คู่แฝดคู่ป่วน นิยาย บท 115

“สูงขนาดนี้จะปีนไปได้อย่างกัน” เย่วซินเอ่ยพลางทำหน้าหวาดหวั่น

“เจ้าไม่ได้ฝึกพลังปราณจึงดูเหมือนยากแต่ไม่เป็นไรเดี๋ยวพี่จะพาเจ้าขึ้นไปเอง” เย่วเทียนเอ่ยบอกน้องสาว

“ข้าทำให้พวกท่านลำบากไม่น้อยเลย” เย่วซินเอ่ยด้วยสีหน้าสลดเพราะนางไม่เป็นวรยุทธไม่ได้ฝึกพลังปราณเลยทำให้ทุกคนต้องพลอยลำบากดูแลช่วยเหลืออยู่ตลอดการเดินทาง

“คิดมากยิ่งนักไม่เหมาะสมกับเจ้าเลยยายเด็กแสบ...” เป็นจ้าวไท่เหว่ยที่เอ่ยบอก เพียงแค่นางไม่เป็นวรยุทธก็ไม่เห็นจะลำบากเขาเลยสักนิดเดียว อีกอย่างถึงนางจะเป็นวรยุทธแต่หลายครั้งก็ได้นางที่ช่วยเหลือไม่เช่นนั้นการเดินทางครั้งนี้คงไม่ราบรื่นเท่าใดนัก

“จริงอย่างที่ประมุขจ้าวเอ่ย พวกเรารีบขึ้นไปด้านบนกันเถอะ” หยางหลงเอ่ยบอกจากนั้นก็เดินนำหน้าไปยังเถาวัลย์ใหญ่ ใช้มือกระตุกแรง ๆ สองสามครั้งเมื่อเห็นว่าแน่นหนาใช้ได้ก็จัดการนำทางขึ้นไปทันที

มือหนาโอบเอวคอดของคนรักเอาไว้เช่นเดิม ถึงนางจะมีวรยุทธที่เก่งกาจแต่เขาก็ไม่ยอมให้นางต้องออกปีนป่ายอย่างแน่นอน ตัวนางเล็กนิดเดียวแถมเบาราวกับขนนกอุ้มนางทั้งวันก็ยังไหว

หยางหลงใช้วิชาตัวเบาช่วยส่งตัวเองขึ้นที่สูงโดยใช้มืออีกข้างที่ยังว่างจับเถาวัลย์ส่งตัวเองขึ้นไป เย่วซินมองภาพเบื้องหน้าแล้วอ้าปากค้างพี่หยางหลงพลิ้วไหวสวยงามมากจริง ๆ นับถือ ๆ เย่วซินคิดในใจ

“พี่ไท่เหว่ยท่านไหวหรือไม่บาดแผลที่แขนยังไม่หายดีเลย” เย่วซินหันไปถามคนร่างสูงที่ยืนอยู่ด้านข้าง

“ให้อุ้มเจ้าอีกคนก็ยังไหว” จ้าวไท่เหว่ยเอ่ยบอกพลางยกยิ้มเจ้าเล่ห์

“ไม่ต้องรบกวนท่านหรอกน้องสาวของข้าข้าจะดูแลนางเอง” เย่วเทียนเอ่ยบอกเสียงเข้มเมื่อได้ยินคำพูดหยอกเย้าน้องสาวของตน

“เชิญ...” จ้าวไท่เหว่ยไม่คิดเอ่ยขัดรีบผายมือให้อีกฝ่าย เย่วเทียนปรายตามองท่าทียียวนนั้นเล็กน้อยแล้วยกแขนแกร่งของตนโอบเอวเล็กคอดกิ่วของน้องสาวแล้วใช้วิชาตัวเบาดีดกายขึ้นปีนป่ายเถาวัลย์ใหญ่ด้วยท่วงท่างดงามเช่นกัน

จ้าวไท่เหว่ยก็ทะยานกายตามไปขึ้นไปติด ๆ ไม่ยอมทิ้งห่างสักครึ่งก้าว เหล่าคนคุ้มกันเองก็เช่นกันเมื่อเห็นผู้เป็นนายขึ้นไปพวกเขาก็เร่งติดตามขึ้นไปทันที

หยางหลงที่มาถึงยังด้านบนก่อนได้แต่ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นไม่ได้ขยับตัวไปที่ใด เพียงไม่นานเหล่าสหายก็ตามติดขึ้นมาด้านบนจนครบและเมื่อมาถึงทุกคนก็ได้แต่ยืนเงียบตะลึงงัน

“ไม่นะ...นี่มันขั้วโลกเหนือหรืออย่างไรกัน” เย่วซินร้องออกมาด้วยน้ำเสียงตกใจและท้อใจเมื่อเห็นภาพสีขาวโพลนตรงหน้า มันเป็นภาพที่มีหิมะตกหนักจนต้นไม้และพื้นดินกลายเป็นสีขาวโพลนเต็มไปหมด ถ้าเดินเข้าไปจะไม่หนาวตายเลยหรือ?นี่มันป่าบ้าบอชัด ๆ

“พี่หยางหลงเราต้องเดินเข้าไปจริง ๆ หรือเจ้าคะ” จิวอิงเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงกังวลตนเองไม่ใช่คนขี้หนาวยังรู้สึกหวาดหวั่นขนาดนี้ แล้วน้องสาวของนางเล่าจะเป็นอย่างไร

