เย่วซินคล้ายเหมือนกับกลืนก็ไม่ได้คายก็ไม่ออก มองตามร่างสูงที่เดินออกไปด้วยหัวใจที่วูบโหวง เย่วเทียนมองใบหน้างามและสายตาคู่สวยที่มองบุรุษอีกคนก็พลันหัวใจกระตุก
“ท่านแม่ท่านพ่อไท่เหว่ยโกรธท่านแม่แล้วขอรับ” อาเฟยเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบเมื่อเห็นว่าทั้งบิดาและมารดาต่างก็ไม่เอ่ยสิ่งใดออกมา
“ปล่อยให้เขาอยู่คนเดียวไปก่อนอาเฟย เจ้าก็อย่าเพิ่งไปกวนใจเขาตอนนี้เลย” เย่วซินเอ่ยบอกเจ้าตัวเล็กในอ้อมแขน
“พี่เย่วเทียนข้าขอตัวไปนอนก่อนนะเจ้าคะ รู้สึกง่วงมากเลย” เย่วซินหันไปเอ่ยบอกพี่ชายที่ตอนนี้เลื่อนสถานะมาเป็นคนรักเรียบร้อยแล้ว
“เจ้าไปนอนเถิดประเดี๋ยวพี่ค่อยตามเข้าไป” เย่วเทียนเอ่ยบอกร่างเล็กเสียงนุ่มนวล เย่วซินเดินเข้าไปในกระโจมทันที ตอนนี้นางไม่อาจสู้หน้าผู้ใดได้ทั้งนั้นเพราะความรู้สึกบ้า ๆ ของตนเอง
นางไม่อาจสู้หน้าพี่เย่วเทียนได้อย่างสนิทใจด้วยรู้ว่าหัวใจตอนนี้ไม่ได้มีเพียงเขาคนเดียว และก็ไม่อาจสู้หน้าประมุขจ้าวได้อีกเช่นกัน
“ท่านแม่รักท่านพ่อทั้งสองแล้วทำไมไม่พูดออกไปเล่าขอรับ” อาเฟยเอ่ยถามขณะที่กำลังนอนอยู่ในอ้อมแขนของมารดา มันรู้ว่าท่านแม่รักท่านพ่อทั้งสองและท่านแม่กำลังไม่สบายใจ
“ข้าจะบอกพวกเขาได้อย่างไรกัน คนรักที่ดีต้องมีรักจริงเพียงหนึ่งเท่านั้น ถ้ามีมากกว่าหนึ่งแสดงว่าคนผู้นั้นเป็นผู้มากรัก” เย่วซินเอ่ยบอกอาเฟยเสียงแผ่วเบา
“ก็ท่านพ่อทั้งสองต่างก็รักท่านแม่มันจะไม่ดีตรงไหน” อาเฟยเอ่ยอย่างไม่เข้าใจ
“เจ้านี่เข้าใจอยากจริงเชียว ข้าจะสมมุติให้เจ้าฟังหากข้ารักกับพี่เย่วเทียนข้าก็อยากให้เขามีเพียงข้าคนเดียวเท่านั้น หากเขามีใจให้สตรีอื่นข้าคงทำใจไม่ได้และต้องเสียใจผิดหวังกับเขามากจนไม่อาจอยู่ร่วมชายคากันได้อีก เจ้าเข้าใจที่ข้าพูดหรือยังอาเฟย”
“อืม...เข้าใจก็ได้ขอรับท่านแม่” อาเฟยเอ่ยบอก
“ต่อไปเจ้าก็ห้ามพูดเรื่องนี้อีกเข้าใจหรือไม่ เพราะทุกคนจะเจ็บปวดหากเจ้าเอ่ยออกไป” เย่วซินเอ่ยกำชับเจ้าตัวเล็กปากมาก
“ข้าจะไม่เอ่ยขอรับ ท่านแม่วางใจได้” อาเฟยเอ่ยรับปากด้วยน้ำเสียงหนักแน่น มันไม่อยากให้บิดาทั้งสองเจ็บปวด และมันก็ไม่อยากให้ท่านแม่ต้องไม่สบายใจเช่นนี้เลย
เช้าวันถัดมาหลังจากกินอาหารเช้ากันเรียบร้อยแล้วก็ออกเดินทางกันต่อโดยมีอาเฟยเป็นผู้พาทุกคนบินกลับ หากไม่ได้อาเฟยเกรงว่าจะต้องพบเจอกับความยุ่งยากในป่าหมอกมายาอีกมากมายเป็นแน่
