บทที่ 127 ข้าคือตัวปลอม – ตอนที่ต้องอ่านของ คู่แฝดคู่ป่วน
ตอนนี้ของ คู่แฝดคู่ป่วน โดย ไป๋หลัน ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายโรแมนซ์ทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 127 ข้าคือตัวปลอม จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
“เจ้าไม่ใช่คนไม่ดี ไม่มีใครคิดแบบนั้นหรอกเจ้าอย่ากังวลไปเลย” เย่วฉีเอ่ยพลางยกมือลูบศีรษะเล็กอย่างเบามือ เมื่อได้ยินเรื่องราวความรักของนางและบุรุษอีกสองคน แม้มันจะทำให้เขารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่เมื่อคิดดูแล้วไม่ว่าใครได้ใกล้ชิดกับน้องสาวผู้นี้ของเขาย่อมต้องรักใคร่นางไม่ยาก เพราะนางน่ารักและสดใส
“ไม่มีใครคิดแต่ข้าคิด” เย่วซินเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงอู้อี้เพราะก้มหน้าก้มตาอยู่กับหมอนใบนุ่ม
“แล้วเจ้ามัวมานอนร้องไห้เช่นนี้มันจะดีขึ้นหรืออย่างไรกัน” เย่วฉีเอ่ยบอก
“แล้วจะให้ข้าทำอย่างไรหรือ?” เย่วซินเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“ไปเดินเล่นที่ไร่องุ่นกัน ที่นั่นอาจทำให้เจ้ารู้สึกสดชื่นขึ้นมาได้” เย่วฉีเอ่ยบอก เขาต้องการให้นางออกไปสูดอากาศด้านนอกเพื่อที่จิตใจจะได้แจ่มใสเบิกบานขึ้น
เย่วซินไม่คิดจะเอ่ยขัดเพราะเห็นแก่พี่ชายคนสนิทที่พยายามจะปลอบใจนาง ทั้งสองเดินออกมาจากห้องและตรงไปยังไร่องุ่นทางด้านหลังของพรรคอินทรีย์
ทางด้านจ้าวไท่เฟยเมื่อเห็นว่าเป็นผู้ใดที่เดินไปทางด้านหลังของพรรคก็รีบเดินเข้าไปในห้องของพี่ชายทันที ตอนนี้สภาพของพี่ชายนางคล้ายไม่มีชีวิตจิตใจ ดูเหน็ดเหนื่อยและท้อแท้ไปหมดช่างไม่เหมือนประมุขจ้าวที่เคยแข็งแกร่งเลยจริง ๆ ความรักมันทำให้คนตายได้หากคนผู้นั้นเข้มแข็งพอ อย่างพี่ชายของนางที่เคยเข้มแข็งก็เรียกได้ว่าอาการหนักพอตัว
ความรักมันช่างน่ากลัวเสียจริง แล้วผู้ใดกันที่บอกว่าความรักเป็นสิ่งที่สวยงามและทำให้เรามีความสุขกัน นางจะไม่ขอมีความรักเด็ดขาดหากต้องกลายสภาพมาเป็นแบบพี่ชายผู้นี้
“พี่ใหญ่ที่ไร่เกิดเรื่องแล้ว” จ้าวไท่เฟยเอ่ยโกหกคำโต เพราะรู้ว่าหากชวนเขาออกไปด้านนอกพี่ชายคนนี้คงไม่มีวันออกไปเป็นแน่
“เกิดเรื่องอันใดขึ้นหรือ?” จ้าวไท่เหว่ยเอ่ยถามน้องสาว ใบหน้าหล่อเหลายามนี้ดูอิดโรยขอบตาก็หมองคล้ำดูช่างเวทนายิ่งนัก
“ท่านไปดูเองเถิดเจ้าค่ะ ไปเร็ว ๆ เข้า” จ้าวไท่เฟยไม่เอ่ยตอบแต่เร่งเร้าให้พี่ชายลุกขึ้นและรีบดันแผ่นหลังกว้างให้ออกนอกประตูห้องไป จ้าวไท่เหว่ยยอมเดินออกมาตามแรงดันอันน้อยนิดของน้องสาว แล้วรีบเดินตรงไปยังด้านหลังพรรคที่เป็นไร่องุ่นทันที
