ในช่วงตอนค่ำเย่วเทียนและเย่วฉีก็เดินทางกลับมาจวน เย่วฉีตกใจเมื่อได้เห็นคนคุ้นตาที่ไม่คิดว่าจะเจอกันที่นี่รวดเร็วขนาดนี้เพราะเพิ่งแยกจากกันเพียงไม่นานเท่านั้น แต่เขาก็แอบดีใจเล็กน้อยที่ได้เจอนางอีกครั้ง
ทั้งหมดกินมื้อค่ำด้วยกันด้วยความชื่นมื่นเพราะเป็นครอบครัวใหญ่และทุกคนก็รักใคร่กลมเกลียวกันไม่น้อย เหมือนกับว่าทั้งหมดเคยเป็นครอบครัวเดียวกันมานานมากแล้ว ฮุ่ยฉินมองทุกคนด้วยแววตาเปี่ยมสุขหากเป็นไปได้เขาขอให้มีครอบครัวที่น่ารักแบบนี้ไปทุกภพชาติ เพียงเท่านี้ชีวิตของเขาก็คงจะมีความสุขไม่น้อยและคงไม่ต้องการสิ่งใดอีกแล้ว
หลังจากกินมื้อเย็นกันเสร็จเรียบร้อยจากนั้นก็นั่งคุยกันอีกเพียงครู่แล้วต่างก็แยกย้ายกันไป เย่วซินและเย่วเทียนเข้ามายังห้องปรุงยาพิษ ส่วนเย่วฉีชักชวนไท่เฟยให้ไปดูห้องเก็บสมุนไพรและห้องปรุงยาของตนเช่นกัน เมื่อคราที่อยู่พรรคอินทรีย์เขาเห็นว่าไท่เฟยมีความสนใจเรื่องสมุนไพรอยู่ไม่น้อย เย่วฉีไม่อาจรู้ว่าไท่เฟยเป็นคนที่ชอบทุกสิ่งอย่างที่นางยังไม่เคยได้สัมผัสหรือเห็นมาก่อนนางจึงสนใจก็เท่านั้น
จิวอิงเข้าห้องพักส่วนตัวและบอกให้พี่เสี่ยวชิงของนางออกไปด้านนอกที่เก๋งหลังเล็กท้ายสวนเพราะมีบุรุษผู้หนึ่งรออยู่ จิวอิงเอ่ยบอกเพียงเท่านั้นเสี่ยวชิงก็มีใบหน้าที่แดงกล่ำด้วยความเขินอายไม่บอกก็รู้ว่าคนที่รอนางอยู่ที่เก๋งท้ายสวนดอกไม้นั่นคือผู้ใด
“พี่เสี่ยวชิงรีบไปเถิดเจ้าค่ะอย่าปล่อยให้เขารอนานเลย เขารอพี่เสี่ยวชิงมานานเกินพอแล้วนะเจ้าคะ” จิวอิงเอ่ยบอกพี่สาวที่นางรักมากที่สุด และนางก็ดีใจที่เห็นพี่เสี่ยวชิงมีความสุขและได้พบเจอคนที่ดีแบบท่านซานจิ่น
เสี่ยวชิงเดินออกไปได้เพียงครู่ทางด้านหน้าต่างห้องก็ปรากฏกายบุรุษร่างกายกำยำไม่บอกก็รู้ว่าเป็นผู้ใดที่ชอบเข้าทางหน้าต่างห้องพักของนางนัก
“องค์รัชทายาทเมื่อไรพระองค์จะเลิกเข้าทางหน้าต่างห้องนอนของหม่อมฉันสักทีเล่าเพคะ” จิวอิงเอ่ยบอกด้วยคำพูดที่ห่างเหินออกไปเล็กน้อยเพราะไม่พอใจที่เขาแอบมาหานางยามวิกาลบ่อย ๆ
“พูดจาเหินห่างกับคนรักเช่นนี้ได้อย่างไรกันหือ...” หยางหลงเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลชวนให้ใจละลาย
“หม่อมฉันต้องพูดบ้างเพคะ ไม่เช่นนั้นจะเคยตัวแล้วเผลอไปพูดด้านนอกหากผู้อื่นได้ยินคงไม่สมควรเท่าไรนัก พระองค์เป็นถึงองค์รัชทายาทแห่งแคว้นหนิงหม่อมฉันต้องให้เกียรติพระองค์เพคะ” จิวอิงเอ่ยบอกตามความจริง ถึงแม้ว่าเขาจะบอกให้นางพูดแบบธรรมดาก็ตาม
