บทที่22 สร้างข่าวลือ – ตอนที่ต้องอ่านของ คู่แฝดคู่ป่วน
ตอนนี้ของ คู่แฝดคู่ป่วน โดย ไป๋หลัน ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายโรแมนซ์ทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่22 สร้างข่าวลือ จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
จวนตระกูลซูยามซวี(19.00-20.59) ในเรือนใหญ่ตระกูลซูต่างวิ่งกันวุ่นวายด้วยเหตุที่ว่าบุตรีของท่านแม่ทัพบูรพาเกิดป่วยไข้ด้วยอาการแปลกประหลาด
“นางเป็นอย่างไรบ้างท่านหมอ” ซูเจียวซื่อเอ่ยถามหมอฝีมือดีที่มาตรวจรักษาที่จวน
“คุณหนูมีไข้ ตามผิวหนังมีตุ่มสีแดง นางเป็นโรคทางผิวหนังที่มีเชื้อรุนแรงและอาจติดต่อกับผู้อื่นได้โดยการสัมผัสหรืออยู่ใกล้ชิดกัน” ท่านหมอเอ่ยบอกโรคชนิดนี้ไม่ค่อยพบบ่อยนักแต่ไม่ใช่ว่าไม่เคยพบเจอ
ซูเจียวซื่อได้ยินเช่นนั้นก็ตกใจผงะถอยตัวออกห่างโดยทันทีแต่ก็ยังห่วงใยบุตรของตน “ท่านหมอมีวิธีรักษาหรือไม่”
“ข้าจะจัดยาให้กินและอาบ แต่ต้องระวังอย่าเผลอเกาเพราะมันอาจจะลุกลามและไม่หายขาด”ท่านหมอเอ่ย
“ขอบคุณมากท่านหมอ” ซูเจียวซื่อเอ่ย
“ไม่เป็นไรข้าขอตัวก่อน ให้บ่าวตามไปรับเทียบยาที่ต้องใช้แช่ตัวที่ร้านด้วย วันนี้ข้าเตรียมมาแค่ยากิน” ท่านหมอกล่าวจบแล้วเดินออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว และตามด้วยซูเจียวซื่อ
“จูเพ่ย ดูแลคุณหนูของเจ้าให้ดี อ้อ..ระวังอย่าให้นางเกาเด็ดขาดประเดี๋ยวจะลุกลามไปกันใหญ่เข้าใจหรือไม่”
“เจ้าค่ะฮูหยิน” จูเพ่ยเอ่ยเสียงอ่อย แล้วเข้าไปทำหน้าที่ตามคำสั่งแม้จะกลัวติดโรคก็ตามทีตนเป็นเพียงสาวใช้ต้องทำตามคำสั่งอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เช้าวันรุ่งขึ้นข่าวการป่วยของคุณหนูซูเจียวเหมยเล็ดลอดออกมาจากจวนท่านแม่ทัพ จนชาวบ้านล่ำลือกันไปทั่วว่านางเป็นโรคติดต่อทางผิวหนังเนื้อตัวเต็มไปด้วยตุ่มหนอง บ้างก็ลือว่าคนในจวนติดโรคจากนางหลายคน
“ใครมันกล้าปล่อยข่าวแย่ ๆ เช่นนั้นออกไปช่างน่าโบยให้ตายยิ่งนัก” ซูหมิงลู่สบถออกมาเสียงดัง
“หาตัวยากขอรับ แต่ตอนนี้บ่าวไพร่ถูกฮูหยินสั่งห้ามออกนอกจวนนอกจากกกคนที่ใว้ใจได้ไปหาซื้อเสบียงอาหารเท่านั้น” หลิ่งอี้เอ่ยรายงาน
“ตามตัวสตรีนางนั้นไปถึงไหนแล้ว อ้อ...ตามตัวสตรีหน้าดำที่น้องสาวข้าบอกด้วยมันเป็นสาเหตุที่ทำให้นางต้องเป็นเช่นนี้” ซูหมิงลู่เอ่ยสั่งหลิ่งอี้ สตรีหน้าดำที่สาวใช้ของน้องสาวเอ่ยเล่าให้ฟังว่านางนั้นเข้ามาจับมือน้องสาวของตนมืออันสกปรกจึงทำให้น้องสาวติดโรคมาเช่นนี้ เขาต้องตามตัวมันมาลงโทษให้ได้
“ตอนนี้ให้คนของเรากระจายไปทั่วเมืองและใช้เงินสินบนพวกทหารยศต่ำที่เฝ้าประตูเมืองคอยจับตาดูอีกแรงขอรับ” หลิ่งอี้เอ่ยรายงาน คนได้ส่งรูปวาดของสตรีที่เรือนท้ายจวนให้คนออกตามหา ส่วนสตรีหน้าดำนั้นคงตามตัวได้ไม่ยาก
“ดีมากตามต่อไปจนเจอแล้วรีบรายงานข้า”
“ขอรับคุณชาย” เอ่ยจบหลิ่งอี้ก็เดินออกไปจากห้องทันที
ทางด้านบุรุษกลุ่มใหญ่เช้านี้ท่าทางคึกครื้นกันยิ่งนักด้วยเหตุที่ว่าคนซุกซนยามใบหน้าคล้ายคนเป็นโรคติดต่อ
