ตอน บทที่ 133 ท่านยายนิสัยเหมือนใครกัน จาก คู่แฝดคู่ป่วน – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
บทที่ 133 ท่านยายนิสัยเหมือนใครกัน คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายโรแมนซ์ คู่แฝดคู่ป่วน ที่เขียนโดย ไป๋หลัน เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
# แคว้นหนิง
เย่วซินที่ไม่ได้เข้ามาดูแลโรงเตี๊ยมนานนับเดือนก็คิดถึงเป็นอย่างมากจนต้องขัดคำสั่งหาทางเอาตัวรอดสารพัดในที่สุดก็ได้ออกมาจากจวน ที่ท่านปู่และท่านแม่เอ่ยคัดค้านการออกมานอกจวนของตนนั้นก็เพราะว่าพวกท่านเป็นห่วงกลัวว่าคนของพรรคอสรพิษจะลอบเล่นงานเข้า
แต่ตนก็ไหวดีที่เอาอาเฟยมาเป็นข้องอ้างในการออกมาครั้งนี้ และอีกอย่างร่างกายของตนเชื่อมโยงกับพี่สาว จิวอิงมีร่างกายที่สามารถรักษาตัวเองได้และอาจจะเรียกได้ว่าร่างกายเป็น อมตะนั่นเอง เย่วซินยังแอบสงสัยอยู่เลยว่าเจ้าใยสีรุ้งนี้มันมีวันหมดอายุหรือไม่ถามผู้ใดก็ไม่มีใครสามารถให้คำตอบได้ เพราะว่ายังไม่เคยมีผู้ใดได้มาไว้ในครอบครอง
ส่วนตัวของเย่วซินเองนั้นคิดว่าเจ้าใยสีรุ้งคงจะอยู่ได้ตามอายุขัยของคนผู้นั้น ความแก่ชราล่วงโรยตามวัยนั้นไม่อาจหาสิ่งใดมารักษาเอาไว้ได้
เมื่อทุกคนในครอบครัวคิดเห็นตามนั้นก็ไม่คิดเอ่ยห้ามยินยอมให้นางออกมาจากจวนด้วยความยินดี อาฉีและจิวอิงเองก็ออกมายังร้านของตนเช่นกันเพราะทุกคนต่างก็คิดถึงร้านที่ตนเองนั้นสร้างขึ้นมากับมือ
ท่านปู่ให้บ่าวไพร่ที่จวนจำนวนหนึ่งออกมาปล่อยข่าวเรื่องที่จิวอิงหายจากอาการป่วยที่นางโดนพิษจนทำให้ใบหน้ามีสีเข้มขึ้น หลังจากได้สมุนไพรมาจากป่าหมอกมายาจนทำให้ใบหน้าของนางกลับมาสวยงามดังเดิม แต่หากมีใครถามว่าเหตุใดหลานสาวทั้งสองคนจึงมีใบหน้าเหมือนกันจนแยกไม่ออก ท่านปู่ก็ให้บ่าวตอบไปตามตรงว่าพวกนางเป็นพี่น้องฝาแฝดกันแต่พลัดพรากจากกันไปตั้งแต่เล็ก เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้วท่านปู่จึงไม่คิดที่จะปิดบังอีกต่อไป
เย่วซินหลังจากที่กลับจวนก็ได้เข้าห้องปรุงยาเพื่อรักษาใบหน้าทันที และเมื่อปรุงเสร็จก็รีบจัดการถอนพิษโดยตนเองเป็นฝ่ายที่กินยานั้นเข้าไปเองจนทำให้ใบหน้าของตนหายจากรอยแดงของพิษกลับมาเรียบเนียนและสวยดังเดิม เมื่อใบหน้าของตนหายใบหน้าของจิวอิงก็ย่อมต้องหายเช่นกัน แต่ตนก็ยังสงสัยว่าเหตุใดเจ้าใยสีรุ้งจึงไม่สามารถรักษาแผลบนใหน้าได้ แต่คิดไปก็ปวดหัวเพราะว่ามันไม่สามารถหาคำตอบได้
