สรุปตอน บทที่ 120 อดใกล้ชิด้วยกันทั้งคู่ – จากเรื่อง คู่แฝดคู่ป่วน โดย ไป๋หลัน
ตอน บทที่ 120 อดใกล้ชิด้วยกันทั้งคู่ ของนิยายโรแมนซ์เรื่องดัง คู่แฝดคู่ป่วน โดยนักเขียน ไป๋หลัน เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
เมื่อเก็บสมุนไพรเสร็จเรียบร้อยทั้งสามก็ออกเดินทางกันต่อเพื่อตามหาคนอื่น ๆ ที่พลัดหลงกัน ยามนี้เจ้าตัวเล็กก็กลายร่างมาเป็นเจ้าตัวเล็กเหมือนเดิมและมันยังคงเกาะอยู่บนตัวของเย่วซินไม่ยอมห่าง
สัตว์อสูรเมื่อทำพันธะสัญญาแล้วย่อมเขาไปอยู่ในมิติจิตของคนผู้นั้นได้ แต่เจ้าตัวเล็กไม่ยินยอมที่จะเข้าไปด้านในนั้น มันอ้างว่าอยากเห็นโลกภายนอกอยู่ด้านในแล้วอึดอัด อยากอยู่กับท่านพ่อทั้งสองและท่านแม่มากกว่า มันช่างออดอ้อนเก่งยิ่งนัก
ตลอดทางเจ้าตัวเล็กก็มักจะมีจมูกที่ว่องไวมากมันได้กลิ่นสมุนไพรและเก็บกินตลอดเส้นทาง ไม่เพียงแต่สมุนไพรกระทั่งสัตว์เล็กมันก็กินเช่นกันเรียกได้ว่ามันช่างตระกละยิ่งนัก แต่มันก็ยังมีน้ำใจแบ่งสมุนไพรมาให้มารดาของมันเพราะมันรู้ว่ามารดาเป็นชอบสมุนไพรพิษที่สุด เลือดของมารดายังอบอวลไปด้วยพิษต่าง ๆ ซึ่งมันก็ชอบเช่นกัน
“พวกเราหาที่พักกันก่อนเถิดนี่ก็เริ่มเย็นมากแล้ว” เย่วเทียนเอ่ยบอกเมื่อแหงนหน้ามองขึ้นไปบนผืนฟ้า แม้จะมองไม่เห็นดวงอาทิตย์ที่สาดแสงลงมาเบื้องล่างได้เพราะมีต้นไม้ใหญ่แผ่กิ่งก้านปกคุมแต่เขาก็รับรู้ได้ว่าใกล้มืดค่ำเต็มทนเพราะอากาศที่เริ่มมืดครึ้มลงทุกขณะ
“เช่นนั้นเราพักตรงธารน้ำด้านหน้ากันดีกว่า” จ้าวไท่เหว่ยเอ่ยบอกเมื่อเห็นว่าด้านหน้าอันไม่ไกลมากมีธารน้ำสายเล็กไหลพาดผ่านอยู่
ทั้งสามเดินมุ่งหน้ามาพักยังธารน้ำขนาดเล็ก จ้าวไท่เหว่ยรีบหากิ่งไม้มาจุดไฟส่วนเย่วเทียนเดินลงน้ำเพื่อหาอาหารมื้อเย็นโดยมีตัวป่วนมาช่วยอีกแรง เมื่อกองไฟเริ่มมอดกิ่งไม้จนได้เถ้าถ่าน ปลาตัวใหญ่ก็จัดการเสียบไม้อย่างเรียบร้อยแล้วเช่นกัน
สองบุรุษต่างทำหน้าที่ของตนได้อย่างยอดเยี่ยมโดยไม่ต้องมีผู้ใดเอ่ยสั่งหรือแบ่งงานกันทำ เหมือนพวกเขาพูดคุยกันด้วยพลังจิตอย่างไรอย่างนั้น จนทำให้สตรีเพียงหนึ่งเดียวอดทึ่งไม่ได้เวลาพวกเขาทั้งสองสมานสามัคคีกันเช่นนี้ก็อดรู้สึกให้ชื่นชมไม่น้อย
“ท่านแม่หลงใหลในตัวท่านพ่อทั้งสองอยู่ใช่หรือไม่ขอรับ” เสียงเล็กเอ่ยเมื่อมันรู้สึกได้ถึงความบางอย่าง
“เจ้าช่างรู้ดียิ่งนักอาเฟย” เย่วซินไม่เถียงนางรู้สึกเช่นนั้นจริง ๆ ส่วนนามว่าอาเฟยนั้นเป็นนางที่ตั้งชื่อเรียกขานให้มันเอง
“ท่านพ่อเทียน ท่านพ่อเหว่ย ท่านแม่กำลังหลงใหลพวกท่านอยู่ขอรับ” อาเฟยเมื่อเห็นว่ามารดาของมันไม่คิดปฏิเสธก็พลันดีใจรีบตะโกนบอกบิดาทั้งสองของตนทันที