“เราไม่มีทางอื่นให้เลี่ยงเดินได้อีก” หยางหลงเอ่บอกร่างบางด้านข้าง

“ซินเอ๋อร์เจ้าไหวใช่หรือไม่” จิวอิงหันไปถามน้องสาวด้วยสีหน้าเป็นกังวล

“ไม่ไหวก็ต้องไหวมีพวกท่านอยู่ข้าเคียงข้างข้าก็อุ่นใจแล้ว” เย่วซินเอ่ยบอกพลางยิ้มหวานส่งให้พี่สาว

“เช่นนั้นก่อนเดินเข้าไปพวกเรานั่งพักกินอาหารให้เรียบร้อยเสียก่อนดีกว่า” จ้าวไท่เหว่ยเอ่ยบอกเพราะเดินมาหลายชั่วยามแล้วก่อนที่จะเข้าไปยังป่าหิมะสมควรที่หาอะไรใส่ท้องให้อิ่มเสียก่อน

“ดี ๆ ข้าเองก็หิวแล้วเจ้าค่ะ” เย่วซินเอ่ยเห็นด้วยเพราะตนเองก็เริ่มรู้สึกหิวขึ้นมาทันทีหรือเป็นเพราะว่าอยากถ่วงเวลาเอาไว้อีกสักหน่อยก่อนที่จะเข้าไปยังป่าหิมะด้านหน้าก็เป็นได้

ทั้งหมดนั่งพักและนำอาหารที่เตรียมเอาไว้ตั้งแต่ตอนเช้าออกมาแบ่งกันกิน หลังกินอิ่มเรียบร้อยเย่วซินก็หยิบชุดคลุมขนสัตว์ออกมาสวมใส่อีกครั้ง ไม่เพียงแต่เย่วซินเท่านั้นคนอื่น ๆ ก็ต้องหยิบอาภรณ์หนา ๆ มาสวมใส่เอาไว้เช่นเดียวกัน

ทั้งหมดก้าวเดินเข้ามายังป่าหิมะที่ยังมีหิมะตกโปรยปรายตลอดเวลา อากาศในนี้หนาวจับจิตจับใจหรืออาจตายเพราะความหนาวก็เป็นได้นับว่าอันตรายโดยแท้ เพื่อไม่ให้เสียเวลาอยู่ในป่าหิมะนานทั้งหมดจึงเดินทางกันด้วยวิชาตัวเบา

เดินทางกันมาได้ราว ๆ หนึ่งชั่วยามทั้งหมดก็กลับมาเดินเท้าด้านล่างหิมะเริ่มตกหนาแน่นจนมองหนทางไม่ชัดเจนเดินเท้าธรรมดาน่าจะปลอดภัยที่สุด แต่ที่เป็นอุปสรรคสำหรับการเดินเท้าก็คือหิมะบนพื้นที่หนาเหยียบย่ำลงไปก็ยุบลงเกือบครึ่งหน้าแข้งนับว่าลำบากไม่น้อย

เย่วซินต้องเดินเกาะแขนพี่ชายหน้านิ่งอยู่ตลอดเวลา เพราะเวลาจะก้าวขาแต่ละทีก็ต้องช่วยกันฉุดดึง ด้วยตนเองเป็นคนร่างเล็กเหยียบเท้าลงพื้นแต่ละทีมันยุบลงไปครึ่งหน้าขาและดูเหมือนว่าจะกินพลังในการเดินไปมากโขเลยทีเดียว

“พวกเราหาที่พักกันก่อนเถิดตอนนี้เริ่มเย็นมากแล้วแถมหิมะก็ตกหนักมากขึ้นด้วย” จ้าวไท่เหว่ยเอ่ยบอกเมื่อเห็นว่าร่างเล็กของเย่วซินและจิวอิงเริ่มย่ำแย่เต็มทน

ทั้งหมดเห็นด้วยจึงเร่งรีบหาที่พักกันในทันที เรื่องที่พักนั้นเป็นอีกเรื่องที่จัดการไม่ง่ายนักด้วยเพราะทุกอย่างมันเปียกชื้นไปเสียหมด เหล่าคนคุ้มกันต้องกางผ้าผืนใหญ่ทำเป็นหลังคาก่อนที่จะกางกระโจม หลังคานั้นก็ต้องกางให้เอียงลาดเล็กน้อยและยังต้องคอยดันเกล็ดหิมะออกอยู่ตลอดป้องกันมันทับถมมากเกินไปอาจทำให้ถล่มลงมาได้

ตอนนี้ทุกคนนั่งกันอยู่ในกระโจมใหญ่ไม่เว้นแม้แต่เหล่าคนคุ้มกันทั้งสี่ กองไฟก็ต้องก่อกันในกระโจมโชคยังดีที่เย่วซินเตรียมการเอาไว้อย่างดีถึงขนาดพกเตาไฟใส่แหวนมิติมาด้วย การก่อก็ต้องระวังจะสุมไฟมากไม่ได้ประเดี๋ยวจะเกิดประกายไฟแล้วจะโดนกระโจมวอดเอาได้

มีเตาไฟอุ่น ๆ อยู่ในกระโจมเช่นนี้นับว่าดีไม่น้อยอีกอย่างทุกคนเข้ามานั่งกันอยู่ในกระโจมก็ดูครื้นเครงและอบอุ่นเป็นอย่างมาก อาหารมื้อนี้จึงเป็นอะไรที่ง่าย ๆ ไม่ยุ่งยากอย่างข้าวต้มทรงเครื่องที่ส่งกลิ่นหอมยั่วยวนชวนน้ำลายไหล

“อากาศเช่นนี้ก็ไม่นับว่าแย่ไปเสียทีเดียว” หยางหลงเอ่ยขึ้นขณะที่กำลังนั่งกินข้าวต้มแสนอร่อย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คู่แฝดคู่ป่วน