คู่แฝดคู่ป่วน นิยาย บท 130

สรุปบท บทที่ 130 ข้าจะอยู่กับเจ้าทุกวัน: คู่แฝดคู่ป่วน

สรุปตอน บทที่ 130 ข้าจะอยู่กับเจ้าทุกวัน – จากเรื่อง คู่แฝดคู่ป่วน โดย ไป๋หลัน

ตอน บทที่ 130 ข้าจะอยู่กับเจ้าทุกวัน ของนิยายโรแมนซ์เรื่องดัง คู่แฝดคู่ป่วน โดยนักเขียน ไป๋หลัน เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

“เหม่ยเอ๋อร์...พี่มาหาเจ้าแล้วพี่ขอโทษที่มาหาเจ้าช้าไปยกโทษให้พี่ด้วยเถิดนะ” เสียงของหานเสวี่ยถังดังสั่นเครือด้วยความเสียใจพร้อมกับหยาดน้ำตาที่รินไหลออกมาอย่างสุดจะกลั้นเอาไว้ เขาเสียใจที่ไม่อาจอยู่เคียงคู่กับคนรักในยามที่นางลำบาก

เมื่อนึกถึงเรื่องนี้คราใดเขาเองก็มักจะเจ็บปวดและรู้สึกผิดกับมันไม่น้อย ภรรยาตัวน้อยของเขาคลอดบุตรสาวออกมายังไม่ทันไรก็เกิดเหตุให้ต้องพลัดพลาดจากกัน นางคงทุกข์ทรมานมากเป็นแน่

“ต่อไปนี้พี่จะอยู่กับเจ้าทุกวันและจะดูแลลูก ๆ ของเราให้ดีที่สุดเท่าที่บิดาคนหนึ่งจะทำได้ ขอให้เจ้าจงเชื่อใจและเชื่อมั่นในคำสัญญาของพี่อีกสักครั้งหนึ่งจะได้หรือไม่ ครั้งนี้พี่จะไม่ยอมผิดคำสัญญาอย่างเด็ดขาด...” หานเสวี่ยถังเอ่ยพร้อมยกมือขึ้นลูบป้ายวิญญาณที่สลักชื่อคนรักเอาไว้อย่างเบามือด้วยความรักใคร่ ถึงแม้เวลาจะล่วงเลยผ่านมานานหลายปี แต่ความรักของเขาที่มีให้กับนางนั้นยังไม่เคยลดลงไปเลยแม้แต่น้อย มันยังคงมีมากมายเหมือนวันแรกที่เขารู้สึกกับนาง

“ลูก ๆ ของเราน่ารักมากพี่ขอบใจเจ้ามากที่มอบสิ่งที่วิเศษที่สุดให้กับพี่ พวกนางมีหน้าตาเหมือนกับเจ้ามากเลยทีเดียว พวกนางสวยงามและน่ารักมากพี่เห็นใบหน้าของพวกนางก็พลันให้คิดถึงเจ้าเสียทุกที” เมื่อเอ่ยมาถึงตรงนี้ใบหน้าของหานเสวี่ยถังดูมีความสุขไม่น้อย ปากหยักคลี่ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข ถึงแม้ใบหน้ายามนี้จะเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตาก็ตามที

สายลมสายหนึ่งจู่ ๆ ก็พลันแรงมากระทบกับร่างสูงใหญ่ของบุรุษที่กำลังโศกเศร้าอยู่เบื้องหน้าเนินดิน สายลมนั้นมันพลัดโอบล้อมร่างสูงอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็พลันหายไป คล้ายกับมีบางสิ่งที่บ่งบอกว่าคำพูดทุกคำและการกระทำทั้งหมดของเขานั้นมันสามารถส่งไปถึงคนคนนั้นและนางก็รับรู้มัน

หานเสวี่ยถังหัวใจพองโตเมื่อคิดว่าคนรักของเขารับรู้และนางยังคงอยู่ใกล้กับเขาเสมอถึงแม้ว่าเขาจะมองไม่เห็นก็ตามที แต่เขาสามารถรับรู้ได้มาจากภายในจิตใจ หานเสวี่ยถังคลี่ยิ้มออกมาด้วยความดีใจ

“ขอบใจเจ้ามากที่ให้อภัยพี่เหม่ยเอ๋อร์...ต่อไปนี้เรามาทำให้ลูก ๆ ของเรามีแต่ความสุขกันเถิดเจ้าเป็นกำลังให้พี่ด้วยนะตกลงหรือไม่” หานเสวี่ยถังเอ่ยบอกเนินดินที่เป็นหลุมฝังกระดูกของคนรักด้วยหัวใจพองโต

