สรุปตอน บทที่ 125 เดินทางกลับพรรค – จากเรื่อง คู่แฝดคู่ป่วน โดย ไป๋หลัน
ตอน บทที่ 125 เดินทางกลับพรรค ของนิยายโรแมนซ์เรื่องดัง คู่แฝดคู่ป่วน โดยนักเขียน ไป๋หลัน เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
เย่วซินคล้ายเหมือนกับกลืนก็ไม่ได้คายก็ไม่ออก มองตามร่างสูงที่เดินออกไปด้วยหัวใจที่วูบโหวง เย่วเทียนมองใบหน้างามและสายตาคู่สวยที่มองบุรุษอีกคนก็พลันหัวใจกระตุก
“ท่านแม่ท่านพ่อไท่เหว่ยโกรธท่านแม่แล้วขอรับ” อาเฟยเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบเมื่อเห็นว่าทั้งบิดาและมารดาต่างก็ไม่เอ่ยสิ่งใดออกมา
“ปล่อยให้เขาอยู่คนเดียวไปก่อนอาเฟย เจ้าก็อย่าเพิ่งไปกวนใจเขาตอนนี้เลย” เย่วซินเอ่ยบอกเจ้าตัวเล็กในอ้อมแขน
“พี่เย่วเทียนข้าขอตัวไปนอนก่อนนะเจ้าคะ รู้สึกง่วงมากเลย” เย่วซินหันไปเอ่ยบอกพี่ชายที่ตอนนี้เลื่อนสถานะมาเป็นคนรักเรียบร้อยแล้ว
“เจ้าไปนอนเถิดประเดี๋ยวพี่ค่อยตามเข้าไป” เย่วเทียนเอ่ยบอกร่างเล็กเสียงนุ่มนวล เย่วซินเดินเข้าไปในกระโจมทันที ตอนนี้นางไม่อาจสู้หน้าผู้ใดได้ทั้งนั้นเพราะความรู้สึกบ้า ๆ ของตนเอง
นางไม่อาจสู้หน้าพี่เย่วเทียนได้อย่างสนิทใจด้วยรู้ว่าหัวใจตอนนี้ไม่ได้มีเพียงเขาคนเดียว และก็ไม่อาจสู้หน้าประมุขจ้าวได้อีกเช่นกัน
“ท่านแม่รักท่านพ่อทั้งสองแล้วทำไมไม่พูดออกไปเล่าขอรับ” อาเฟยเอ่ยถามขณะที่กำลังนอนอยู่ในอ้อมแขนของมารดา มันรู้ว่าท่านแม่รักท่านพ่อทั้งสองและท่านแม่กำลังไม่สบายใจ
“ข้าจะบอกพวกเขาได้อย่างไรกัน คนรักที่ดีต้องมีรักจริงเพียงหนึ่งเท่านั้น ถ้ามีมากกว่าหนึ่งแสดงว่าคนผู้นั้นเป็นผู้มากรัก” เย่วซินเอ่ยบอกอาเฟยเสียงแผ่วเบา
“ก็ท่านพ่อทั้งสองต่างก็รักท่านแม่มันจะไม่ดีตรงไหน” อาเฟยเอ่ยอย่างไม่เข้าใจ
“เจ้านี่เข้าใจอยากจริงเชียว ข้าจะสมมุติให้เจ้าฟังหากข้ารักกับพี่เย่วเทียนข้าก็อยากให้เขามีเพียงข้าคนเดียวเท่านั้น หากเขามีใจให้สตรีอื่นข้าคงทำใจไม่ได้และต้องเสียใจผิดหวังกับเขามากจนไม่อาจอยู่ร่วมชายคากันได้อีก เจ้าเข้าใจที่ข้าพูดหรือยังอาเฟย”
“อืม...เข้าใจก็ได้ขอรับท่านแม่” อาเฟยเอ่ยบอก
“ต่อไปเจ้าก็ห้ามพูดเรื่องนี้อีกเข้าใจหรือไม่ เพราะทุกคนจะเจ็บปวดหากเจ้าเอ่ยออกไป” เย่วซินเอ่ยกำชับเจ้าตัวเล็กปากมาก
“ข้าจะไม่เอ่ยขอรับ ท่านแม่วางใจได้” อาเฟยเอ่ยรับปากด้วยน้ำเสียงหนักแน่น มันไม่อยากให้บิดาทั้งสองเจ็บปวด และมันก็ไม่อยากให้ท่านแม่ต้องไม่สบายใจเช่นนี้เลย