เย่วซินเดินทางมาถึงโรงเตี๊ยมด้วยรถม้าซึ่งตนได้นั่งมากับจิวอิง เมื่อมาถึงโรงเตี๊ยมจิวอิงก็เดินทางต่อไปยังร้านอาภรณ์หมิงฟู่ของนางทันทีโดยไม่ได้ลงจากรถม้า เพราะยังไม่อยากเป็นจุดสนใจให้ชาวบ้านได้พูดถึงมากนัก หากนางเดินลงจากรถม้าพร้อมกับน้องสาวพวกคนที่พบเห็นคงได้ตกใจเป็นแน่ อีกอย่างยังมีคนรู้เรื่องที่พวกนางเป็นฝาแฝดที่มีใบหน้าเหมือนกันไม่มากนักผู้คนคงได้แตกตื่นและแห่กันมารุมดูคล้ายตัวประหลาดเป็นแน่
เย่วซินเมื่อมาถึงโรงเตี๊ยมก็ทักทายคนงานด้วยน้ำเสียงร่าเริงสดใส โดยเฉพาะหลงจู๊ที่จะออกอาการดีใจเป็นอย่างมากที่เธอได้เข้ามายังโรงเตี๊ยมแห่งนี้อีกครั้ง
“โอ้...คุณหนูท่านกลับมาแล้วข้าน้อยดีใจยิ่งนัก” หลงจู๊เอ่ยด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเมื่อเห็นว่าผู้ใดที่เดินเข้ามาด้านใน
“ข้าเองก็ดีใจเช่นกันเจ้าค่ะ สบายดีนะเจ้าคะ หลายวันมานี้ท่านคงเหนื่อยน่าดูเลย” เย่วซินยิ้มรับและเอ่ยถามกลับไปด้วยคำพูดที่สุภาพและให้เกียรติ เพราะหลงจู้อายุมากกว่านางอีกอย่างเขาก็คอยดูแลโรงเตี๊ยมแห่งนี้เป็นอย่างดีเสมอมา
“ไม่เป็นกระไรเลยขอรับคุณหนูข้าน้อยเต็มใจ” หลงจู้เอ่ยด้วยน้ำเสียงยินดี ตนยังรู้สึกว่าช่างเป็นโชคดีของตนยิ่งนักที่ได้มาทำงานในที่แห่งนี้ ทั้งนายท่านใหญ่และคุณหนูต่างก็มีเมตตาต่อคนงานทุกคน ไม่เคยเอาเปรียบกดขี่ข่มเหงเลยแม้แต่น้อย
“ขอบคุณเจ้าค่ะ หลายวันมานี้ทางโรงเตี๊ยมมีปัญหาอะไรหรือไม่เจ้าคะ” เย่วซินเอ่ยถาม
“ไม่มีปัญหาอะไรเลยขอรับ คุณหนูสบายใจได้อีกสักครู่ข้าน้อยจะเอาบัญชีขึ้นไปให้ด้านบนนะขอรับ” หลงจู้เอ่ย
“ขอบคุณเจ้าค่ะ เชิญท่านตามสบายเลยข้าจะขึ้นไปด้านบนเสียหน่อยคิดถึงจะแย่อยู่แล้ว” เย่วซินเอ่ยบอกชายสูงวัยตรงหน้าด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แล้วเดินไปยังด้านบนชั้นสามที่เป็นห้องพักและห้องทำงานส่วนตัวของตนเองทันที่ด้วยความคิดถึง
ห้องทำงานของตนยังคงสะอาดไร้ฝุ่นเกาะเป็นเพราะหลงจู้สั่งให้คนงานเข้ามาทำความสะอาดให้อยู่เป็นประจำ เย่วซินเดินชมห้องทำงานของตนเองอยู่เพียงครู่ก็หยิบกระดาษปึกหนึ่งออกมา กระดาษปึกนี้เย่วซินได้เขียนรายการอาหารเอาไว้ รายการอาหารสำหรับโรงเตี๊ยมหมิงฟู่ที่จะทำออกขายและเป็นเมนูใหม่ของร้านนั่นเอง
เย่วซินไม่กลัวว่าจะมีผู้ไม่หวังดีแอบเข้ามาขโมยสูตรอาหารของตนเพราะว่าตัวหนังสือที่ตนเขียนนั้นมันเป็นภาษาไทยนั่นเอง ภาษาไทยนั้นนับว่าเป็นภาษาที่ค่อนข้างยากในการเรียนรู้ถ้าเทียบกับภาษาอังกฤษ นั่นเป็นเหตุผลที่ตนเลือกใช้ภาษาไทยจดสูตรอาหารเพราะมั่นใจว่าไม่มีผู้ใดอ่านมันออกแน่นอน...
