สรุปเนื้อหา บทที่ 124 ความเจ็บปวดของเจ้าไท่เหว่ย – คู่แฝดคู่ป่วน โดย ไป๋หลัน
บท บทที่ 124 ความเจ็บปวดของเจ้าไท่เหว่ย ของ คู่แฝดคู่ป่วน ในหมวดนิยายโรแมนซ์ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย ไป๋หลัน อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
อาเฟยพาเดินออกมาอีกไม่ไกลนักก็ถึงธารน้ำใสที่สามารถดื่มและอาบอาบได้ แต่การจะดื่มนั้นเย่วซินจะต้องให้ทุกคนต้มน้ำเสียก่อนค่อยดื่มกินกันได้
เย่วซินและจิวอิงเดินออกไปอาบน้ำชำระร่างกายอีกทางด้านหนึ่งของลำธาร ส่วนทางด้านของบุรุษก็แยกย้ายกันทำหน้าที่ของตน บ้างก็ออกไปหาผลไม้ ก่อไฟเพื่อทำอาหารและกางกระโจมที่พัก เพราะตอนนี้เวลาก็เริ่มบ่ายคล้อยแล้วทั้งหมดตกลงกันว่าวันนี้จะค้างคืนกันที่นี่อีกหนึ่งคืน พรุ่งนี้ค่อยออกเดินทางกลับ
เมื่อสองสตรีอาบน้ำเปลี่ยนอาภรณ์เสร็จฝ่ายบุรุษก็ไปอาบน้ำเปลี่ยนอาภรณ์กันบ้าง เย่วซินและจิวอิงจัดการทำอาหารสำหรับทุกคน เพื่อเป็นมื้อสั่งลาในป่าหมอกมายาแห่งนี้ พอทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยพระอาทิตย์ก็ตกดินพอดี
ทั้งหมดนั่งล้อมวงกินอาหารเหมือนเช่นเดิมโดยเหล่าคนคุ้มกันนั้นแยกไปตัวออกไปนั่งกินอีกด้าน เพราะพวกเขาไม่อาจตีตนเสมอเจ้านานนั่งกินอาหารด้วยกันได้
“ไฟของอาเฟยสามารถทำลายคนคลั่งได้เช่นนั้นหรือ?” หยางหลงเอ่ยถาม
“ใช่ นับว่าโชคดีนักที่ได้พบกับอาเฟย” เย่วเทียนเอ่ยพลางเอื้อมมือไปลูบหัวเล็ก ๆ ที่อยู่ในอ้อมแขนของเย่วซิน
“ข้าก็โชคดีที่ได้พบกับท่านพ่อทั้งสองและท่านแม่ขอรับ” อาเฟยเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงดีเหลือหลายที่ได้พบกับบิดาและมารดาของพวกมัน
ทั้งหมดต่างยกยิ้มอย่างเอ็นดู คนอื่น ๆ ก็ได้ยินเสียงของอาเฟยเช่นกันเพราะว่าพลังปราณของอาเฟยเริ่มแข็งแกร่งขึ้นมากทำให้สามารถสื่อสารกับผู้อื่นได้ถ้ามันต้องการ
“พวกเราจะได้จัดการกับพรรคอสรพิษให้ซิ้นเสียที พวกมันคิดการใหญ่หลังยึดอำนาจเป็นใหญ่ทั่วทั้งแผ่นดิน” จ้าวไทเหว่ยเอ่ยบอก
“ข้าก็คิดเช่นนั้นข้าจะให้ความร่วมมือกับเจ้าเพราะพวกมันคงอยากยึดอำนาจของแคว้นหนิงต่อไปแน่” หยางหลงเอ่ยบอก
“ท่านต้องช่วยได้มากแน่นอนเพราะพรรคอสรพิษก็มีแคว้นหานร่วมด้วยไม่แน่อาจจะเกิดศึกระหว่างแคว้นก็เป็นได้” จ้าวไท่เหว่ยเอ่ยตอบ
“มันต้องเกิดศึกระหว่างแคว้นแน่ กลับไปคราวนี้พวกเราคงต้องเตรียมความพร้อมทางการทหารเอาไว้” เย่วเทียนเอ่ย
“ข้าฟังดูแล้วช่างดูน่ากลัวยิ่งนักข้าไม่ชอบเรื่องการทำสงครามเลย” เย่วซินเอ่ยบอก นางมาจากโลกอนาคตที่ไม่มีเรื่องการทำสงครามมานาน สมัยก่อนเคยดูละครที่อิงประวัติศาสน์เกี่ยวกับสงครามโลกมันก็ทำให้หดหู่ยิ่งนัก ชาวบ้านต่างเดือดร้อนกันทั่ว
“ไม่มีใครอยากให้เกิดสงครามขึ้นมาหรอกซินเอ๋อร์หากไม่จำเป็น” เย่วเทียนเอ่ยบอกร่างเล็กด้านข้าง
“จริงอย่างที่พี่เย่วเทียนเอ่ยไม่มีใครอยากให้เกิดหรอก” จิวอิงเอ่ยเห็นดวยกับน้องสาว
“จริงสิ ข้าสงสารพี่อู่เสียงมากเลยเขาโดนลุงแท้ ๆ ทำร้ายเราจะช่วยเขาได้หรือไม่” เย่วซินเอ่ยขึ้นมาเมื่อคิดถึงบุรุษที่แทงกระบี่ใส่ตน นางยังจำแววตานั้นได้มันช่างหดหู่และน่าสงสารจับใจ
