จิวอิงยืนบิดไปมาก็พบว่าร่างกายของนางขยับได้คล่องแคล่ว ไม่มีส่วนใดเจ็บเลยแม้แต่น้อย แต่ถึงกระนั้นนางก็ยังไม่วางใจ มือเรียวปลดสายคาดเอวของตนเองออกเพื่อจะมองสำรวจให้ถ้วนถี่อีกครั้ง แต่พลันได้ยินเสียงร้องห้ามเอาไว้
“หยุดก่อน ๆ เจ้าจะเปลื้องผ้าต่อหน้าพี่กระนั้นหรือ?” หยางหลงเอ่ยห้ามคนรัก นางคงต้องการสำรวจร่างกายเพื่อให้แน่ใจว่ามีบาดแผลส่วนใด จนลืมว่าตอนนี้นางไม่ได้อยู่เพียงคนเดียวแต่มีเขาซึ่งเป็นบุรุษอยู่ร่วมด้วยอีกคน ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นคนรักของนางแต่มันก็ไม่เหมาะสมอยู่ดี ถ้าเขาเห็นเรือนร่างของนางเขาอาจจะยับยั้งชั่งใจตนเองเอาไว้ไม่ได้อีกต่อไปเป็นแน่
“อุ๊ย...ข้าลืมตัวเจ้าค่ะมัวแต่คิดกังวลมากไปหน่อย” จิวอิงรู้สึกตัวก็พลันหน้าแดงขึ้นมาทันที นางมัวแต่กังวลว่าน้องสาวได้รับบาดเจ็บหนักจึงอยากสำรวจตัวเองให้แน่ชัดจนลืมไปว่ายังมีบุรุษอีกคนอยู่ที่นี่ด้วย
“พี่ว่าเนื้อตัวของเจ้าไม่น่าจะมีบาดแผลหรอก ไม่เช่นนั้นเจ้าจะลุกยืนหรือขยับร่างกายได้คล่องแคล่วเช่นนี้ได้อย่างไร” หยางหลงเอ่ยบอกคนรักพลางจับร่างบางหมุนไปมา จิวอิงก็รู้สึกว่าร่างกายของนางเองไม่ได้รู้สึกเจ็บอย่างที่เขากล่าวมาจริง ๆ
“แล้วเลือดพวกนี้มาได้อย่างไรกันเจ้าคะ” จิวอิงเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“พี่เองก็ไม่อาจหาคำตอบมาให้เจ้าได้เช่นกัน” หยางหลงส่ายหน้า
อีกทางด้านหนึ่งกลุ่มคนที่อยู่บนหลังของอาเฟย อาเฟยบินเหนืออยู่บนพื้นดินสายตากวาดมองด้านล่างอย่างถ้วนทั่ว พลันเกิดเห็นแสงประหลาดสีรุ้งส่องประกายอยู่ด้านล่างก็พลันนึกแปลก
เย่วซินรู้สึกว่าร่างกายของนางหนักอึ้งไปหมดคล้ายจะหายใจไม่สะดวก นางลืมตาตื่นขึ้นมาเห็นสองบุรุษกำลังโอบกอดรัดแน่น คล้ายกำลังเศร้าโศกเสียใจอย่างหนัก เสียงสะอื้นยังดังออกมาเป็นระยะ
“ข้าจะตายเพราะพวกท่านกอดข้าเอาไว้แน่นเกินไป” เย่วซินเอ่ยเสียงแผ่วแต่มีหรือที่เหล่าบุรุษทั้งหลายจะไม่ได้ยินเสียงนั้น
เย่วเทียน จ้าวไท่เหว่ยและคนอื่น ๆ ต่างตกตะลึงหันมามองยังร่างเล็กอย่างพร้อมเพรียงกัน เมื่อเห็นว่าร่างเล็กลืมตาตื่นขึ้นมาก็พลันดีใจแล้วรีบเอ่ยถาม
“เจ้าฟื้นแล้ว...เจ้ายังไม่ตาย” เย่วเทียนเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงยินดีน้ำตายังไม่เหือดหายไปจากใบหน้าแต่กลับมีรอยยิ้มที่ดูแล้วช่างอบอุ่นไม่น้อย