“อาเฟย!...” เย่วซินเอ่ยเสียงดังพร้อมกับเอามือปิดปากเจ้าตัวพูดมากเอาไว้ แต่มันก็ยังดิ้นไปมาอย่างไม่ยอมแพ้ปากก็ยังร้องไม่หยุด
“อื้อ ๆ อู้ ๆ” อาเฟยพยายามเอ่ยแต่เสียงของมันกลับไม่เป็นคำเพราะมือของมารดาอุดปากมันไว้ เหตุใดมารดาต้องไม่ให้มันพูดด้วยมันไม่เข้าใจจริง ๆ
สองบุรุษนั้นได้ยินเต็มสองหูว่าอาเฟยเอ่ยสิ่งใดจึงยกยิ้มมุมปากอย่างพอใจด้วยกันทั้งคู่ พลันสองสายตาคมหันมาสบตากันก็ชะงักค้างไปเพียงครู่ ทั้งสองปรับสีหน้าให้เป็นปกติโดยไม่ได้เอ่ยสิ่งใดต่อกัน
“ซินเอ๋อร์เจ้ายังคิดแก่แดดไม่เลิกอีกหรือ? จนอาเฟยจับได้แล้วเห็นหรือไม่” เย่วเทียนเอ่ยเย้าน้องสาวบุญธรรมที่ตอนนี้เขาไม่ได้คิดกับนางแค่น้องสาวอีกต่อไปแล้ว แต่เขารักนางแบบคนรักต่างหาก
“โธ่...พี่เย่วเทียนข้าเป็นเช่นนี้มานานแล้วจะเลิกได้อย่างไรกันเล่า” เย่วซินเอ่ยยอมรับเพราะพี่ชายหน้านิ่งเอ่ยเช่นนี้อยู่เป็นประจำเขาแค่เย้านางเล่นก็ต้องรับมุกของเขาเสียหน่อย
“ท่านพ่อเทียนพูดจริงหรือ? ท่านแม่หลงใหลท่านมานานแล้วหรือ?” อาเฟยเอ่ยถามบิดาของตนอย่างใคร่รู้
“อาเฟย...เจ้ายังเล็กนักอย่ายุ่งเรื่องของผู้ใหญ่จะดีกว่า” จ้าวไท่เหว่ยเอ่ยขัดขึ้นเพราะเขาเริ่มจะทนไม่ได้เมื่อรู้ว่าคนตัวเล็กของเขาลุ่มหลงพี่ชายมาตั้งแต่ยังเล็ก
“ก็ได้ขอรับ รอให้ข้าโตก่อนค่อยยุ่งก็ได้” อาเฟยเอ่ยเสียงอ่อนลง
“โตแล้วก็ยุ่งไม่ได้ถ้าไม่ใช่เรื่องของตน” เย่วซินเอ่ยบ่นอีกเสียงเมื่อเจ้าตัวเล็กคล้ายยังไม่เข้าใจในคำพูด
เจ้าตัวเล็กทำหน้าหดลงไม่เข้าใจมนุษย์ทำไมต้องมีข้อห้ามมากมายเช่นนี้ เย่วซินยกยิ้มเล็กน้อยด้วยความเอ็นดูแต่ไม่คิดจะเอ่ยปลอบประเดี๋ยวมันจะเสียนิสัย เย่วเทียนและจ้าวไท่เหว่ยช่วยกันย่างปลาตัวใหญ่สี่ตัวจนกลิ่นของมันหอมฟุ้งเมื่อเริ่มใกล้สุก
เสียงสวบสาบดังเข้ามาในโสตประสาทของสองบุรุษและอีกหนึ่งตัว ทั้งหมดต่างรีบระวังตัวกันมากขึ้น เงาดำสี่สายปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็ว จ้าวไท่เหว่ยเกือบจะปล่อยพลังปราณของตนไปแล้วแต่ก็ชะงักมือเอาไว้ได้ทันเมื่อเห็นว่าเป็นผู้ใด
“ท่านประมุข คุณชายเย่วเทียน คุณหนูเย่วซิน” เงาทั้งสี่เอ่ยเรียกชื่อของผู้เป็นนายด้วยน้ำเสียงดีใจอย่างถึงที่สุดพลางคุกเข่าอยู่เบื้องหน้า
“ข้าดีใจยิ่งนักที่ได้พบเจอพวกท่าน เป็นอย่างไรกันบ้างบาดเจ็บตรงใหนบ้างหรือไม่” เย่วซินเมื่อเห็นว่าเป็นผู้ใดที่ปรากฏกายขึ้นก็รีบเดินเข้ามาใกล้ด้วยความดีใจแล้วเอ่ยถามสารทุกข์พวกเขาทันที
“อาเฟยเหตุใดเจ้ายังไม่นอน” เย่วเทียนเอ่ยถาม
“ท่านแม่ให้ข้านั่งเฝ้า ท่านบอกว่าให้บิดาไปนอนทางด้านโน้นด้วยกันสองคนคืนนี้ท่านแม่ไม่หนาว” อาเฟยเอ่ยตามที่มารดาได้สั่งเอาไว้มันนั่งรอบิดาของมันให้เข้ามาเสียตั้งนานจนมันก็เริ่มง่วงเต็มที