“เอาที่เจ้าสบายใจก็แล้วกันพี่ไม่ว่าเจ้า เพียงแต่อย่างตัวของเจ้าอย่างห่างเหินพี่เป็นพอ” ไม่เอ่ยเปล่าแขนแกร่งรวบกอดร่างบางเอาไว้ด้วยรักที่เอ่อล้นมานานแสนนาน
“พระองค์เห็นทำตัวนิ่งสุขุมแต่แท้จริงแล้วมือไวยิ่งนัก” จิวอิงเอ่บตำหนิอย่างไม่จริงนัก
“ใครใช้ให้เจ้างดงามเกินห้ามใจกันเล่า”
“เป็นความผิดของหม่อมฉันหรือเพคะ” จิวอิงเอ่ยถาม พลางมองใบหน้าหล่อที่ไม่ยอมรับว่าตนเองเป็นคนผิด
“ใช่ เป็นความผิดของเจ้า”
ทางด้านเย่วเทียนกำลังนั่งดูร่างเล็กทดลองปรุงพิษบางอย่างอยู่อย่างตั้งอกตั้งใจ เย่วเทียนกำลังคิดว่าร่างเล็กตรงหน้าเวลาที่ตั้งใจทำสิ่งใดแล้วนางจะดูสงบนิ่งและเป็นผู้ใหญ่เกินตัวเสียด้วยซ้ำ นางเป็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็กแล้วเขายังจำนางได้ตั้งแต่วันแรกที่นางก้าวเท้าเข้ามายังจวนตระกูลหมิง และคงจะเป็นแววตาที่ดูเป็นผู้ใหญ่เกินตัวคู่นี้ที่ทำให้เขาสนใจนางและก็ไม่อาจลืมสายตาของนางไปได้และก็ไม่เคยมองสตรีคนอื่นอีกเลยตั้งแต่นั้นมา
“พี่เทียนถ้ายังมองข้าแบบนี้ข้าจะไม่มีสมาธิทำงานนะเจ้าคะ” เย่วซินเอ่ยบอกร่างสูงแต่สายตาก็ยังคงมุ่งมั่นอยู่กับงานของตนเอง แต่ตนก็รู้ได้ถึงสายตาร้อนแรงที่จ้องมองอยู่พักหนึ่งแล้ว
“ไม่ให้พี่มองเจ้าหรือ?” เย่วเทียนเอ่ยถามร่างเล็ก
“มองได้แต่อย่าจ้องด้วยสายตาเหมือนอยากกลืนกินข้าเช่นนี้ ประเดี๋ยวข้าจะอดใจไม่ไหวแล้วล่วงเกินท่านขึ้นมาจะยุ่ง” เย่วซินเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงราบเรียบเหมือนพูดคุยเรื่องทั่วไป
เย่วเทียนยกยิ้มด้วยใบหน้าเจ้าเล่ห์ จากนั้นก็ขยับกายเข้าไปใกล้ร่างบาง มือหนาเอื้อมไปจับยังท้ายทอยของอีกฝ่ายจากนั้นก็ดึงรั้งใบหน้างามให้หันมาทางตน ริมฝีปากได้รูปประกบจูบเข้ากับปากอิ่มแดงระเรื่อทันที
เย่วซินที่โดนจู่โจมแบบไม่ทันตั้งตัวก็ไม่อาจขัดขืนได้ เพราะว่ามือทั้งสองข้างของตนนั้นยังหยิบจับสมุนไพรคามืออยู่เลย และไม่อาจขยับดิ้นได้เพราะอาจจะไปโดนข้าวของเสียหายจึงปล่อยให้อีกฝ่ายล่วงเกินได้อย่างเต็มที่เท่าที่เขาต้องการ และตนยังให้ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีอีกด้วย
ปากอิ่มขยับเผยอออกเมื่อโดนลิ้นร้อนของอีกฝ่ายดุนดันเข้ามา ลิ้นหนากวาดชิมน้ำหวานจากโพรงปากอิ่มอย่างไม่ลดละ คล้ายว่าหิวกระหายเป็นอย่างมากเพราะด้วยความหอมหวานจากโพรงปากเล็กทำให้เย่วเทียนไม่อาจห้ามใจเอาไว้ได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คู่แฝดคู่ป่วน
รอนะคะ อัพต่อหน่อยค่า...