ช่วงบ่ายของวันหลังจากที่เย่วซินตรวจบัญชีรายรับ รายจ่ายที่หลงจู้นำมาให้เสร็จเรียบร้อยก็เดินลงมายังห้องครัวทันที เพราะว่าที่โรงเตี๊ยมไม่มีเมนูอาหารใหม่ ๆ ออกวางขายมานานแล้ว วันนี้เป็นโอกาสที่ดีที่จะทดลองปรุงเมนูใหม่สำหรับออกวางขาย
ช่วงบ่ายลูกค้าของเหลาอาหารค่อนข้างน้อยลงแล้ว หากเป็นตอนเที่ยงนั้นลูกค้าจะแน่นร้านมากเพราะอาหารที่โรงเตี๊ยมหมิงฟู่นั้นค่อนข้างราคาถูกแถมอาหารก็ยังอร่อยอีกต่างหาก นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่าผู้คนจำนวนมากจึงแห่กันมาชิมรสอาหารของที่นี่
“ข้าเห็นท่านพูดเช่นนี้ทุกครั้งที่ชิมเมนูใหม่ ตกลงว่าเมนูที่ผ่านมาไม่อร่อยหรือเจ้าคะ” เย่วซินเอ่ยเย้ากลับไป ทำให้ทุกคนหัวเราะออกมาเสียงดังอย่างชอบอกชอบใจ...
ทางด้านมุมหนึ่งของตลาดในตัวเมืองแคว้นหนิงสตรีต่างวัยสองคนกำลังมุ่งหน้าเดินทางสู่ตัวตลาด สายตาก็กวาดมองนั่นนี้ไปทั่ว เหมือนว่าต้องการอะไรบางอย่าง
“ตกลงเจ้าไม่รู้ใช่หรือไม่ว่านางอยู่ที่ใด” เสียงของหญิงชราเอ่ยบอกหลานสาว วันนี้ตอนออกจากหุบเขาร้อยเล่ห์ ทั้งสองแต่งกายด้วยชุดขาวเพราะบอกกับทุกคนว่าจะไปปฏิบัติที่อาราม แต่เมื่อออกมาได้ไม่ไกลก็จัดการแปลงโฉมใหม่
หญิงชราแต่งกายด้วยอาภรณ์ที่ค่อนข้างเก่า เนื้อผ้าหยาบ ๆ บ่งบอกว่าเป็นหญิงชราที่ค่อนข้างไม่มีฐานะไม่มีจะกิน ส่วนหลานสาวนั้นแต่งกายด้วยอาภรณ์ของบุรุษแต่มองอย่างไรก็เหมือนสตรีอยู่ดี จนผู้เป็นยายคร้านจะสนใจ
“ข้าถามชาวบ้านแล้วโรงเตี๊ยมของนางเดินตรงไปอีกไม่ไกลก็ถึงชื่อโรงเตี่ยมหมิงฟู่ถามผู้ใดก็รู้จักเจ้าค่ะ” ไท่เฟยเอ่ยบอกผู้เป็นยาย
“ดี เช่นนั้นยายจะเดินไปเพียงลำพัง แล้วเจ้าค่อยไปเปิดห้องเอาใหม่ทีหลังก็แล้วกัน หากเจอกันก็ไม่ต้องทักทายทำเป็นไม่รู้จักกันไปเลยเข้าใจหรือไม่” ซ่งอวิ๋นเอ่ยบอกหลายสาว เพราะหลานสาวผู้นี้ค่อนข้างสนิทสนมกับสตรีนางนั้น จึงไม่ดีนักถ้าเดินทางไปด้วยกันหากโดนจับได้แผนการที่จะมาเจอสตรีนางนั้นคงล่มเป็นแน่
“ท่านยายข้าและยอมใจท่านเสียจริง แต่เอาเถิดข้าจะยอมทำตามที่ท่านยายต้องการ ท่านจะได้รู้ว่าเย่วซินไม่เหมือนสตรีทั่วไปหรอกนางเป็นอย่างไรก็อย่างนั้น ไม่ใช่ต่อหน้าอย่างลับหลังอีกอย่างแน่นอน” ไท่เฟยเอ่ยบอกผู้เป็นยาย
“เจ้ารีบ ๆ ไปเถิด จะเป็นอย่างไรอีกประเดี๋ยวยายก็จะรู้เอง” ซ่งอวิ๋นเอ่ยบอกหลานสาว ไท่เฟยแยกตัวออกมาแล้วเดินชมตลาดด้วยท่าทีที่ดูตื่นเต้นมาก เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ได้เดินทางมายังแคว้นหนิงที่ค่อนข้างไกลจากหุบเขาร้อยเล่ห์
ไท่เฟยเดินไปเดินมาก็สะดุดตากับร้านอาภรณ์ที่สวยงามจึงรีบเดินเข้าไปดูโดยที่ไม่ดูป้ายหน้าร้านว่าเป็นของผู้ใด เมื่อเข้ามายังภายในก็พบว่ามันสวยงามมาก ย่อมเป็นเรื่องธรรมดาของสตรีที่ชื่นชอบความสวยงาม แต่เมื่อเข้ามาก็ต้องแปลกใจเห็นว่าเป็นผู้ใดยืนอยู่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คู่แฝดคู่ป่วน
รอนะคะ อัพต่อหน่อยค่า...