“เหตุใดเจ้าต้องอยากช่วยบุรุษผู้นั้นด้วยมันทำร้ายเจ้าจนเกือบตาย” เย่วเทียนเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ เมื่อน้องสาวเอ่ยถึงบุรุษอื่น
“นั่นสิเหตุใดเจ้าต้องช่วยข้าไม่ชังหน้าบุรุษผู้นั้นยิ่งนัก” จ้าวไท่เหว่ยเอ่ยเห็นด้วยอีกเสียง
“เขาไม่ได้ตั้งใจเขาโดนยาสั่งเจ้าค่ะ ตอนที่เขาแทงกระบี่ใส่ข้าดวงตาของเขากลับมีน้ำตาเอ่อใหลน่าสงสารเขา” เย่วซินเอ่ยอธิบายให้บุรุษทั้งสองคนได้ฟัง
“ตอนนี้นางก็ไม่ได้เป็นอะไรแล้ว ช่วยเหลือคนนับเป็นสิ่งที่ดีไม่ใช่หรือ?” หยางหลงเอ่ย
“ข้าไม่รับปาก” เย่วเทียนเอ่ย
เขามาทีหลังจะไปสู้อะไรกับคนที่เติบโตมาด้วยกันเล่า จ้าวไท่เหว่ยมีสีหน้าเศร้าสลดลงจนหยางหลงมองเห็นได้แต่ก็ไม่ได้เอ่ยอันใดออกมา แม้จะรู้สึกเห็นใจอยู่บ้างแต่ก็เป็นเรื่องส่วนตัวของพวกเขา แม้จะแอบเสียดายอยู่บ้างเพราะประมุขจ้าวเป็นคนดีมากคนหนึ่งก็ตาม
ความรักที่มีมากกว่าหนึ่งนั้นย่อมสร้างความเจ็บปวดให้ผู้ที่ผิดหวังอยู่ไม่น้อย หรือไม่ก็อาจจะเจ็บปวดด้วยกันทั้งสามคนก็ได้ใครจะไปรู้ล่วงหน้าได้กัน
เย่วซินเห็นประมุขจ้าวมีสีหน้าเจื่อนลงไปพลันหัวใจของนางก็กระตุกวูบ รู้สึกเจ็บปวดหัวใจอย่างแปลกประหลาด หรือว่านางรู้สึกรักประมุขจ้าวเข้าให้แล้ว
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาประมุขจ้าวแสดงออกว่ารักและเดินหน้าเกี้ยวนางอย่างเต็มที่ เกินเลยถึงเนื้อถึงตัวกันก็หลายครั้งเธอเองก็ยอมรับว่ารู้สึกดีกับเขาไม่น้อย แต่ก็ยังเอ่ยบอกกับตัวเองว่าก็แค่รู้สึกดียังไม่ได้พัฒนาไปถึงขั้นรักเสียหน่อย
เย่วเทียนมองตามสายตาของร่างเล็กก็รับรู้ได้ว่านางกำลังมองผู้ใดอยู่ เขาและอีกฝ่ายต่างก็ตกลงกันเอาไว้แล้วว่าจะยอมรับความจริงถ้าอีกฝ่ายผิดหวัง แต่เมื่อเห็นสายตาของน้องสาวมองไปยังอีกฝ่ายก็ทำให้เขารู้สึกว่านางเองก้มีใจให้อีกไม่อยู่ไม่น้อยเช่นกัน
“ท่านแม่ท่านจะรักพ่อเย่วเทียนคนเดียวไม่ได้นะ ท่านพ่อไท่เหว่ยท่านแม่ก็ต้องรักเช่นกันนะขอรับ” เสียงของอาเฟยดึงสติของหลายคนให้ตื่นจากภวังค์ เย่วซินเองก็เช่นกัน
“อิงเอ๋อร์เราเดินย่อยอาหารด้านนั้นกันดีกว่า” หยางหลงเอ่ยบอกพลางพยุงร่างของคนรักให้ลุกขึ้นแล้วเดินออกไปทันที เพราะไม่อยากอยู่เป็นพยานรักปล่อยให้ทั้งสามคนตัดสินใจกันเอาเอง
“อาเฟย...เจ้าจะไปบังคับนางได้อย่างไรกัน เจ้าบังคับนางให้มารักข้าคิดว่าข้ามีความสุขเช่นนั้นหรือ ข้าก็ต้องการความรักที่มาจากใจจริงเหมือนกัน” จ้าวไท่เหว่ยเอ่ยเสียงราบเรียบแล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูง
“ข้า เอ่อ...” เย่วซินอยากจะเอ่ยบางอย่างแต่ก็ไม่สามารถเอ่ยออกมาได้ สิ่งที่นางอยากจะเอ่ยนั้นมันช่างไม่น่าฟังเอาเสียเลย แม้กระทั่งตัวของนางเองก็ยังไม่อาจทนฟังคำนั้นได้ คำที่กล่าวว่าข้าก็รักท่านเช่นกัน
“ข้าขอตัวก่อนเชิญพวกเจ้าคุยกันตามประสาคนรักไปเถิด” จ้าวไท่เหว่ยเอ่ยจบก็เดินจากไปทันทีด้วยหัวใจที่เจ็บปวดเจียนขาดใจ ความผิดหวังจากคนรักมันเจ็บปวดเช่นนี้เองหรอกหรือเขาเพิ่งเคยได้สัมผัสมัน...
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คู่แฝดคู่ป่วน
รอนะคะ อัพต่อหน่อยค่า...