“พี่เย่วเทียน...พี่ไท่เหว่ย” เย่วซินรีบหันไปเรียกบุรุษทั้งสองที่นอนราบกับพื้นท่าทางไม่สู้ดีนัก สองเท้าพลางก้าวไปหาด้วยความรวดเร็ว ส่วนสายตาก็ยังอดที่จะเหลือบมองไปยังอีกด้านหนึ่งที่มีสัตว์อสูรสองตัวต่อสู้กันไม่ได้ พวกมันต่อสู้กันอย่างอย่างเอาจริงเอาจังจนไม่ทันได้เห็นว่าเจ้าไข่ใบใหญ่มันตกลงมายังเบื้องล่างแล้ว
“พี่เย่วเทียน พี่ไท่เหว่ยพวกท่านเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ” เย่วซินเอ่ยถามทั้งสองคนด้วยความเป็นห่วงรับเข้าพยุงร่างของพี่ชายหน้านิ่งให้ลุกขึ้นก่อนจากนั้นก็หันไปช่วยพยุงร่างของประมุขจ้าว
“ข้าเห็นไข่ใบนี้มันมีแสงประหลาดอยู่ครู่หนึ่ง” เย่วซินเอ่ยบอก
“มันคงทำพันธสัญญาโดยบังเอิญเพราะมันกลิ้งมาโดนเลือดของพวกเราเข้าพอดี” จ้าวไท่เหว่ยเอ่ยบอกร่างเล็ก
“ท่านรีบเก็บมันเข้าไปไว้ในแหวนก่อนเถิด ประเดี๋ยวเจ้าสัตว์สองตัวนั่นมันจะรู้เสียก่อน” เย่วซินเอ่ยบอก
จ้าวไท่เหว่ยรีบเก็บไข่ใบใหญ่เอาไว้ในแหวนมิติของตนทันที จากนั้นจึงเอ่ย “พวกเรารีบไปจากที่นี่กันเถอะอยู่ตรงนี้ยังไม่ปลอดภัย เจ้าลุกเดินไหวหรือไม่เย่วเทียน” ประโยคหลังจ้าวไท่เหว่ยเอ่ยถามเย่วเทียน
“ข้ายังเดินไหวเรารีบไปกันเถิด” เอ่ยจบเย่วเทียนก็ลุกขึ้นยืนแต่ก็ซวนเซเล็กน้อยเพราะแรงที่อัดเข้ากับด้านหลังนั้นรุนแรงมาก เย่วซินรีบเข้าไปช่วยพยุงร่างของพี่ชายหน้านิ่งทันทีที่เห็นเขาเซเล็กน้อย
จ้าวไท่เหว่ยเองก็เจ็บไม่น้อยแต่เขาก็ยังกัดฟันเดินนำหน้าไปเพราะไม่อยากให้คนร่างเล็กต้องเป็นกังวล ทั้งสามเดินออกห่างจากสัตว์อสูรสองตัวที่ต่อสู้กันลัดเลาะไปตามช่องแคบของต้นหญ้าเพื่ออำพรางตัว เสียงต่อสู้กันของสัตว์อสูรก็ดังห่างออกไปทุกขณะนั่นหมายถึงทั้งสามคนเดินออกมาห่างไกลมากขึ้นแล้ว...
ทางด้านหยางหลงและจิวอิงหลังจากที่ได้พักผ่อนจนมีเรี่ยวแรงขึ้นมาแล้วก็ออกเดินทางกันต่อทันที เส้นทางที่พวกเขาเดินอยู่นั้นมันคล้ายเดินอยู่ภายในถ้ำขนาดใหญ่ บนพื้นมีน้ำขังในบริเวณที่เป็นแอ่งหลุม หยางหลงในมือถือคบไฟที่เขาทำขึ้นมาเพื่อให้แสงสว่างส่องทางเดินเบื้องหน้าได้สะดวกยิ่งขึ้น
ทั้งสองเดินกันด้วยความระมัดระวังมือหนาเกาะกุมมือเรียวอยู่ตลอดเวลาเพื่อต้องการปกป้องและลดความกลัวให้กับร่างบาง จู่ ๆ ร่างกายของทั้งสองก็เหมือนมีบางอย่างมาปะทะร่างของทั้งคู่หวืดหวือลอยขึ้นแล้วไปติดหนึบอยู่ด้านข้างผนังถ้ำ
แสงสว่างทอประกายสีรุ้งที่ยึดตรึงทั้งสองร่างเอาไว้มันค่อย ๆ เพิ่มจำนวนขึ้นทีละน้อย ๆ คล้ายใยที่กำลังถักทออยู่
“อิงเอ๋อร์เจ้าเป็นอย่างไรบ้างเจ็บมากหรือไม่” หยางหลงเอ่ยถามพลางขยับเนื้อตัวพัลวันแต่กระนั้นเจ้าใยสีรุ้งที่รัดตรึงร่างกายอยู่นั้นทำให้ไม่สามารถขยับร่างกายได้ดั่งใจมากนัก
“พี่หยางหลงอย่าได้กังวลข้าไม่ได้บาดเจ็บอันใด แต่มันคืออะไรหรือเจ้าคะแล้วเราจะหลุดพ้นไปได้อย่างไรดูเหมือนเจ้าเส้นสีรุ้งนี้มันมีพลังบางอย่างแอบแฝงอยู่ด้วยนะเจ้าคะ” จิวอิงเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเป็นกังวลเพราะไม่รู้ว่าเส้นใยสีรุ้งที่ตรึงร่างกายอยู่นี้มันคืออะไร ตอนนี้ร่างกายของนางก็ขยับเขยื้อนไม่ได้เลยแม้แต่น้อย ถ้ามันเกิดมีอันตรายขึ้นมาจริง ๆ ทั้งนางและคนรักก็อาจจะไม่มีทางต่อสู้ดิ้นรนได้เลย
