คู่แฝดคู่ป่วน นิยาย บท 20

ทั้งหมดเดินทางกลับมาถึงโรงเตี๊ยมในช่วงบ่ายและแยกย้ายกันกลับเข้าห้องพักด้วยความเหนื่อยล้าโดยเฉพาะจิวอิง เพราะบาดแผลดูเหมือนว่าจะอักเสบขึ้นมาอีกรอบ ตอนนี้เย่วซิน จิวอิงและพี่เสี่ยวชิงพักอยู่ห้องเดียวกัน หนึ่งคือช่วยท่านปู่ประหยัดค่าใช้จ่าย สองคือนางจะได้มีเพื่อนคุยข้อนี้อาจจะเป็นเหตุผลที่สำคัญเลยก็ว่าได้

เสี่ยวชิงเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้คุณหนูของนางและทายาป้อนยาเรียบร้อยและให้นอนพักผ่อน ส่วนเย่วซินนั้นหลังจากอาบน้ำชำระล้างร่างกายเรียบร้อยก็แต่งตัวทาหน้าดำ ทาตัวในส่วนที่อาภรณ์ไม่ปกปิดตัดผมม้าและไม่ลืมไฝเสน่ห์ใต้หางตาขวารวบผมครึ่งศีรษะปักด้วยปิ่นไม้ธรรมดาเป็นอันเสร็จเรียบร้อย...

“คุณหนูรองคิดจะทำอะไรหรือเจ้าคะ” เสี่ยวชิงเอ่ยถามอย่างสงสัย เพราะเห็นคุณหนูรองปลอมตัวเหมือนคุณหนูใหญ่

“พี่เสี่ยวชิงข้าไม่คุ้นชินเวลาพี่เรียกข้าแบบนี้เลยจริงๆ” เย่วซินเอ่ยบอกพี่เสี่ยวชิงแต่ก็พอเข้าใจอยู่บ้าง

“นายท่านก็ให้บ่าวเรียกเช่นนี้เจ้าค่ะ” เสี่ยวชิงเอ่ยอย่างเอ็นดู คุณหนูรองมีนิสัยต่างจากพี่สาวมากนางดูซุกซนเจ้าเล่ห์สดใสและมีความคิดเป็นผู้ใหญ่ในเวลาเดียวกัน ส่วนคุณใหญ่เรียบร้อยอ่อนหวานแต่ไม่อ่อนแอ ถ้าคุณหนูเหม่ยอิงยังอยู่นางคงมีความสุขมากๆเป็นแน่เช่นเดียวกับที่ตนมีความสุขในเวลานี้ ส่วนคุณชายถังบุรุษที่ทิ้งภรรยาไปเขาคงจะไม่รู้กระมังว่ายังมีเลือดเนื้อเชื้อไขของเขาอยู่ถึงสองคน...

“เอาละ ๆ ข้าไม่เถียงแล้วเอาที่พวกท่านสบายใจเลยเจ้าค่ะ ส่วนข้าขอออกไปเที่ยวชมตลาดและหาของหวานมากินเพิ่มพลังเสียหน่อยแล้วข้าจะซื้อมาฝากพี่เสี่ยวชิงและจิวอิงด้วย” เย่วซินเอ่ย ตอนนี้ท่านปู่กำลังพักผ่อนอยู่ในห้องนางไม่อยากไปรบกวนท่านปู่ แคว้นฉินมีสิ่งของและอาหารที่น่าสนใจมากมายนางยังนึกอยู่เลยว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมาเหตุใดจึงไม่ค่อยย่างก้าวออกจากจวนเลยตลาดแคว้นหนิงก็คงมีสิ่งของมากมายไม่ต่างจากที่นี่เป็นแน่ สงสัยกลับไปครานี้นางคงต้องหาอะไรทำเป็นชิ้นเป็นอันบ้างแล้ว

“คุณหนูรองระวังตัวด้วยนะเจ้าคะ พวกคนตระกูลซูมีหูตามากมายเกิดโดนจับได้ขึ้นมาจะแย่เอาเจ้าค่ะ” เสี่ยวชิงเอ่ยเตือนด้วยความเป็นห่วง

