คู่แฝดคู่ป่วน นิยาย บท 121

สรุปบท บทที่ 121 โดนยาสั่ง: คู่แฝดคู่ป่วน

อ่านสรุป บทที่ 121 โดนยาสั่ง จาก คู่แฝดคู่ป่วน โดย ไป๋หลัน

บทที่ บทที่ 121 โดนยาสั่ง คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายโรแมนซ์ คู่แฝดคู่ป่วน ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย ไป๋หลัน อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

เช้าวันรุ่งขึ้นเย่วซินตื่นมาก็พบว่าน่าจะสายพอดู เพราะคนอื่น ๆ ต่างลุกไปทำหน้าที่ของตนเรียบร้อยหมดแล้ว รวมทั้งอาหารมื้อเช้าก็ถูกจัดเตรียมเอาไว้เรียบร้อยแล้วเช่นกัน

สาเหตุที่เย่วซินตื่นสายอาจเป็นเพราะว่าความฝันอันแสนทรมานเมื่อคืน ขนาดตื่นขึ้นมาตอนเช้านางยังรู้สึกเหน็ดเหนื่อยราวกับว่ามันคือเรื่องจริงอย่างไรอย่างนั้น

เมื่อกินอาหารเช้าเสร็จเรียบร้อยก็ได้เวลาออกเดินทางเพื่อตามหาพี่สาวและองค์รัชทายาท ไม่รู้ว่าป่านนี้สองคนนั้นจะเป็นอย่างไรกันบ้าง ถ้าทั้งสองคนอยู่ด้วยกันนางก็ยังรู้สึกเบาใจเพราะองค์รัชทายาทคงจะไม่ปล่อยให้พี่สาวของนางต้องมีอันตรายอย่างแน่นอน

ทางอีกด้านหนึ่งของป่าหมอกมายา กลุ่มเดินทางของเจิ้งจื่อยิ่นก็ได้สมุนไพรตามที่ต้องการกันเรียบร้อยแล้วกำลังเดินออกจากป่า พวกเขาต้องสูญเสียกำลังพลไปไม่น้อยเพราะความอันตรายของป่าหมอกมายา แต่ยังโชคดีที่มีคนคลั่งคอยช่วยจัดการรับหน้าเอาไว้จึงตัดปัญหาไปได้มากทีเดียว

“ท่านประมุขเจิ้ง ด้านหน้ามีกลุ่มคนกำลังเดินมุ่งหน้ามาทางนี้ขอรับ” เสียงของคนคุ้มกันเอ่ยบอกผู้เป็นนายของตน

“มีจำนวนมากหรือไม่” เจิ้งจื่อยิ่นเอ่ยถาม

“ประมาณเจ็ดคนขอรับ”

“ดี ๆ ข้าจะจับพวกมันไปทำเป็นคนคลั่งเข้าป่ามาคราวนี้สูญเสียไปไม่น้อย” เจิ้งจื่อยิ่นเอ่ยด้วยน้ำเสียงยินดีที่จะได้คนไปทำเป็นกองกำลังคนคลั่งเพิ่ม

“ข้าว่าเราอย่าไปยุ่งกับพวกเขาจะดีกว่า” เจิ้งอู่เสียงเอ่ยขัดขึ้น

“ทำตามคำสั่งข้าและเจ้าต้องเป็นคนจัดการกับพวกมัน” เจิ้งจื่อยิ่นเอ่ยสั่งสียงดังเพราะเริ่มขัดใจกับความดื้อรั้นของหลานชายผู้นี้ สงสัยเขาจะต้องใช้ยาแรงเสียแล้ว ที่ผ่านมาเวลาหลานชายผู้นี้ขัดคำสั่งเขาก็จะใช้ยาสั่งชนิดพิเศษที่ปรุงขึ้นมาคอยบงการ แต่ระยะหลัง ๆ มานี้เจ้าหลานหัวรั้นมันเริ่มตีตัวออกห่างอยากระแวดระวัง

แต่ถึงกระนั้นยาสั่งที่เขาใช้กับหลานชายผู้นี้มันยังมียาพิษผสมอยู่ด้วย มันจะยังไม่ออกอาการในทันทีมันจะบ่มเพาะในร่างกายของมนุษย์แล้วจะออกอาการในภายภาคหน้า ถ้านับช่วงอายุของหลานชายพิษพวกนั้นก็ใกล้จะออกฤทธิ์เต็มทน

แม้หลานชายหัวรั้นของเขาจะเป็นผู้ปรุงยาพิษหรือผู้ปรุงโอสถแต่ก็ไม่อาจรับรู้ได้ว่าในร่างกายมีพิษอยู่ เพราะเด็กเมื่อวานซืนหรือจะเทียบชั้นกับปรมาจารย์ราชาแห่งพิษได้ ไม่มีวัน...