เช้าวันถัดมาหลังจากกินอาหารเช้ากันเรียบร้อยแล้วก็ออกเดินทางกันต่อโดยมีอาเฟยเป็นผู้พาทุกคนบินกลับ หากไม่ได้อาเฟยเกรงว่าจะต้องพบเจอกับความยุ่งยากในป่าหมอกมายาอีกมากมายเป็นแน่
วันนี้ทุกคนดูจะมีอาการเงียบงันกว่าปกติ ไม่มีคำเอ่ยหยอกเย้าหรือพูดจาครื้นเครงกันแม้แต่น้อย โดยเฉพาะประมุขจ้าวที่ค่อนข้างเงียบขรึมถามหนึ่งคำก็ตอบเพียงสั้น ๆ แถมขอบตาของเขาก็ดำคล้ำคล้ายคนไม่ได้นอน
ไม่ต่างจากเย่วซินเมื่อคืนนี้นางก็นอนไม่หลับเช่นเดียวกัน แม้จะมีอ้อมกอดของพี่สาวที่คอยกอดปลอบประโลมก็ตาม จิวอิงและหยางหลงรับรู้ความรู้สึกของทั้งสามคนว่ารู้สึกเช่นไร ทั้งสองเพียงได้แต่คอยพูดคุยเพื่อไม่ให้การเดินทางกลับเมืองครานี้น่าเบื่อจนเกินไป
อาเฟยพาทุกคนบินอยู่เหนือน่านฟ้าอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เวลาผ่านไปราว ๆ สามชั่วยามก็สามารถออกจากป่าหมอกมายาได้แล้ว อาเฟยยังพาทุกคนบินต่อจนมาถึงพรรคอินทรีย์อย่างปลอดภัยในช่วงเวลากลางยามเซิน(15.00-16.59)
คนในพรรคอินทรีย์ต่างแตกตื่นเพราะมีสัตว์อสูรตัวใหญ่บินอยู่เหนือน่านฟ้าของพรรคอินทรีย์ แต่เมื่อเห็นว่าเป็นผู้ใดทุกคนก็ต่างดีใจกันเป็นอย่างมาก อาเฟยพาทุกคนลงสู่เบื้องล่างตรงลานกว้าง เมื่อส่งทุกคนอย่างปลอดภัยแล้วมันก็เข้าไปในมิติจิตของบิดาจ้าวไท่เหว่ยทันที มันต้องการเพิ่มพลังให้มากสักหน่อยเพราะใช้ไปกับการบินอยู่นานหลายชั่วยามจนมันเริ่มเหนื่อยล้า
ทุกคนในพรรคออกมายังเบื้องหน้าเมื่อทราบว่าเป็นผู้ใดที่เดินทางมากับสัตว์อสูรตัวใหญ่ เย่วซินและจิวอิงเมื่อเห็นบุคคลอันเป็นที่รักก็รีบวิ่งเข้าไปหาแล้วสวมกอดพวกเขาทันที
เย่วซินสวมกอดบิดาด้วยความดีใจแล้วผละออกมาสวมกอดท่านปู่ฮุ่ยฉินชายชราอันเป็นที่รักยิ่งของตน ไม่เพียงแต่สวมกอดเย่วซินยังหอมแก้มซ้ายแก้มขวาอย่างเคยชินและไม่กระดากอาย เพราะนางทำเช่นนี้ทุกครั้งกับท่านปู่ ส่วนจิวอิงก็สวมกอดบิดาด้วยความคิดถึงเช่นเดียวกัน
“พวกเจ้าเป็นอย่างไรกันบ้าง” ฮุ่ยฉินเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
“ในป่าหมอกมายามันช่างทรหดสุด ๆ ไปเลยเจ้าค่ะท่านปู่ หากไม่จำเป็นข้าจะไม่ขอไปเหยียบที่นั่นอีกเป็นอันขาดเลย” เย่วซินเอ่ยบอกท่านปู่ด้วยน้ำเสียงเข็ดขยาด
“พวกเจ้าปลอดภัยกลับมาก็ดีแล้ว” หานเสวี่ยถังเอ่ยบอกพลางกวาดสายตามองไปที่ทุกคนตรงหน้า
“ช่วงที่มันเข้าป่าหมอกก็ไม่วายสั่งลูกน้องคนสนิทให้พากลุ่มคนคลั่งออกไปทำลายผู้อื่น” หยางปิงเอ่ยขึ้น