“วันนี้พี่ต้องขอตัวก่อนแล้วพี่จะมาหาเจ้าใหม่อีกครั้งพี่รักเจ้าเสมอและรักเจ้าแต่เพียงผู้เดียวเหม่ยเอ๋อร์...พี่จะไม่ทอดทิ้งเจ้าเอาไว้เบื้องหลังอีกต่อไปแล้ว” หานเสวี่ยถังเอ่ยบอกพร้อมลูบแผ่นป้ายชื่ออย่างเบามือด้วยความทะนุถนอม จากนั้นก็ก้าวเท้าเดินออกมาตรงนั้นแล้วเดินมาหาบุตรสาวของเขาที่ยืนรออยู่ด้วยใบหน้าที่เป็นกังวล นางคงกลัวว่าเขาจะล้มป่วยไปอย่างเมื่อคราวก่อนเป็นแน่

“ท่านพ่อเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ ท่านเจ็บหน้าอกอีกหรือไม่” เย่วซินเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงเพราะเห็นว่าใบหน้าของบิดาเต็มไปด้วยคราบหยดน้ำตา ท่านพ่อคงจะเสียใจมากเป็นแน่

“ซินเอ๋อร์พ่อไม่เป็นไรเจ้าอย่าได้กังวลนักเลย พ่อสัญญากับเจ้าเอาไว้แล้วว่าต่อไปนี้จะอยู่ดูแลเจ้าพ่อต้องรักษาสัญญานั้นสิ” หานเสวี่ยถังเอ่ยบอกบุตรสาวคนเล็กพร้อมกับยกมือขึ้นลูบศีรษะด้วยความรักใคร่

เย่วซินได้ยินเช่นนั้นก็พลันให้โล่งอกพร้อมส่งยิ้มหวานไปให้บิดาแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงสดใส “ท่านพ่อเก่งที่สุดเลยเจ้าค่ะ ท่านแม่ต้องภูมิในในตัวท่านพ่อมากเป็นแน่”

“เจ้าช่างรู้ดียิ่งนัก” หานเสวี่ยถังยกยิ้มตอบ พร้อมกับนึกถึงสายลมอบอุ่นที่โอบล้อมร่างกายของเขาเอาไว้เมื่อครู่ เหม่ยเอ๋อร์ต้องรับรู้เป็นแน่...

“เราไปเรือนพักกันเถิดเจ้าค่ะ” เย่วซินเอ่ยพร้อมกับกอดแขนบิดาเดินไปยังเรือนพักที่อยู่ไม่ไกลจากตรงนี้นัก

มื้อเย็นบนโต๊ะอาหารของจวนตระกูลหมิงเต็มไปด้วยความสุขและความอบอุ่นเป็นอย่างมาก ทุกคนในจวนต่างมีจิตใจที่เอื้ออารีมีน้ำใจกันทุกคน โดยเฉพาะท่านหมอหมิงฮุ่ยฉินประมุขใหญ่ของจวน ที่คอยอบรมสั่งสอนให้ทุกคนเป็นคนดีมีน้ำใจ

หานเสวี่ยถังรู้สึกได้ถึงความรักและความอบอุ่นที่คนตระกูลหมิงมอบให้ตนและบุตรสาวของเขาจะต้องตอบแทนน้ำใจที่พวกเขามอบให้ในครั้งนี้อย่างแน่นอน

หานเสวี่ยถังหมายมาดเอาไว้ในใจและนึกถึงเป้าหมายของตนเองในใจ การที่เราจะสามารถทำในสิ่งที่ต้องการได้นั้นก็จำเป็นต้องมีอำนาจอยู่ในมือ และอีกไม่นานเขาขอเวลาในการฟื้นฟูร่างกายและพลังปราณอีกสักหน่อย เขาจะต้องทวงคืนอำนาจที่สมควรจะเป็นของตนคืนมาอย่างแน่นอน

คราแรกตนไม่คิดที่จะทวงคืนหรือยุ่งเกี่ยวอันใดกับความวุ่นวายทั้งหลายอีกแล้วขอเพียงให้ตนและบุตรสาวอยู่พร้อมหน้าพร้อมตาและใช้ชีวิตอย่างสงบสุขโดยไม่สนใจพื้นเพว่าเคยเป็นอย่างไรมาก่อน

แต่ดูเหมือนว่าพรรคอสรพิษและแคว้นหานจะไม่คิดเช่นนั้น พวกมันยังคงตามรังควานไม่เลิกราทั้งบุตรสาวทั้งสองของเขาและตัวของเขาเองก็เช่นกัน พวกมันต้องการกำจัดพวกเราทั้งสามให้สิ้นซากไม่ให้เหลือเล็ดรอดไปได้