“ข้าไม่ทะ...” เจิ้งอู่เสียงน้ำเสียงขาดห้วง เมื่อจู่ ๆ ก็โดนผงบางอย่างสะบัดใส่หน้าอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว ก่อนที่สติจะขาดห้วงเขาได้รับรู้บางอย่างเกี่ยวกับความร้ายกาจของผู้เป็นลุง เป็นเขาเองที่ประมาทเกินไป เจิ้งอู่เสียงพลันหัวสมองขาวโพลนดวงตาเหม่อลอยไม่รับรู้สิ่งใด ๆ อีกต่อไป

เจิ้งจื่อยิ่นมองภาพหลานชายที่ดวงตาปรือยืนโงนเงนอย่างพอใจ ยาสั่งชนิดพิเศษเขาต้องนำมาใช้อีกครา ถ้าหลานผู้นี้ไม่ดื้อรั้นต่อต้านเขาก็คงไม่ต้องมาอยู่ในสภานเช่นนี้หรอก

“ท่านประมุขขอรับกลุ่มคนด้านหน้าเป็นประมุขพรรคอินทรีย์ของรับ” คนคุ้มกันอีกคนเข้ามารายงานผู้เป็นนาย

“ดียิ่งนักมาให้ข้าจัดการถึงที่นี่” เจิ้งจื่อยิ่นเอ่ยด้วยน้ำเสียงพึงใจเป็นอย่างยิ่ง พลางนำกลุ่มคนคลั่งออกมาจากแหวนมิติของตนจำนวนยี่สิบคน เพื่อจะให้หลานชายนำไปจัดการกับกลุ่มของประมุขพรรคอินทรีย์

“ไปจัดการกับกลุ่มคนที่กำลังมุ่งหน้ามาทางนี้เดี๋ยวนี้” เจิ้งจื่อยิ่นเอ่ยสั่งหลานชายที่ยืนนิ่งอยู่ด้านข้างด้วยเพราะยาสั่งของตน

“ขอรับท่านลุง” เจิ้งอู่เสียงเอ่ยตอบทันทีอย่างไม่อิดออดเพราะตอนนี้สมองของเขาไม่รับรู้สิ่งอื่นใดอีกนอกจากคำสั่งของผู้เป็นลุง

เจิ้งอู่เสียงเดินนำหน้าเหล่าคนคลั่งมุ่งหน้าตรงไปยังกลุ่มเป้าหมายที่ผู้เป็นลุงเอ่ยสั่ง แววตาของเจิ้งอู่เสียงมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยวไร้คล้ายกับไร้ความรู้สึกใด ๆ

เจิ้งจื่อยิ่นและเหล่าคนติดตามเดินตามมาห่าง ๆ เพื่อรอดูอยู่ทางด้านหลัง คราวที่แล้วประมุขจ้าวมาเหล่าลูกพรรคมาบุกพรรคของตน แต่กลับไม่เป็นดั่งหวังต้องพ่ายให้กัลกลุ่มคนคลั่งจนต้องล่าถอยกลับไปอย่างไม่เป็นท่า

แล้วครั้งนี้ประมุขจ้าวจะหนีรอดเงื้อมือของตนไปได้อย่างไรกัน ในเมื่อครั้งก่อนมีเหล่าลูกพรรคจำนวนมากยังพ่ายแพ้ยับเยิน มาเจอกันครานี้อีกฝ่ายมีกันแค่แปดคนเท่านั้นนับว่าสวรรค์เค้าข้างตนเสียจริง

ทางด้านจ้าวไท่เหว่ยเมื่อเห็นว่ามีกลุ่มคนเดินมุ่งหน้ามาทางพวกตนก็ระแวดระวังตัวอยู่ก่อนหน้า เมื่ออีกฝ่ายเดินเข้ามาใกล้ก็ยิ่งแน่ชัดแล้วว่าคือกลุ่มของผู้ใด ไม่คิดว่ามันจะบังเอิญได้มากขนาดนี้

“ข้าไม่ไปจะให้ข้าหลบหนีไปได้อย่างไรกัน” เย่วซินเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงไม่ยินยอม พลางเตรียมพร้อมเพื่อการสู้รบอย่างเต็มที่ ผงยาสลบชนิดรุนแรงเตรียมเอาออกมาใช้อีกครั้ง