“ได้ข่าวว่าเจ้าถูกแทงได้รับบาดเจ็บหนักมิใช่หรือแล้วเป็นอย่างไรกันบ้าง” ชิงหนี่ว์เอ่ยถามเพาะยังไม่ได้รับรู้เบื้องลึกหนักเพียงได้ยินเหล่าคนคุ้มกันพูดคุยกัน
“โชคดีที่อิงอิงร่างกายมีใยไหมสีรุ้งจึงทำให้ข้าพลอยฟื้นตัวและหายเป็นปกติได้ภายในเวลาอันรวดเร็ว ไม่เพียงแต่จิวอิงนะพี่หยางหลงเองก็มีใยสีรุ้งเช่นกัน” เย่วซินเอ่ยบอก
“ใยไหมสีรุ้งในตำนานนะหรือ โอ้...ข้าอิจฉาทั้งสองคนยิ่งนัก ข้าเคยอ่านเจอในตำรามันจะทำให้ร่างกายสามารถฟื้นตัวได้เองแม้จะโดนคมกระบี่แทงก็สามารถหายได้ภายในเวลารวดเร็วไม่ทิ้งแม้กระทั่งรอยแผล” เย่วฉีเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นกับสิ่งที่ได้ยิน
“ข้าอยากเห็นถึงความวิเศษของมันท่านช่วยทำให้ข้าเห็นเป้นบุญตาหน่อยได้หรือไม่” เย่วฉีคนขี้สงสัยยังไม่วายหันไปเอ่ยถามสหายรุ่นพี่ผู้สูงศักดิ์
หยางหลงส่ายหน้าแต่ไม่คิดจะปิดกั้นความอยากรู้อยากเห็น เขาหยิบกระบี่ของตนเองออกมาจากแหวนจัดเก็บ จากนั้นก็ยื่นแขนไปเบื้องหน้าแล้วใช้กระบี่อันเงาคมกรีดเข้าไปยังเนื้อของตนเอง
ทุกคนมองการกระทำขององค์รัชทายาทแห่งแคว้นอย่างไม่อาจกระพริบตาได้ ไม่เพียงแต่เย่วฉีเท่านั้นที่อยากรู้ทุกคนก็อยากรู้อยากเห็นเช่นเดียวกัน รอยแผลที่โดนคมกระบี่กรีดเป็นทางยาวพร้อมกับมือเลือดสีแดงสดหลั่งไหลพรั่งพรูออกมามากมาย
แต่เพียงไม่นานบาดแผลนั้นมันก็ค่อย ๆ หดหรือเล็กลงเรื่อย ๆ จนหายเป็นปกติไม่หลงเหลือแม้แต่รอยขีดข่วน ทุกคนมองภาพเบื้องหน้าด้วยสีหน้าตื่นเต้นและประหลาดใจ
“ช่างดียิ่งนัก” เสียงของหลายคนเอ่ยขึ้นอย่างยินดีกับสิ่งที่ได้เห็นเมื่อครู่
“อิงเอ๋อร์ก็เช่นกันร่างกายของเจ้าช่างวิเศษยิ่งนักและยังแผ่ไปถึงซินเอ๋อร์อีกนับว่าโชคดีของพวกเจ้าจริง ๆ” หานเสวี่ยถังเอ่ยบอกกับบุตรีทั้งสองของตนด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ตั้งแต่บุตรสาวเดินทางกลับมารู้สึกว่าหัวใจของเขาสงบสุขขึ้นเป็นอย่างมาก ตั้งแต่พวกนางเดินทางจากไปเขาก็กินแทบไม่ได้นอนก็ไม่หลับเพราะเป็นห่วงพวกนางมากเหลือเกิน
ทุกคนพูดคุยเรื่องราวต่าง ๆ กันด้วยความสนุกสนาน และเล่าเรื่องที่ต้องอยู่ภายในป่าหมอกมายาให้พวกเขาได้ฟังกัน เพราะทุกคนต่างก็อยากรู้ว่ามันอันตรายเพียงใด น้อยคนนักที่จะได้เข้าไปสัมผัสกับมัน เมื่อเวลาล่วงเลยมืดดึกต่างก็แยกย้ายกันไปพักผ่อนยังเรือนของตนเอง...
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คู่แฝดคู่ป่วน
รอนะคะ อัพต่อหน่อยค่า...