยถามเมื่อเห็นใบไม้ตรงหน้า
“มันคือใบหนาดพกติดตัวเอาไว้ป้องกันภูตผีได้” เย่วซินเอ่ยบอก
“โธ่...คุณหนุเหตุใดถึงไม่ให้ข้าน้อยพกพามันบ้างเล่าขอรับ” จางฮั่นเอ่ยโอดครวญด้วยท่าทางน่าสงสาร
“ข้าขอโทษข้าลืมเจ้าค่ะ พวกท่านเอาไปแบ่งกันนะเจ้าคะ” เย่วซินเอ่ยบอกพร้อมยื่นใบไม้ในมือให้คนคุ้มกันทั้งสอง
“ขอบคุณขอรับ” ทั้งเอ่ยพร้อมรีบหยิบใบไม้มาจากมือของผู้เป็นนายด้วยความดีใจ พลางคิดคืนนี้คงได้นอนหลับบ้างแล้วดียิ่งนัก
ทั้งหมดจัดการเรื่องส่วนตัวและกินอาหารเช้าเรียบร้อยก็ออกเดินทางกันทันที ป่าแห่งนี้มีต้นไม้ใหญ่ขึ้นหนาแน่นจนแสงแดดภายนอกไม่สามารถส่องผ่านเข้ามาได้ อากาศตอนนี้จึงดูมืดครึ้มมองไม่ออกว่าเป็นยามใดเลยเสียด้วยซ้ำ
เย่วซินเดินไปสายตาก็สอดส่องเพราะสังเกตมาสักระยะหนึ่งแล้วว่าป่าแถวนี้มีสมุนไพรหายากขึ้นประปรายเพราะนางเจอมาสองสามต้นแล้วและก็ไม่พลาดที่จะเก็บมัน จริงอย่างที่ประมุขจ้าวเอ่ยบอกในป่าหมอกมายามีสมุนไพรหายากมากมาย เย่วซินรู้สึกมีแรงเดินขึ้นมาทันทีเมื่อคิดถึงสมุนไพรหายากทั้งหลายเหล่านั้น
“ด้านหน้าคือหมอกพิษ?” หยางหลงเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นหมอกสีขาวหนาแน่นด้านหน้า เขาคิดว่าหมอกสีขาวพวกนี้ไมน่าจะเป็นหมอกควันธรรมดาทั่วไปเป็นแน่
“ข้าคิดว่าเช่นนั้นนะ” เย่วเทียนเอ่ย
“เดี๋ยวข้าไปดูเอง” จ้าวไท่เหว่ยเอ่ยขึ้น ตัวเขาเองมีร่างกายที่ต้านพิษได้ฉะนั้นสมควรที่จะเข้าไปตรวจดูเพื่อความแน่ใจ เย่วซินนั้นมีร่างกายที่ต้านพิษได้ดีกว่าเขาแต่นางเป็นสตรีจะให้นางเข้าไปเสี่ยงได้อย่างไรกัน เพราะด้านในมันอาจจะไม่ใช่แค่หมอกพิษก็ได้มันอาจมีอะไรที่อันตรายอย่างอื่นแอบซ่อนอยู่
“ไม่ต้อง ๆ พวกเราเข้าไปพร้อมกันจะดีกว่า” เย่วซินเอ่ยห้ามเมื่อเห็นคนที่เพิ่งจะหายป่วยอาสาเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงอีก พลางหยิบโอสถต้านพิษออกแจกจ่ายทุกคน ไม่เว้นแม้แต่ประมุขจ้าวเพราะร่างกายของเขายังต้านพิษได้ไม่สมบูรณ์นัก
“ท่านทั้งสองจะช่วยกันทาหรือว่าจะให้ข้าทาให้” เย่วซินเอ่ยถามพี่ชายหน้านิ่งและประมุขจ้าวไท่เหว่ยเพราะทั้งสองก็มีบาดแผลเช่นกันแต่ไม่มากเท่าใดนัก
“ให้เจ้า...” ทั้งสองเอ่ยขึ้นพร้อมกัน
“แต่เป็นสตรีถูกเนื้อต้องตัวบุรุษันไม่งามนะเจ้าคะ” เย่วซินเอ่ยย้อนคำพูดของพี่ชาย
“ไหนเจ้าบอกว่าเป็นหมอไม่แบ่งชายหญิงอย่างไรเล่า” เย่วเทียนเอ่ยบอกหน้าตายคล้ายลืมคำพูดก่อนหน้านั้นจนสิ้น
“ก็ได้ เช่นนั้นทั้งสองแก้ผ้าเลยเจ้าค่ะ อุ้ย...หมายถอดอาภรณ์ออกเจ้าค่ะ” เย่วซินเอ่ยด้วยน้ำเสียงทะเล้นจนคนบุรุษทั้งสองต้องขึงตาใส่ด้วยความเข่นเขี้ยว
หยางหลงและจิวอิงต่างยกยิ้มขบขันจากนั้นจิวอิงก็ช่วยทายาให้คนรักด้วยเช่นกัน บาดแผลมีไม่กี่แห่งนับว่าโชคดีไม่น้อย ขนาดบุรุษทั้งหมดนี้มีวรยุทธที่แข็งแกร่งยังได้บาดแผลถ้าเป็นคนที่อ่อนด้อยกว่าคงไม่อาจรอดออกมาได้แน่นอน
เมื่อทายาเสร็จเรียบร้อยเย่วซินก็ให้กินยาดักเอาไว้อีกคนละหนึ่งเม็ดเพราะต้องออกเดินทางกันต่อยังไม่ได้หยุดพัก เมื่อพร้อมแล้วทุกคนก็ออกเดินทางกันต่อทันทีบาดแผลเล็กน้อยพวกนั้นสำหรับบุรุษแล้วมันห่างไกลคำว่าเจ็บมากนัก...
เดินต่อกันมาได้ราว ๆ หนึ่งชั่วยามก็มาเจอกับผาสูงชันมองดูรอบ ๆ ก็เหมือนจะไม่มีหนทางให้หลีกเลี่ยงอีกเช่นเคยเพราะมองไปทางใดก็มีแต่ผาสูงชันกั้นเอาไว้โดยรอบ
“ผาสูงแถวนี้จะมีดอกเพลิงเหมันต์หรือไม่นะ” เย่วซินเอ่ยขึ้นแล้วกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ผาสูงแต่ก็ดูเหมือนจะไม่มีเพราะผาสูงบริเวณนี้มีหญ้าขึ้นรกร้างอยู่เต็มไปหมด
“แล้วเราจะปีนขึ้นไปอย่างไรดี” จิวอิงเอ่ยถาม
หยางหลงกวาดสายตามองไปรอบ ๆ เห็นเถาวัลย์ใหญ่โยงลงมาจากด้านบนสู่เบื้องล่างดูท่าทางแข็งแรงจึงเอ่ยบอก “ตรงนั้นีเถาวัลย์ใหญ่พอให้เราเกาะปีนขึ้นไปได้”
เย่วซินมองตามมือใหญ่ที่ชี้บอก เถาวัลย์อันนั้นดูไม่น่าไว้วางใจเท่าใดนักมันจะบังเอิญเกินไปหรือไม่...
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คู่แฝดคู่ป่วน
รอนะคะ อัพต่อหน่อยค่า...