“พี่ก็รู้สึกเช่นนั้นมันมีพลังบางอย่างที่ทำให้ร่างกายรู้สึกตื่นตัวอย่างประหลาด” หยางหลงเอ่ยพลางกระชับมือใหญ่ของตนที่เกาะกุมมือเล็กเอาไว้แน่นขึ้นกว่าเดิม เขาไม่มีทางหลุดพ้นจากใยสีรุ้งนี้ไปได้อย่างแน่นอนแต่อย่างน้อยเขาก็ได้อยู่เคียงข้างคนที่รักก่อนที่จะสิ้นลมหายใจ
จิวอิงก็รับรู้ความถึงความรู้สึกของคนรักนางเองก็ยินดีหากต้องมาสิ้นลมหายใจเคียงข้างคนรักเช่นนี้ อย่างน้อยนางก็และเขาก็จะไม่ต้องโดดเดี่ยวที่ต้องไปเยือนปรโลก ตอนนี้เส้นใยสีรุ้งมันได้เพิ่มจำนวนและห่อหุ้มร่างกายจนเกือบจะปกปิดทั่งทั้งร่าง
“พี่รักเจ้านะอิงเอ๋อร์” หยางหลงเอ่ยขึ้นเมื่อรู้สึกถึงวาระสุดท้ายของตนก่อนที่เส้นใยสีรุ้งจะห่อหุ้มขึ้นมาถึงใบหน้าของตน
“ข้าก็รักพี่หยางหลงเจ้าค่ะไม่ว่าจะกี่ภพชาติข้าก็จะยังรักท่านไม่เสื่อมคลาย” จิวอิงเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาแต่แฝงไปด้วยความเด็ดเดี่ยวอันเปี่ยมล้นที่กลั่นกรองมาจากก้นบึ้งของหัวใจก่อนที่ใบหน้าและร่างกายจะถูกห่อหุ้มไปด้วยเส้นใยสีรุ้ง
แสงสีรุ้งเจิดจรัสสว่างไสวจนถ้ำที่มืดมิดในคราแรกส่องแสงประกายระยิบระยับสวยงาม พลันมีตัวประหลาดคืบคลานเข้ามามันคล้ายกับหนอนไหมแต่มีลำตัวเป็นสีรุ้งและมีขนาดที่ใหญ่โตมาก มันปล่อยใยสีรุ้งไปยังผนังถ้ำให้มากขึ้นอีกจากนั้นมันก็คืบคลานผ่านไปโดยที่ไม่หันกลับมาสนใจอีกต่อไป...
ทางด้านเย่วเทียน จ้าไท่เหว่ยและเย่วซินต้องออกเดินทางกันตลอดทั้งคืนโดยที่ไม่ได้หยุดพักถึงแม้ว่าร่างกายของบุรุษทั้งสองจะย่ำแย่มากก็ตาม แต่โชคยังดีที่ได้โอสถช่วยบรรเทาความเจ็บปวดและช่วยให้ร่างกายของพวกเขามีเรี่ยวแรงขึ้นและเดินทางกันได้ตลอดทั้งคืน
ทั้งสามเดินทางกันโดยไม่รู้ทิศทางทำได้เพียงก้าวเท้าเดินไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนสี แสงจากดวงอาทิตย์ของเช้าวันใหม่เริ่มส่องประกายกลืนกินความมืดจนเกิดเป็นสีสันสวยงาม
สองบุรุษกับหนึ่งสตรีต่างหมดเรี่ยวแรงโดยพลันด้วยความเหนื่อยล้า ทั้งสามนั่งพิงอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่เย่วซินนั่งอยู่ตรงกลางโดยมีเย่วเทียนและจ้าวไท่เหว่ยนั่งขนาบอยู่ด้านข้าง ศีรษะของบุรุษทั้งสองต่างเอนเอียงอิงซบบนบ่าเล็กด้วยท่วงท่าสบายดวงตาของทั้งสามปิดลงสนิทด้วยเหนื่อยล้า...
ทั้งสามลืมตาตื่นขึ้นมาในตอนที่แสงแดดจ้าส่องแสงแยงเข้ากับดวงตา เมื่อกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ก็พบว่าป่าที่พวกตนอยู่นั้นบัดนี้มันได้กลับกลายมาเป็นป่าปกติแล้ว และอีกหนึ่งสิ่งที่ทั้งสามคนต้องตกใจคือด้านหน้านั้นเป็นภูเขาสูงด้านบนยอดมีเมฆปกคลุมจนมองไม่เห็นด้านบน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คู่แฝดคู่ป่วน
รอนะคะ อัพต่อหน่อยค่า...