วันนี้ทุกคนดูจะมีอาการเงียบงันกว่าปกติ ไม่มีคำเอ่ยหยอกเย้าหรือพูดจาครื้นเครงกันแม้แต่น้อย โดยเฉพาะประมุขจ้าวที่ค่อนข้างเงียบขรึมถามหนึ่งคำก็ตอบเพียงสั้น ๆ แถมขอบตาของเขาก็ดำคล้ำคล้ายคนไม่ได้นอน
ไม่ต่างจากเย่วซินเมื่อคืนนี้นางก็นอนไม่หลับเช่นเดียวกัน แม้จะมีอ้อมกอดของพี่สาวที่คอยกอดปลอบประโลมก็ตาม จิวอิงและหยางหลงรับรู้ความรู้สึกของทั้งสามคนว่ารู้สึกเช่นไร ทั้งสองเพียงได้แต่คอยพูดคุยเพื่อไม่ให้การเดินทางกลับเมืองครานี้น่าเบื่อจนเกินไป
อาเฟยพาทุกคนบินอยู่เหนือน่านฟ้าอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เวลาผ่านไปราว ๆ สามชั่วยามก็สามารถออกจากป่าหมอกมายาได้แล้ว อาเฟยยังพาทุกคนบินต่อจนมาถึงพรรคอินทรีย์อย่างปลอดภัยในช่วงเวลากลางยามเซิน(15.00-16.59)
คนในพรรคอินทรีย์ต่างแตกตื่นเพราะมีสัตว์อสูรตัวใหญ่บินอยู่เหนือน่านฟ้าของพรรคอินทรีย์ แต่เมื่อเห็นว่าเป็นผู้ใดทุกคนก็ต่างดีใจกันเป็นอย่างมาก อาเฟยพาทุกคนลงสู่เบื้องล่างตรงลานกว้าง เมื่อส่งทุกคนอย่างปลอดภัยแล้วมันก็เข้าไปในมิติจิตของบิดาจ้าวไท่เหว่ยทันที มันต้องการเพิ่มพลังให้มากสักหน่อยเพราะใช้ไปกับการบินอยู่นานหลายชั่วยามจนมันเริ่มเหนื่อยล้า
ทุกคนในพรรคออกมายังเบื้องหน้าเมื่อทราบว่าเป็นผู้ใดที่เดินทางมากับสัตว์อสูรตัวใหญ่ เย่วซินและจิวอิงเมื่อเห็นบุคคลอันเป็นที่รักก็รีบวิ่งเข้าไปหาแล้วสวมกอดพวกเขาทันที
เย่วซินสวมกอดบิดาด้วยความดีใจแล้วผละออกมาสวมกอดท่านปู่ฮุ่ยฉินชายชราอันเป็นที่รักยิ่งของตน ไม่เพียงแต่สวมกอดเย่วซินยังหอมแก้มซ้ายแก้มขวาอย่างเคยชินและไม่กระดากอาย เพราะนางทำเช่นนี้ทุกครั้งกับท่านปู่ ส่วนจิวอิงก็สวมกอดบิดาด้วยความคิดถึงเช่นเดียวกัน
“พวกเจ้าเป็นอย่างไรกันบ้าง” ฮุ่ยฉินเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
“ในป่าหมอกมายามันช่างทรหดสุด ๆ ไปเลยเจ้าค่ะท่านปู่ หากไม่จำเป็นข้าจะไม่ขอไปเหยียบที่นั่นอีกเป็นอันขาดเลย” เย่วซินเอ่ยบอกท่านปู่ด้วยน้ำเสียงเข็ดขยาด
“พวกเจ้าปลอดภัยกลับมาก็ดีแล้ว” หานเสวี่ยถังเอ่ยบอกพลางกวาดสายตามองไปที่ทุกคนตรงหน้า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คู่แฝดคู่ป่วน
รอนะคะ อัพต่อหน่อยค่า...