“โธ่...พี่เสี่ยวชิงตลาดออกใหญ่โตข้าคงไม่ดวงซวยขนาดเจอพวกนั้นทุกวันหรอกเจ้าค่ะ แล้วอีกอย่างข้าปลอมตัวทาหน้าตาดำเช่นนี้คงไม่มีคนจำได้หรอกขนาดข้าเองยังจำตัวเองไม่ได้เลย” เป็นเรื่องจริงที่นางยังจำตัวเองไม่ได้ซึ่งมันแนบเนียนมาก ๆ แต่กลับไปจวนคราวนี้คงต้องปรุงครีมทาหน้าสีดำที่ทำจากถ่านเอาไว้ดีกว่าเพื่อสะดวกแก่การใช้งาน เพราะจิวอิงบอกว่านางจะทาหน้าดำเช่นนี้เวลาออกไปเจอผู้คน เพราะนางไม่อยากให้ใบหน้างดงามนั้นเป็นภัยกับตัวเองอีกถึงจะไปอยู่ต่างแคว้นแล้วก็ตามจิวอิงคงเข็ดขยาดกับเรื่องที่พบเจอมา

เย่วซินเดินออกมายังตลาดด้วยความรวดเร็วเพราะต้องทำเวลากลับไปทานอาหารเย็นกับท่านปู่ นางเดินชื่นชมร้านค้าต่าง ๆ ทั้งร้านขายพู่หยกน่ารัก ๆ ร้านขายกำไล แหวนแต่ที่นางเข้าออกมากที่สุดเห็นจะเป็นร้านขนมซื้อขนมมาหลายอย่างหลายชนิดล้วนน่ากินเป็นอย่างมากและทั้งหมดนางจะเอาไว้กินกับครอบครัว...

“ยัยอัปลักษณ์ถอยออกไปหน่อยคุณหนูของข้าจะชมเครื่องประดับร้านนี้” จูเพ่ยสาวใช้ข้างกายของซูเจียวเหมยเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นสตรีหน้าดำอัปลักษณ์ยืนเกะกะขวางทางคุณหนูของตน

เย่วซินทำเป็นหูทวนลมไม่ได้ยินที่สตรีข้าง ๆ เอ่ย ก็นางไม่ได้อัปลักษณ์เสียหน่อยแล้วอีกอย่างออกจะสวยแถมไฝเซ็กซี่ใต้ตาอีก สตรีผู้นี้ช่างตาไม่ถึงจริง ๆ

“ไม่ได้ยินที่ข้าพูดหรืออย่างไร!!...” จูเพ่ยตวาดเสียงดังจนคนรอบข้างต่างหันมามองด้วยความอยากรู้อยากเห็น

“จูเพ่ย ปล่อยให้นางได้ชื่นชมของสวยงามพวกนี้ไปเถิด” ซูเจียวเหมยเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมไปด้วยความนุ่มนวลชวนฟัง แต่สำหรับเย่วซินมันฟังดูทะแม่งๆยังไงพิกล

“เจ้าค่ะคุณหนู นางคงได้แต่ชื่นชมยามที่ของสวยงามอยู่บนถาด แต่ถ้านำมาประดับกายนางมันคงไม่สวยอีกต่อไปเพราะมันคงหม่นหมองลงไปมากเจ้าค่ะ” จูเพ่ยเอ่ยดูถูกเหยียดหยามสตรีตรงหน้าที่น่าตาอัปลักษณ์แล้วยังจะมาเดินนวยนาดในคนหมู่มากเช่นนี้ ถ้าเป็นตัวเองคงจะเก็บตัวอยู่แต่ในจวนไม่อออกมาพบปะผู้คนเป็นแน่

เย่วซินตวัดสายตามองสตรีทั้งสองคนด้านข้างอย่างไม่สบอารมณ์ หญิงตรงหน้าแต่งตัวดีดูมีฐานะใบหน้างดงามเย้ายวนแต่นางกลับมองว่ามันเสแสร้งยิ่งนัก เหมือนพวกนางร้ายในละครไม่มีผิดเหอะ...