“ใช่แล้วซินเอ๋อร์พูดถูกถ้าจะไปย่อมต้องไปพร้อมกัน” เย่วเทียนเอ่ยพร้อมยกกระบี่ขึ้นมาปัดป้องจากกลุ่มคนคลั่งที่เริ่มเข้ามาประชิดตัวแล้ว ถึงเขาจะเป็นห่วงน้องสาวมากเพียงใดแต่ก็ไม่อาจทำใจทิ้งคนเอาไว้ข้างหลังแล้วเอาตัวรอดไปได้ และนางเองก็คิดเช่นเดียวกับเขาเช่นกัน

“พวกเจ้าช่างดื้อด้านยิ่งนัก” จ้าวไท่เหว่ยเอ่ยบอก พลางยกกระบี่ในมือปัดป้อง จ้วงแทงเหล่าคนคลั่งด้วยท่าทางดุดันไร้แววปราณีใด ๆ แต่เมื่อพวกมันล้มลงเพียงครู่ก็ฟื้นคืนชีพขึ้นมาใหม่ แถมรอยแผลที่โดนฟันยังหายสนิทราวกับไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

ฝ่ายเย่วซินส่งเข็มอาบยาพิษพุ่งเข้าใส่กลุ่มคนคลั่งพวกมันเพียงสะบัดหน้าไปมาเล็กน้อยแล้วพุ่งเข้าใส่อย่างบ้าคลั่งเช่นเดิม ยาสลบไม่ได้ผลคนพวกนี้มันคนคลั่งโดยแท้จริง เมื่อเห็นว่ายาสลบไม่ได้ผลเย่วซินจึงหยิบขลุ่ยหยกสยบมารออกมาจากแหวนมิติ

“พี่เย่วเทียนคอยคุ้มกันให้ข้าด้วย” เย่วซินเอ่ยสั่งพี่ชายหน้านิ่งเพื่อความปลอดภัยของตน แต่ถึงไม่เอ่ยสั่งทั้งพี่ชายและทั้งประมุขจ้าวก็ช่วยกันปัดป้องอยู่รอบตัวของนางอยู่ตลอดอยู่แล้ว เมื่อเอ่ยจบเย่วซินจึงยกขลุ่ยสยบมารขึ้นมาเป่าทันที

ท่วงทำนองเพลงหวานซึ้งเริ่มบรรเลงอีกครา เย่วซินเป่าขลุ่ยพลางคิดว่าให้คนคลั่งทั้งหลายต่างหยุดนิ่งคล้ายก้อนหิน นับว่าได้ผลพวกคนคลั่งต่างพากันชงักงันยืนนิ่งไม่ขยับเยื้อนแม้แต่น้อย เย่วซินยกยิ้มมุมปากอย่างพอใจ

แม้ไม่อาจทำให้พวกมันสิ้นใจตายได้แต่อย่างน้อยก็ช่วยยับยั้งไม่ให้พวกมันโจมตีได้

“บัดสบ!...” เจิ้งอู่เสียงสบถด้วยความหัวเสียเมื่อเห็นกลุ่มคนคลั่งของตนหยุดการเคลื่อนไหว ไม่เว้นแม้แต่เจิ้งจื่อยิ่นที่ยืนดูอยู่ในระยะใกล้

เจิ้งจื่อยิ่นพาเหล่าคนติดตามเดินเข้ามาใกล้แล้วเอ่ยสั่งให้คนของตนไปช่วยหลานชายจัดการกับคนพวกนั้น โดยเฉพาะสตรีผู้นั้นที่มันใช้เสียงขลุ่ยควบคุมคนคลั่งของตน

ทั้งเจิ้งอู่เสียงและคนติดตามต่างพุ่งร่างเข้าต่อสู้กับอีกฝ่ายทันทีด้วยท่วงท่าดุดัน เย่วเทียนและจ้าวไท่เหว่ยยังคงช่วยกันตวัดกระบี่ต่อสู้อีกฝ่ายเพื่ออย่างไม่ลดละเช่นกัน ถ้าเป็นคนปกติพวกเขาต่อสู้ได้อย่างไม่เป็นรองผู้ใด

การต่อสู้ดำเนินไปอย่างไม่มีผู้ใดยินยอม แต่มีเพียงของฝ่ายพรรคอสรพิษที่เริ่มเหลือน้อยลงทุกขณะด้วยน้ำมือของจ้าวไท่เหว่ยและเย่วเทียน ส่วนคนคุ้มกันทั้งสี่นั้นฝีมือก็หาใช่ยิ่งหย่อนเช่นกัน...

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คู่แฝดคู่ป่วน