คู่แฝดคู่ป่วน นิยาย บท 135

สรุปบท บทที่ 135 ซ่งอวิ๋นโดนว่าที่หลานสะใภ้ล่อลวง: คู่แฝดคู่ป่วน

สรุปตอน บทที่ 135 ซ่งอวิ๋นโดนว่าที่หลานสะใภ้ล่อลวง – จากเรื่อง คู่แฝดคู่ป่วน โดย ไป๋หลัน

ตอน บทที่ 135 ซ่งอวิ๋นโดนว่าที่หลานสะใภ้ล่อลวง ของนิยายโรแมนซ์เรื่องดัง คู่แฝดคู่ป่วน โดยนักเขียน ไป๋หลัน เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

เย่วซินเดินนำหญิงชราขึ้นไปยังชั้นสามและเดินตรงไปยังห้องริมสุดนั่นก็คือห้องส่วนตัวของตนเอง ซ่งอวิ๋นเมื่อก้าวเท้าเข้ามายังด้านในห้องก็พลันให้ตกใจ เพราะการตกแต่งที่แปลกตาและงดงามแต่ที่น่าตกใจกว่านั้นก็คือห้องที่กว้างขวางและของใช้ที่นำมาตกแต่งดูแล้วก็เป็นของที่มีค่อนข้างมีราคา ไม่น่าจะเป็นห้องที่มีไว้สำหรับให้แขกเหรื่อพักอาศัย

“ห้องนี้มันดูดีเกินไปหรือไม่สำหรับคนแก่ที่แต่งตัวมอซอเช่นข้า เจ้าไม่กลัวว่าข้าจะไม่มีเงินจ่ายให้เจ้าบ้างหรืออย่างไรกัน” ซ่งอวิ๋นเอ่ยถาม

“ข้าไม่กลัวหรอกเจ้าค่ะท่านยายเชิญอยู่ตามสบายเลย เรื่องเงินท่านยายไม่ต้องกังวลนะเจ้าคะข้าไม่คิดเงินท่านยายหรอก เชิญท่านยายพักผ่อนได้ตามสบายและหาหลานสาวให้พบนะเจ้าคะ” เย่วซินเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงสดใส ในใจของเย่วซินส่วนหนึ่งก็นึกสงสารหญิงชราตรงหน้ากลัวว่านางจะหาที่พักไม่ได้และต้องนอนตากน้ำค้างในคืนที่เหน็บหนาวอีกคงจะทรมานอยู่ไม่น้อย

อีกส่วนหนึ่งตนคิดว่าท่านยายผู้นี้มีบางอย่างที่น่าสงสัยและตนมั่นใจว่าหญิงชราผู้นี้ไม่ใช่คนไม่ดีหรือว่าเป็นหัวขโมยอย่างแน่นอน ห้องนี้นอกจากของตกแต่งห้องที่เป็นของชิ้นใหญ่ ๆ แล้วก็ไม่มีอะไรมากมายให้ลักขโมยตนจึงไม่ห่วงว่าจะมีของหาย

“จะดีหรือ ห้องนี้มันสวยงามเกินไปเจ้าเป็นเพียงคนงานในร้านนำห้องสายงามเช่นนี้มาให้หญิงแก่จน ๆ เช่นข้าพักอาศัย เจ้านายของเจ้าจะไม่โกรธเอาหรือ เจ้าอาจจะโดนลงโทษก็ได้นะข้าไม่อยากทำให้เจ้าต้องเดือดร้อนภายหลัง” ซ่งอวิ๋นเอ่ยบอกด้วยความที่รู้สึกผิดต่อสตรีตรงหน้า หากเจ้านายของนางโกรธนางอาจจะโดนลงโทษหรืออาจถูกไล่ออกก็เป็นได้นางไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์เช่นนั้นขึ้น แต่หากมันเกิดขึ้นจริง ๆ นางก็ยินดีที่จะรับผิดชอบนางจะไม่ปล่อยให้สตรีผู้นี้ต้องลำบากอย่างแน่นอน ซ่งอวิ๋นคิดหมายมั่นอยู่ในใจ

“ไม่มีใครกล้ามาลงโทษข้าหรอกเจ้าค่ะท่านยาย...” เย่วซินเอ่ยยังไม่ทันจบก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น

