เย่วซินเดินนำหญิงชราขึ้นไปยังชั้นสามและเดินตรงไปยังห้องริมสุดนั่นก็คือห้องส่วนตัวของตนเอง ซ่งอวิ๋นเมื่อก้าวเท้าเข้ามายังด้านในห้องก็พลันให้ตกใจ เพราะการตกแต่งที่แปลกตาและงดงามแต่ที่น่าตกใจกว่านั้นก็คือห้องที่กว้างขวางและของใช้ที่นำมาตกแต่งดูแล้วก็เป็นของที่มีค่อนข้างมีราคา ไม่น่าจะเป็นห้องที่มีไว้สำหรับให้แขกเหรื่อพักอาศัย
“ห้องนี้มันดูดีเกินไปหรือไม่สำหรับคนแก่ที่แต่งตัวมอซอเช่นข้า เจ้าไม่กลัวว่าข้าจะไม่มีเงินจ่ายให้เจ้าบ้างหรืออย่างไรกัน” ซ่งอวิ๋นเอ่ยถาม
“ข้าไม่กลัวหรอกเจ้าค่ะท่านยายเชิญอยู่ตามสบายเลย เรื่องเงินท่านยายไม่ต้องกังวลนะเจ้าคะข้าไม่คิดเงินท่านยายหรอก เชิญท่านยายพักผ่อนได้ตามสบายและหาหลานสาวให้พบนะเจ้าคะ” เย่วซินเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงสดใส ในใจของเย่วซินส่วนหนึ่งก็นึกสงสารหญิงชราตรงหน้ากลัวว่านางจะหาที่พักไม่ได้และต้องนอนตากน้ำค้างในคืนที่เหน็บหนาวอีกคงจะทรมานอยู่ไม่น้อย
อีกส่วนหนึ่งตนคิดว่าท่านยายผู้นี้มีบางอย่างที่น่าสงสัยและตนมั่นใจว่าหญิงชราผู้นี้ไม่ใช่คนไม่ดีหรือว่าเป็นหัวขโมยอย่างแน่นอน ห้องนี้นอกจากของตกแต่งห้องที่เป็นของชิ้นใหญ่ ๆ แล้วก็ไม่มีอะไรมากมายให้ลักขโมยตนจึงไม่ห่วงว่าจะมีของหาย
“จะดีหรือ ห้องนี้มันสวยงามเกินไปเจ้าเป็นเพียงคนงานในร้านนำห้องสายงามเช่นนี้มาให้หญิงแก่จน ๆ เช่นข้าพักอาศัย เจ้านายของเจ้าจะไม่โกรธเอาหรือ เจ้าอาจจะโดนลงโทษก็ได้นะข้าไม่อยากทำให้เจ้าต้องเดือดร้อนภายหลัง” ซ่งอวิ๋นเอ่ยบอกด้วยความที่รู้สึกผิดต่อสตรีตรงหน้า หากเจ้านายของนางโกรธนางอาจจะโดนลงโทษหรืออาจถูกไล่ออกก็เป็นได้นางไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์เช่นนั้นขึ้น แต่หากมันเกิดขึ้นจริง ๆ นางก็ยินดีที่จะรับผิดชอบนางจะไม่ปล่อยให้สตรีผู้นี้ต้องลำบากอย่างแน่นอน ซ่งอวิ๋นคิดหมายมั่นอยู่ในใจ
“ไม่มีใครกล้ามาลงโทษข้าหรอกเจ้าค่ะท่านยาย...” เย่วซินเอ่ยยังไม่ทันจบก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
ก๊อก ๆ ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นสามครั้งจากนั้นคนด้านนอกก็เปิดประตูโดยไม่ต้องรอคนด้านในเอ่ยอนุญาตคล้ายรู้กันเป็นอย่างดี คนที่เคาะประตูห้องก้คือหลงจู๊ผู้ดูแลโรงเตี๊ยมนั่นเอง