“เจ้าไม่โกรธพี่จริง ๆ หรือ? เจ้าอย่าน้อยใจพี่เลยนะซินเอ่อร์ที่พี่ทำทุกอย่างก็เพราะรักเจ้ามากจนไม่อยากเห็นเจ้าต้องมานั่งทุกข์ใจ จนลืมนึกถึงจิตใจของเจ้าว่าจะคิดเช่นไร” เย่วเทียเอ่ยบอกร่างเล็กพร้อมกับยกแขนแกร่งโอบกอดร่างเล็กเอาไว้ด้วยความดีใจที่นางไม่ได้โกรธเคืองเขาอีกแล้ว และกอดนี้ก็เพื่อให้นางแน่ใจว่าเขาจะไม่ผลักใสนางไปจากเขาอีกแล้ว

เย่วซินตัวแข็งเกร็งขึ้นมาทันทีที่ได้รับการโอบกอดจากบุรุษหน้านิ่ง นางเพิ่งรู้อย่างแน่ชัดก็วันนี้ว่าอ้อมกอดของเขานั้นมันช่างอบอุ่นมากมายเหลือเกิน ที่นางเพิ่งรับรู้ถึงความรู้สึกนี้อาจเป็นพราะว่าเมื่อก่อนหน้านี้นางยังคงคิดว่าเขาคือพี่ชายคนโปรดที่นางแอบกินเต้าหู้เขาอยู่เป็นประจำ และเขาเองก็อาจจะเพิ่งรู้ความในใจที่แท้จริงว่าเขารักนางมากกว่าน้องสาวคนโปรดด้วยเช่นกัน

“พี่เย่วเทียนข้าไม่ชินเลยที่พี่กอดข้าเช่นนี้” เย่วซินเอ่ยพร้อมขยับตัวเล็กน้อย แต่อ้อมแขนแกร่งนั้นกลับกอดกระชับร่างของนางแน่นขึ้นกว่าเดิม

“ต่อไปนี้เจ้าต้องทำตัวให้คุ้นชินเพราะพี่จะเป็นฝ่ายหลอกกินเต้าหู้เจ้าบ้าง เป็นการเอาคืนที่เมื่อก่อนนี้เจ้าหลอกกินเต้าหู้พี่ดีหรือไม่” เย่วเทียนเอ่ยพร้อมก้มโน้มใบหน้าลงมาใกล้ใบหน้างามของคนในอ้อมแขน

เย่วซินที่ได้ยินคำพูดที่เอ่ยออกมาจากปากบุรุษหน้านิ่งนั้นก็แทบจะไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน คนเย็นชาหน้านิ่งพูดจาเกี้ยวสาวมันช่างไม่คุ้นชินเอาเสียเลย ครั้นเมื่อเงยหน้าขึ้นไปมองก็เป็นจังหวะที่ใบหน้าคมหล่อเหลาก้มลงมาพอดี

ใบหน้าของทั้งสองห่างกันเพียงฝ่ามือกั้นและยังไม่ทันที่เย่วซินจะผละหันหนีหลบความขัดเขิน มือแกร่งข้างหนึ่งที่โอบกอดเอาไว้ก็เลื่อนขึ้นมาจับยังท้ายทอยระหงบังคับให้ใบหน้างามอยู่นิ่ง ใบหน้าคมหล่อก้มลงประทับจุมพิตที่ริมฝีปากอิ่มระเรื่อทันที

เย่วซินยืนตัวเกร็งอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนไม่ได้ขัดขืนและก็ไม่ได้ให้ความร่วมมือด้วยเพราะความตกใจ แต่คนตรงหน้าก็ไม่เหมือนคนที่เพิ่งมีความรักเอาเสียเลย ริมฝีปากอุ่นละเลียดชิมความหอมนุ่มจากกลีบปากอิ่มอย่างโหยหาและอ่อนโยน

เย่วซินโดนหลอกล่อกับความละมุ่นจนต้องปล่อยใจให้เป็นไปตามที่ต้องการ ปากเล็กอิ่มระเรื่อเผยอออกเล็กน้อยเมื่อโดนลิ้นหนาหยอกล้ออยู่เพียงครู่เย่วเทียนได้โอกาสจึงไม่คิดปล่อย ลิ้นหนาเข้าตักตวงความหอมหวานจากโพรงปากเล็กเป็นครั้งแรกมันช่างดีจนเขาไม่อยากจะถอนริมฝีปากออก

ลิ้นหนาไล่ต้อนหยอกเย้าลิ้นเล็กพร้อมดูดดึงอย่างหยอกล้อเนิ่นนานก็ยังไม่คิดที่ปล่อยอีกฝ่ายให้เป็นอิสระจนร่างเล็กในอ้อมแขนทุบแขนของเขาเพื่อประท้วง เขาจึงยอมปล่อยให้นางได้เป็นอิสระ แต่ก็เพียงครู่เท่านั้นเมื่อนางเอาอากาศหายเข้าปอดได้เต็มที่แล้วเขาก็เริ่มที่จะครอบครองริมฝีปากอิ่มแดงระเรื่องนั่นอีกครั้งอย่างไม่รู้จักพอ...

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คู่แฝดคู่ป่วน