ก๊อก ๆ ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นสามครั้งจากนั้นคนด้านนอกก็เปิดประตูโดยไม่ต้องรอคนด้านในเอ่ยอนุญาตคล้ายรู้กันเป็นอย่างดี คนที่เคาะประตูห้องก้คือหลงจู๊ผู้ดูแลโรงเตี๊ยมนั่นเอง

“คุณหนูมีอะไรให้ข้าน้อยช่วยเหลือหรือไม่ขอรับ” หลงจู๊ของร้านเอ่ยถาม เมื่อครู่หลังจากที่กินอาหารเสร็จตนเดินออกมาจากห้องครัวเห็นคุณหนูเดินขึ้นมาด้านบนกับหญิงชราผู้หนึ่ง จึงเดินตามขึ้นมาดูเผื่อว่าคุณหนูขาดเหลือสิ่งใดหรือต้องการสิ่งใดตนจะได้จัดหามาให้

ซ่งอวิ๋นเมื่อได้ยินคำเรียกขานสตรีตรงหน้าจากชายผู้มาใหม่ก็พลันให้ชะงักงันไปชั่วครู่ จากนั้นก็เริ่มควบคุมใบหน้าให้กลับมาเป็นปกติ แล้วฟังทั้งสองคุยกันอย่างเงียบๆ โดยไม่ได้เอ่ยสิ่งใดออกมา

“ท่านมาพอดีข้าอยากให้ช่วยนำอาหารมาให้ท่านยายสักหน่อยเจ้าค่ะ เอาเป็นเมนูใหม่เมื่อครู่และซุปอีกหนึ่งถ้วยนะเจ้าคะ อ้อ...ข้าให้ท่านยายผู้นี้พักอยู่ที่ห้องส่วนตัวของข้า ท่านยายมาตามหาหลานสาวที่หายออกจากบ้านมาอย่างไรเสียท่นช่วยดูแลท่านยายด้วยนะเจ้าคะ” เย่วซินเอ่ยบอกหลงจู้ เพราะว่าตอนเย็นตนจะต้องเดินกลับจวนจึงฝากฝังให้หลงจู้ช่วยดูแลอีกทางหนึ่ง

“ได้ขอรับคุณหนู หากมีห้องว่างด้านล่างเมื่อไรข้าน้อยจะให้สตรีผู้นี้ลงไปพักด้านล่างก็แล้วกันคุณหนูจะได้ทำงานสะดวกขึ้น” หลงจู๊เอ่ยบอกอย่างรู้งาน

“ขอบคุณเจ้าค่ะลำบากท่านแล้ว” เย่วซินเอ่ยบอกอย่างเช่นทุกครั้งที่ขอให้หลงจู๊ช่วยทำงานให้ตน ถึงแม้ว่ามันจะเป็นหน้าที่ของเขาก็ตามที แต่มันเป็นการแสดงน้ำใจได้เป็นอย่างดี

“คุณหนูล่ะก็บอกก็ครั้งแล้วว่ามันเป็นหน้าที่ของข้าน้อยไม่ต้องขอบคุณหรอกขอรับ” หลงจู๊เอ่ยบอกเช่นนี้ทุกครั้งเช่นกัน แม้จะรู้สึกว่าไม่สมควรที่จะได้รับคำขอบคุณ แต่ตนก็กลับดีใจและปลื้มใจทุกครั้งที่ได้ยินมัน เอ่ยจบก็เดินออกไปรีบจัดการตามคะสั่งทันที

“เจ้าคือเจ้าของที่นี่เช่นนั้นหรือ?” ซ่งอวิ๋นเอ่ยถามทันทีถึงแม้ว่าตนจะอยู่จากการที่ได้ฟังทั้งสองคุยกันเมื่อครู่แล้วก็ตาม

“โรงเตี๊ยมแห่งนี้เป็นของท่านปู่ของข้า ข้าเพียงมาดูแลให้ท่านเพียงเท่านั้นเจ้าค่ะท่านยาย” เย่วซินเอ่ยชี้แจง

“ข้าแซ่เจานามว่าซ่งอวิ๋นแล้วเจ้ามีนามว่าอะไรหรือ?” ซ่งอวิ๋นเอ่ยบอกแซ่เดิมของตนและยังเอ่ยถามนามของสตรีตรงหน้าเพื่อความแน่ใจจะได้ไม่เกิดการเข้าใจอย่างเมื่อครู่นี้อีก