“ข้าเข้าใจแล้วเจ้ามานอนในมิติจิตของข้าก่อนเถิดจะได้นอนหลับสบาย ๆ” จ้าวไท่เหว่ยเอ่ยบอกเจ้าตัวเล็ก อาเฟยเองก็ง่วงงุนมันไม่รอช้าหายวับเข้าไปอยู่ในมิติจิจของบิดาทันที มันต้องการพักผ่อนเพื่อที่ร่างกายของมันจะได้เจริญเติบโตไว ๆ
“เจ้าจะทำอะไร” เย่วเทียนเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายขยับตัวไปใกล้ร่างของน้องสาว
“ข้าจะนอน” จ้าวไท่เหว่ยเอ่ยตอบ
“ไปนอนห่าง ๆ นาง” เย่วเทียนเอ่ยเสียงเข้มไม่พอใจที่จะมีบุรุษมานอนอิงแอบอยู่ใกล้น้องสาวที่เขารัก
“ไม่!” จ้าวไท่เหว่ยเอ่ย เย่วเทียนโมโหจึงยกฝ่ามือขึ้นหวังสั่งสอน จ้าวไท่เหว่ยก็หาใช่ไร้วรยุทธจึงยกมือของตนขึ้นมาต่อสู้ด้วยเช่นกัน สองฝ่ามือใหญ่ทำสงครามกันโดยเงียบเพราะกลัวร่างเล็กจะตื่นขึ้นมา
จ้าวไท่เหว่ยยึดมือใหญ่ของอีกฝ่ายเอาไว้แล้วดึงอีกฝ่ายให้ลำตัวเข้ามาประชิดพลางเอ่ยกระซิบข้างหู “ถ้าเจ้าห้ามไม่ให้ข้านอนใกล้นาง เจ้าเองก็ต้องห้ามนอนใกล้นางด้วยเช่นกันเพราะข้าเองก็จะไม่ยินยอม แล้วเราก็อดนอนใกล้นางด้วยกันทั้งคู่คงน่าเสียดายแย่ สู้พวกเรามาแบ่งกันนอนคนละข้างเจ้านอนด้านซ้ายข้านอนด้านขวาต่างก็อบอุ่นด้วยกันทั้งคู่ตกลงหรือไม่”
เย่วเทียนตวัดสายตามองอย่างไม่พอใจเหตุใดเขาต้องแบ่งน้องสาวของเขาให้บุรุษผู้นี้ด้วย แต่ถ้าเขาไม่ยินยอมอีกฝ่ายก็คงขัดขวางเขาด้วยเช่นนั้นนั่นย่อมไม่ส่งผลดีเป็นแน่
เมื่อคิดถึงข้อดีข้อเสียกุนซือหนุ่มผู้ชาญฉลาดย่อมคิดได้ว่าควรเลือกสิ่งใด จึงยินยอมตกลงที่อีกฝ่ายหนึ่งเสนอมา ทั้งสองบุรุษต่างขยับตัวเข้าหาร่างเล็กด้วยความระมัดระวัง เย่วเทียนนอนอยู่ทางด้านซ้ายของคนร่างเล็ก จ้าวไท่เหว่ยนอนอยู่ทางด้านขวา ทั้งคู่ตวัดแขนแกร่งโอบกอดเอวคอดพร้อมกันทำให้มือของทั้งสองปะทะกันเข้า ศีรษะของสองบุรุษยกขึ้นส่งสายตาคมดุฟาดฟันกันเล็กน้อย จากนั้นก็เบี่ยงแขนแกร่งหลบเลี่ยงกันเย่วเทียนขยับแขนของตนสูงขึ้นเล็กน้อยแล้วกระชับกอดด้วยความรักใคร่ ส่วนเจ้าไท่เหว่ยขยับแขนแกร่งต่ำลงเพียงนิดแล้วโอบกอดกระชับด้วยความรักใคร่ใบหน้าหล่อเหลาแนบเกยอยู่บริเวณบ่าเล็กอย่างเปี่ยมสุข สองบุรุษหลับตาลงด้วยความสุขและหลับไป
เย่วซินนอนหลับฝันอยู่ในภวังค์ไม่ได้รับรู้ถึงเหตุการณ์ภายนอก นางกำลังติดอยู่ในห้วงความฝันอันแสนน่ากลัว ในความฝันนั้นมีงูตัวใหญ่สองตัวกำลังยื้อแย่งรัดตรึงร่างกายของนางจนแทบหายใจไม่ออก และนางก็ไม่อาจสลัดหนีออกจากงูตัวใหญ่สองตัวนั้นได้เลยมันมีเรี่ยวแรงมหาศาลช่างน่ากลัวเสียจริง ในความฝันเย่วซินถูกงูใหญ่สองตัวรัดร่างกายจนสลบไสลไม่ได้สติ...
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คู่แฝดคู่ป่วน
รอนะคะ อัพต่อหน่อยค่า...