จ้าวไท่เฟยเดินตามหลังผู้เป็นพี่ชายมาติด ๆ เมื่อเห็นเป้าหมายยืนอยู่เบื้องหน้านางก็รีบดันร่างพี่ชายให้ก้าวเดินเมื่อเห็นว่าเขาชะงักเท้าไปเล็กน้อย พรุ่งนี้เย่วซินและเหล่าคณะทุกคนจะออกเดินทางกลับบ้านกลับเมืองของเขาแล้ว หากพี่ชายของนางมัวแต่เสียใจเมามายอยู่แต่ภายในห้องคงไม่ได้มีโอกาสพบหน้ากันอีกเป็นแน่ นางจึงอยากให้พี่ชายได้พูดคุยกับเย่วซินอีกสักครั้งเผื่ออะไร ๆ จะดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้
เมื่อเดินเข้ามาใกล้จ้าวไท่เฟยก็รีบเดินย่องไปสะกิดหลังของบุรุษอีกคนที่ยืนหันหลัง เมื่อเขาหันมานางก็ทำสัญญาณให้เขาไม่ส่งเสียง จากนั้นก็จูงมืออีกฝ่ายเดินออกไปจากที่ตรงนี้ทันที โดยไม่ให้อีกฝ่ายได้เอ่ยอันใด เย่วฉีเองก็รู้ความเพราะเขาเองก็อยากให้ทั้งสองคนพูดคุยกันก่อนที่จะแยกย้ายกันไปในวันพรุ่งนี้ จึงยอมเดินตามร่างบางของจ้าวไท่เฟยมาแต่โดยดี
เย่วซินยืนหันหลังมองดูทิวเขาที่ไล่เรียงสูงต่ำอย่างสวยงามเบื้องหน้า และผลองุ่นที่ออกผลห้อยระย้าน่าชวนให้น่าเด็ดกิน จนไม่ทันได้สังเกตถึงเบื้องหลังว่ามีผู้ใดมาเยือน เย่วซินยังคิดว่าบุคคลที่ยืนอยู่ด้านหลังของตนนั้นคือพี่ชายคนสนิท ระหว่างที่ดวงตากลมโตสวยกวาดมองทิวทัศน์เบื้องหน้า ปากอิ่มก็อดที่จะเอ่ยระบายความในใจให้พี่ชายคนสนิทไม่ได้ เพราะพี่ชายคนนี้คือคนที่รักและเข้าใจเธอมากที่สุด
“อาฉีท่านว่าข้าทำถูกหรือไม่ที่เอ่ยบอกพี่เย่วเทียนไปเช่นนั้น ข้าไม่ได้โกรธเขาแต่ข้าระอายใจเพราะหัวใจของข้าไม่ได้มีเขาแค่คนเดียว แต่อีกครึ่งหนึ่งของหัวใจข้ามีประมุขจ้าวอยู่อีกคน ข้ามันช่างน่ารังกียจมากเลยใช่หรือไม่ ท่านไม่ต้องตอบข้าก็ได้เพราะข้าเองก็รู้อยู่แก่ใจดีถึงท่านจะบอกว่าข้าไม่ผิดข้าไม่ใช่คนเลว แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ข้ารู้สึกดีขึ้นมาได้แม้แต่นิดเดียวเลย” เย่วซินเอ่ยความในใจของตนออกมาเพราะคิดว่าบุคคลที่อยู่ด้านหลังนั้นคือพี่ชาย
จ้าวไท่เหว่ยที่ได้ยินร่างเล็กเบื้องหน้าเอ่ยว่าหัวใจของนางอีกครึ่งเป็นของตนก็พลันให้หัวใจพองโตขึ้นมาทันที มันเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมาจากอกด้านซ้าย จากตอนแรกที่มันห่อเหี่ยวเต้นเอื่อยเฉื่อยคล้ายกำลังจะขาดใจ สองเท้าใหญ่เดินเข้าไปใกล้ร่างเล็กเบื้องหน้า วงแขนแกร่งทั้งสองข้างยกไปด้านหน้าเพื่อโอบกอดร่างเล็ก เขาอยากขอบคุณที่นางยังมีเขาอยู่ในหัวใจ
“อาฉีท่านกอดข้าทำไม...ท่าน” เย่วซินเมื่อโดนท่อนแขนกำยำรัดร่างของตัวเองเอาไว้แน่น ก็คิดว่าเป็นพี่ชายคนสนิทจึงเอ่ยถามพร้อมกับหันหลังไปมอง แต่ภาพเบื้องหน้ากลับไม่ใช่พี่ชายคนสนิท แต่เป็นประมุขจ้าวซึ่งยามนี้ใบหน้าของเขาอยู่ชิดใกล้กับใบหน้าของตนเป็นอย่างมาก เย่วซินตกใจจนหน้าซีดเซียวเพราะไม่คิดว่าบุคคลที่เธอเอ่ยพาดพิงเมื่อครู่จะมายืนอยู่ตรงนี้
“เมื่อครู่เจ้าบอกว่ารักข้า ข้าขอบใจเจ้ามากหลายวันมานี้ข้ารู้สึกเหมือนตนเองกำลังจะตาย” จ้าวไท่เหว่ยเอ่ยเสียงอ่อนนุ่มคล้ายออดอ้อน พลางกระชับวงแขนแกร่งของตนให้แน่นขึ้นเพื่อไม่ให้ร่างเล็กที่ดิ้นไปมาได้หลุดรอดออกไปจากอ้อมกอดของตนได้