“ข้ามีนามว่าเย่วซินเจ้าค่ะ ท่านยายเจา” เย่วซินเอ่ยตอบ

“อา...เช่นนั้นหรือดียิ่งนัก” ซ่งอวิ๋นเอ่ยด้วยใบหน้าพึงพอใจ

“จานนี้ข้าตั้งชื่อว่าผักทอดเปรี้ยวหวานเจ้าค่ะ ท่านยายกินรองท้องไปก่อนส่วนมื้อเย็นประเดี๋ยวข้าจะสั่งให้เสี่ยวเอ้อร์นำขึ้นมาให้อีกที” เย่วซินเอ่ยบอก

“ขอบใจเจ้ามากอาหารทั้งหมดที่เจ้าเอามาให้ยายเจ้าก็คิดเงินมาเถิด ยายไม่อยากรบกวนเจ้ามากนักแค่เรื่องที่พักยายก็เกรงใจเจ้ามากแล้ว” ซ่งอวิ๋นรู้สึกผิดในใจเป็นอย่างมากที่หลอกลวงสตรีตรงหน้า นางมีจิตใจดีงามเช่นนี้ตนยังไปหลอกลวงเสียได้ แต่กลับหัวเรือตอนนี้มันก็ไม่ทันเสียแล้ว ไม่รู้ว่าหากเรื่องแดงขึ้นมานางจะโกรธคนแก่ช่างระแวงคนนี้หรือไม่

“ข้าบอกแล้วว่าไม่ต้องเกรงใจหากข้าพอช่วยเหลือท่านยายได้ข้ายินดี ท่านยายอย่าได้กังวลอีกเลยลองกินอาหารดีกว่าแล้วติชมให้ข้าฟังด้วยนะเจ้าคะ เอาแต่ความจริงนะเจ้าคะห้ามปดข้าเด็ดขาด” เย่วซินเอ่ยดักคอเพราะกลัวว่าหญิงชราไม่เอ่ยเยินยอเกินความจริง แต่ความเป็นจริงอาหารจานนี้ก็นับว่าอร่อยอยู่ไม่น้อย แล้วแต่ว่าคนกินจะชอบรสชาติแบบนี้หรือไม่ก็เท่านั้น บางคนชอบอาหารรสจืด บางคนชอบอาหารรสเค็มไม่เหมือนกันจะทำให้ถูกปากและถูกใจทุกคนนั้นย่อมเป็นไปไม่ได้

“ได้ ๆ ยายจะบอกตามความจริงไม่ปดเจ้าสักคำเดียวพอใจหรือไม่” ซ่งอวิ๋นเอ่ยด้วยความเอ็นดูพร้อมยกยิ้มกว้างอย่างถูกใจ

ซ่งอวิ๋นนั่งลงกินอาหารตรงงหน้าทันทีโดยไม่รอช้า เมื่อกินเข้าไปคำแรกรสชาติเปรี้ยวหวานรวมกับกลิ่นหอมของน้ำตาลที่เคี่ยวจนได้ที่นั้นมันช่างลงตัวเป็นอย่างมาก แล้วเมื่อกินรวมกับผักที่ทอดจนเหลืองกรอบมันทำให้อร่อยเพิ่มมากขึ้น ส่วนเครื่องเคียงที่ใส่เข้ามาด้วยกันยิ่งทำให้มีสีสันน่ากินยิ่งขึ้น ส่วนกุ้งก็ลวกกำลังดีเนื้อหวานอร่อยรวม ๆ แล้วอาหารจานนี้รสเลิศเป็นอย่างมากเลยทีเดียว

“อาหารจานนี้นับว่าดีเยี่ยมไม่มีที่ติเลยจริง ๆ ยายไม่ได้ปดเจ้าเลยสักคำเดียวนะ” ซ่งอวิ๋นเอ่ยบอกหลังจากได้ลิ้มลองอาหาร

เย่วซินยืนลุ้นอย่างใจจดจ่อเมื่อได้ยินคำกล่าวชมก็ยกยิ้มกว้างด้วยความดีใจ รอยยิ้มของเย่วซินเมื่อซ่งอวิ๋นได้เห็นก็อดไม่ได้ที่จะเผลอยกยิ้มตามไปด้วยนี่นางโดนว่าที่หลานสะใภ้ล่อลวงเข้าให้แล้วกระมัง...

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คู่แฝดคู่ป่วน