“ข้าดีใจยิ่งนักที่เจ้าตื่นขึ้นมา” จ้าวไท่เหว่ยเองก็ยกยิ้มจนเต็มใบหน้าพาให้คนมองตาพร่ามัวไปหมด
“ข้ายังไม่ตายเจ้าค่ะ แล้วก็รู้สึกดีขึ้นมากอย่างน่าประหลาด” เย่วซินเอ่ยบอก เพราะตอนนี้สองบุรุษต่างปล่อยแขนที่โอบรัดร่างของนางออกแล้ว ทำให้หายใจได้โล่งขึ้นและยังไม่รู้สึกเจ็บปวดเหมือนก่อนหน้านี้อีก
“เจ้าพูดเรื่องจริงหรือ? เป็นไปได้อย่างไรกัน” เย่วเทียนเอ่ยด้วยความสงสัย
“นั่นสิ เจ้าดีขึ้นแล้วจริงหรือ?” จ้าวไท่เหว่ยเองก็ยังอดสงสัยไม่ได้เพราะก่อนหน้านี้นางยังหายใจแผ่วเบาจวนเจียนขาดใจไปแล้ว
เย่วซินขยับตัวเองให้ลุกขึ้นนั่ง พลางสังเกตบาดแผลที่โดนแทงพบว่าบริเวณนั้นก็ไม่รู้สึกเจ็บเช่นกัน มือเล็กลูบคลำไปทั่วหน้าท้องของตนก็ไม่รู้สึกเจ็บและที่น่าประหลาดก็คือบาดแผลที่โดนแทงนั้นหายสนิทไปแล้ว
“บาดแผลของข้าหายดีแล้วเป็นไปได้อย่างไรกัน” เย่วซินเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงตกใจ
“จริงหรือ?” สองบุรุษเอ่ยขึ้นพร้อมกัน ไม้เว้นแม้แต่เหล่าคนคุ้มกันพวกเขาเองก็อดประหลาดใจไม่ได้ แต่กระนั้นพวกเขาก็ยินดีไม่น้อยที่คุณหนูฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง
“จริงเจ้าค่ะ ท่านลองคลำที่บาดแผลของข้าดูสิมันไม่มีแล้ว” ไม่เอ่ยเปล่าเย่วซินคว้ามือใหญ่ของพี่ชายหน้านิ่งขึ้นมาวางบริเวณที่โดนแทงแล้วจับมือใหญ่ลูบวนไปวนมา เย่วเทียนใบหูขึ้นสีระเรื่อด้วยรู้สึกขัดเขินขึ้นมาเล็กน้อยที่ได้สัมผัสเรือนร่างของสตรีเช่นนี้
ไม่เพียงแต่มือใหญ่ของเย่วเทียนมือเล็กยังคว้ามือใหญ่ของจ้าวไท่เหว่ยขึ้นมาอีกคนหลังจากเอามือของพี่ชายหน้านิ่งไปออกไป จ้าวไท่เหว่ยเองก็รู้สึกเมื่อสัมผัสเรือนร่างแม้จะยังมีอาภรณ์ขวางกั้นอยู่แต่ก็ยังทำให้เขาร่างกายปั่นป่วนขึ้นมาได้ จึงรีบชักมือออกแล้วเอ่ย
“บาดแผลหายไปแล้วจริง ๆ ด้วย”
“น่ายินดียิ่งนัก” เย่วเทียนเอ่ย
“ท่านพ่อทั้งสอง ท่านแม่ ข้าจะลงไปดูด้านล่างนะขอรับเหมือนมีบางอย่างตรงนั้น” อาเฟยเอ่ยขึ้น มันดีใจยิ่งนักที่ท่านแม่ฟื้นขึ้นมาและยังหายดีอีก มันไม่รอช้าเมื่อท่านแม่ของมันหายแล้วจึงอยากลงไปดูเบื้องล่าง เพราะแสงสีรุ้งนั้นมันค่อนข้างมั่นใจว่าต้องไม่ธรรมดาเป็นแน่
เมื่อลงมายังเบื้องล่างทั้งหมดก็กระโดดลงจากหลังของอาเฟย อาเฟยเองก็ย่อขนาดตัวให้เหลือตัวเท่าลูกแมวเช่นเดิม เพราะมันต้องการให้มารดาของมันอุ้ม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คู่แฝดคู่ป่วน
รอนะคะ อัพต่อหน่อยค่า...