“เจ้าบังอาจ...อย่ามามองคุณหนูด้วยสายตาแบบนั้นนะ” จูเพ่ยเอ่ยเสียงดังปกป้องเจ้านาย สตรีหน้าดำตรงหน้าจ้องมองคุณหนูของตนด้วยสายตาดุดันเอาเรื่อง

“พวกเจ้าช่างไร้สาระสิ้นดี...” เย่วซินเปลี่ยนสายตาโดยเร็วแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่ายฉากในนิยายที่เคยอ่านหรือละครที่เคยดูส่วนมากก็แนวนี้ทั้งนั้น พูดจบก็หันหลังเดินจากไปแต่ต้องชะงักอีกครา

“จะหนีไปไหนมาคุกเข่าขอโทษคุณหนูของข้าประเดี๋ยวนี้” จูเพ่ยเดินตามสตรีหน้าดำอย่างเอาเรื่องที่มันกล้าเมินใส่หน้าคุณของตน แต่สตรีหน้าดำกลับเดินต่ออย่างไม่หวั่นเกรง “พวกเจ้าสองคนไปจับมันมาคุกเข่าขอโทษคุณหนูเดี๋ยวนี้” จูเพ่ยเอ่ยสั่งบ่าวชายที่ทำหน้าที่คุ้มกัน ตนรับใช้คุณหนูมาใยจะไม่รู้ว่านางคิดเช่นไร บังอาจมามองหน้าแล้วทำสายตาแข็งกร้าวใส่ถ้าอยู่ที่จวนคงถูกโบยจนตายไปแล้ว โชคดีที่ตรงนี้มีผู้คนจำนวนมากจึงทำได้เพียงให้มันมาคุกเข่าขอโทษเพียงเท่านั้น

บ่าวชายสองคนที่ได้รับคำสั่งก็รีบไปจับสตรีหน้าดำทันทีโดยรั้งแขนทั้งสองข้างแล้วนำมาคุกเข่าต่อหน้าคุณหนูของตน ตอนนี้ชาวบ้านมามุ่งดูเป็นจำนวนมากเนื่องจากหญิงสาวผู้งดงามตรงหน้าเป็นถึงบุตรีของท่านแม่ทัพบูรพา หญิงหน้าดำผู้นั้นหาเรื่องใส่ตัวแท้ๆชาวบ้านที่มามุงดูต่างมองสตรีหน้าดำอย่างเวทนา

“ท่านป้าเกิดอันใดขึ้นหรือ?...” หยางปิงเอ่ยถามสตรีสูงวัยที่กำลังยืนดูฝูงชนเบื้องหน้าอย่างตั้งอกตั้งใจ เขาและสหายกำลังจะเดินทางกลับที่พักหลังจากเดินทางไปเยี่ยมท่านแม่ทัพใหญ่ที่จวนเพราะท่านสนิทกับท่านอาของตน

“ก็สตรีหน้าดำคนนั้นคงพูดจาไม่ดีใส่บุตรีท่านแม่ทัพบูรพาเข้านางเลยให้สตรีหน้าดำคุกเข่าขอโทษ” สตรีสูงวัยเอ่ย

“มีอะไรให้น่าดูกันพวกเราไปกันเถอะ” เย่วเทียนเอ่ยบอกสหายรุ่นน้องอย่างเบื่อหน่ายพวกสตรีน่ารำคาญเรื่องเล็กน้อยแค่นี้ใยต้องทำให้เป็นเรื่องใหญ่

“ประเดี๋ยวก่อนสิท่านพี่เย่วเทียน ข้าขอชื่นชมความงามของบุตรีท่านทัพบูรพาก่อนได้ยินว่านางงดงามยิ่งนัก” หยางปิงเอ่ย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คู่แฝดคู่ป่วน