“คุณหนูมีอะไรให้ข้าน้อยช่วยเหลือหรือไม่ขอรับ” หลงจู๊ของร้านเอ่ยถาม เมื่อครู่หลังจากที่กินอาหารเสร็จตนเดินออกมาจากห้องครัวเห็นคุณหนูเดินขึ้นมาด้านบนกับหญิงชราผู้หนึ่ง จึงเดินตามขึ้นมาดูเผื่อว่าคุณหนูขาดเหลือสิ่งใดหรือต้องการสิ่งใดตนจะได้จัดหามาให้
ซ่งอวิ๋นเมื่อได้ยินคำเรียกขานสตรีตรงหน้าจากชายผู้มาใหม่ก็พลันให้ชะงักงันไปชั่วครู่ จากนั้นก็เริ่มควบคุมใบหน้าให้กลับมาเป็นปกติ แล้วฟังทั้งสองคุยกันอย่างเงียบๆ โดยไม่ได้เอ่ยสิ่งใดออกมา
“ท่านมาพอดีข้าอยากให้ช่วยนำอาหารมาให้ท่านยายสักหน่อยเจ้าค่ะ เอาเป็นเมนูใหม่เมื่อครู่และซุปอีกหนึ่งถ้วยนะเจ้าคะ อ้อ...ข้าให้ท่านยายผู้นี้พักอยู่ที่ห้องส่วนตัวของข้า ท่านยายมาตามหาหลานสาวที่หายออกจากบ้านมาอย่างไรเสียท่นช่วยดูแลท่านยายด้วยนะเจ้าคะ” เย่วซินเอ่ยบอกหลงจู้ เพราะว่าตอนเย็นตนจะต้องเดินกลับจวนจึงฝากฝังให้หลงจู้ช่วยดูแลอีกทางหนึ่ง
“ได้ขอรับคุณหนู หากมีห้องว่างด้านล่างเมื่อไรข้าน้อยจะให้สตรีผู้นี้ลงไปพักด้านล่างก็แล้วกันคุณหนูจะได้ทำงานสะดวกขึ้น” หลงจู๊เอ่ยบอกอย่างรู้งาน
“ขอบคุณเจ้าค่ะลำบากท่านแล้ว” เย่วซินเอ่ยบอกอย่างเช่นทุกครั้งที่ขอให้หลงจู๊ช่วยทำงานให้ตน ถึงแม้ว่ามันจะเป็นหน้าที่ของเขาก็ตามที แต่มันเป็นการแสดงน้ำใจได้เป็นอย่างดี
“คุณหนูล่ะก็บอกก็ครั้งแล้วว่ามันเป็นหน้าที่ของข้าน้อยไม่ต้องขอบคุณหรอกขอรับ” หลงจู๊เอ่ยบอกเช่นนี้ทุกครั้งเช่นกัน แม้จะรู้สึกว่าไม่สมควรที่จะได้รับคำขอบคุณ แต่ตนก็กลับดีใจและปลื้มใจทุกครั้งที่ได้ยินมัน เอ่ยจบก็เดินออกไปรีบจัดการตามคะสั่งทันที
“เจ้าคือเจ้าของที่นี่เช่นนั้นหรือ?” ซ่งอวิ๋นเอ่ยถามทันทีถึงแม้ว่าตนจะอยู่จากการที่ได้ฟังทั้งสองคุยกันเมื่อครู่แล้วก็ตาม
“โรงเตี๊ยมแห่งนี้เป็นของท่านปู่ของข้า ข้าเพียงมาดูแลให้ท่านเพียงเท่านั้นเจ้าค่ะท่านยาย” เย่วซินเอ่ยชี้แจง
“ข้าแซ่เจานามว่าซ่งอวิ๋นแล้วเจ้ามีนามว่าอะไรหรือ?” ซ่งอวิ๋นเอ่ยบอกแซ่เดิมของตนและยังเอ่ยถามนามของสตรีตรงหน้าเพื่อความแน่ใจจะได้ไม่เกิดการเข้าใจอย่างเมื่อครู่นี้อีก
“ข้ามีนามว่าเย่วซินเจ้าค่ะ ท่านยายเจา” เย่วซินเอ่ยตอบ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คู่แฝดคู่ป่วน
รอนะคะ อัพต่อหน่อยค่า...