“ท่านมาแอบฟังข้าเช่นนั้นหรือ?” เย่วซินเอ่ยถามใบหน้างามแดงกล่ำเพราะความเขินอายกับคำที่ตนเองเพิ่งเอ่ยออกไปเมื่อครู่
“ท่านไม่เข้าใจข้า คนอื่น ๆ จะมองข้าอย่างไร ไหนจะครอบครัวของข้าและครอบครัวของท่านอีก พวกเขาจะมองว่าข้าเป็นสตรีอย่างไรถึงได้มีสามีถึงสองคน พวกเขาย่อมไม่อาจเข้าใจในเรื่องนี้หรอกท่านอย่าได้คิดเลย” เย่วซินเอ่ยบอก
จ้าวไท่เหว่ยคิดถึงสิ่งที่ร่างเล็กเอ่ยก็จริงอย่างที่นางเอ่ย เขามันเห็นแก่ตัวเห็นแก่ความสุขของตนเองจนลืมคิดถึงในเรื่องนี้เสียสนิท เขาจะเอาอารมณ์ของตนเองเป็นที่ตั้งไม่ได้เขาต้องทำให้นางมีความสุขด้วยเช่นกัน แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นเขาก็จะไม่ย่อท้อและยอมแพ้อย่างเด็ดขาด ทุกคนในครอบครัวทั้งของเขาและของนางจะต้องยินดีและยอมรับในเรื่องนี้ได้อย่างแน่นอน
“ข้าขอโทษที่เอาแต่ความสุขของตนเองจนลืมนึกถึงจิตใจของเจ้า แต่ข้าสัญญาว่าพวกเราจะต้องอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุขของเพียงเจ้าอดทนรออีกสักหน่อยจะได้หรือไม่” จ้าวไท่เหว่เอ่ยบอกร่างเล็กในอ้อมแขน
“ท่านจะทำเช่นไร” เย่วซินเอ่ยถาม
“ให้เวลาข้าอีกสักหน่อยถึงตอนนั้นเจ้าก็จะรู้เอง ระหว่างนี้ข้าก็จะไม่เร่งรัดเจ้าแต่จะทำให้เจ้ารักข้ามากยิ่งขึ้นไปอีก” จ้าวไท่เหว่ยเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงกรุ้มกริ่มใบหน้าหล่อเหลายามนี้ดูดีความความสุขขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า
“ท่านคือประมุขจ้าวตัวจริงหรือเปล่าหรือว่าเป็นตัวปลอมกันแน่” เย่วซินเอ่ยเย้าเมื่อเห็นสีหน้าอีกฝ่าย ประมุขจ้าวที่ใคร ๆ ก็กล่าวถึงในเรื่องความน่าเกรงขามและเป็นบุรุษที่ไม่ชมชอบสตรี แต่ที่นางเห็นในยามนี้มันช่างสวนทางกับคำกล่าวนั้นมามากโข
“ข้าคือตัวปลอม...ตัวจริงต้องทำเช่นนี้ต่างหาก” เอ่ยจบใบหน้าหล่อเหลาก็ก้มลง ริมฝีปากหยักได้รูปประทับจูบลงที่ริมฝีปากอิ่มเย้ายวนด้วยความโหยหา เย่วซินที่โดนจู่โจมโดยไม่ทันตั้งตัวก็พลันให้ตกตะลึงจนลืมที่จะขัดขืนไปโดยสิ้นเชิง
ปากหยักได้รูปละเลียดชิมความหอมหวานจากกลีบปากอิ่มเพียงครู่ จากนั้นลิ้นหนาก็ดันกลีบปากอิ่มให้เปิดออกรับลิ้นหนาของตนเข้าไปด้านใน สองลิ้นเกี่ยวกระหวัดหยอกล้อกันอยู่เนิ่นนานกลางไร่องุ่นที่บรรยากาศแสนสวยสดงดงาม
ทางด้านเย่วฉีรีบเอามือปิดตาจ้าวไท่เฟยเอาไว้เมื่อเห็นภาพที่เด็กอย่างจ้าวไท่เฟยไม่ควรจะได้เห็น จ้าวไท่เฟยดิ้นไปมาพร้อมแกะมือใหญ่ออกอย่างไม่ยอมแพ้ เพราะนางก็อยากเห็นฉากหวานของพี่ชายเหมือนกัน แต่ดูเหมือนว่าบุรุษผู้นี้ก็ไม่ยอมแพ้และไม่ยอมให้นางได้ดูง่าย ๆ เช่นกัน...
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คู่แฝดคู่ป่วน
รอนะคะ อัพต่อหน่อยค่า...