“พวกท่านหัวเราะเยาะข้า” เย่วฉีเอ่ยด้วยน้ำเสียงอับอาย
“ข้าเตือนเจ้าแล้วไม่ฟังเป็นอย่างไรเล่ารู้ซึ้งเลยหรือไม่” หยางหลงเอ่ยพลางส่ายหน้า
“ข้าหายแสบร้อนแล้วมีเพียงผื่นแดงเท่านั้นพรุ่งนี้คงเริ่มหาย”
“เช่นนั้นรอพรุ่งนี้ค่อยออกเดินทางกลับแคว้นกันวันนี้เจ้าก็พักผ่อนก่อนขืนออกไปยามนี้มีหวังคนอื่นได้เข้าใจผิดเป็นแน่นึกว่าเจ้าเป็นโรคติดต่อทางผิวหนัง” จิ้นฝานเอ่ย เดิมทีเขาและสหายตกลงกันว่าจะออกเดินทางกลับแคว้นในวันนี้แต่คงต้องเลื่อนกำหนดออกไปก่อนเพราะคนป่วยตรงหน้า
เย่วซินเหตุใดจะไม่รู้ความตนเองไม่ได้ซุกซนเหมือนเด็กน้อยไม่รู้ความเสียเมื่อไร นางอายุก็ไม่น้อยแล้วชาติที่แล้วก็เรียนจบปริญญาตรีเกือบจะได้ทำงานในตำแหน่งที่ตนเองแอบฝันเอาไว้แล้วเชียวแต่ดันมาตายเสียก่อน มาชาตินี้แค่มีนิสัยเดิมติดตัวมาแค่นั้นเองนิสัยที่ไม่ค่อยอยู่เฉยชอบทำโน่นนี้นั่นตามประสาแค่นั้นเอง แม้กระทั่งเวลาที่นอนนางยังเอาหนังสือออกมาอ่านเลยแม้จะหลับคาหนังสือบ้างก็ตามเถอะ
วันนี้ทั้งวันทั้งสามคนเลยอยู่แต่ในห้องไม่ได้ออกไปไหนเลยไม่ต้องทาหน้าดำปลอมตัว เสี่ยวชิงคอยมองคุณหนูทั้งสองแล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ปลาบปลื้มในความงดงาม ปลาบปลื้มที่พี่น้องที่พลัดพรากจากกันได้มาพบกันและอยู่ด้วยกันเสียที เย่วซินและจิวอิงออกไปหาท่านปู่บ้างเพราะท่านพักอยู่ห้องติดกันและพวกนางออกไปคนละครั้งจึงไม่มีใครสังเกตเห็น เวลาเสี่ยวเอ้อร์ยกอาหารมาให้ เย่วซินก็จะวิ่งไปหลบด้านหลังฉากกั้นแทน
“ปู่กำลังคิดวิธีทำยาทาผิวหน้าของจิวอิงจะได้ไม่ต้องใช้ผงถ่านมันดูไม่มีคุณภาพเท่าไร” ฮุ่ยฉินเอ่ยบอกหลานสาวทั้งสอง
“หลานก็คิดว่าเช่นนั้นเจ้าค่ะคุณภาพแย่จริง แล้วท่านปู่คิดออกหรือยังเจ้าคะ” เย่วซินเอ่ยถามอย่างสงสัย
“ได้แล้วส่วนผสมไม่ยุ่งยากพอหาได้ที่จวนมีไข่มุกสีดำและไข่สีขาวเป็นส่วนประกอบหลัก” ฮุ่ยฉินเอ่ยบอกไข่มุกสีดำเอามาบดผสมกับไข่มุกสีขาวเติมไขมันผึ้งนิดหน่อยมันจะกลายเป็นบำรุงผิวหน้าไปในตัวผิวหน้าของอิงเอ๋อร์จะได้ไม่บอบช้ำเวลาที่ต้องทาหน้าดำ
“โห...ท่านปู่สุดยอดจริง ๆ เลยเจ้าค่ะ”เย่วซินเอ่ยอย่างชอบใจกับความคิดและความเปย์ของท่านปู่จริงๆ
“อะไรคือสุดยอดหรือ?เย่วซิน” จิวอิงเอ่ยถามเพราะไม่รู้ความหมายผิดกับฮุ่ยฉินที่หัวเราะชอบใจเพราะรู้ความหมายของมันก็นางพูดมันมาแต่เด็กแล้ว
“สุดยอดก็เหมือนที่สุดนั่นแหละเช่นเก่งสุดยอดก็คือเก่งที่สุดอะไรประมาณเนี่ย” เย่วซินเอ่ยอธิบายให้พี่สาวฟัง
“อิงเอ๋อร์เจ้ายังต้องเรียนรู้คำพูดจาของนางอีกมากไม่เข้าใจก็ถามนางเข้าใจหรือไม่” ฮุ่ยฉินเอ่ยบอกหลานสาวคนใหม่เพราะกลัวนางไม่เข้าใจ ตลอดทั้งวันมานี้หลานสาวทั้งสองคลุกคลีออยู่กับตนตลอดทั้งวันจึงทำให้ฮุ่ยฉินสามารถแยกแยะความแตกต่างของทั้งสองออกอย่างชัดแจ้ง นางเพียงมีรูปร่างหน้าตาเหมือนกันเพียงเท่านั้น นิสัยต่างกันทุกอย่างและที่สำคัญคือแววตาของทั้งสองซินเอ๋อร์มีแววตาสดใสขี้เล่นแพรวพราวอยู่ตลอด ส่วนจิวอิงมีแววตาสงบนิ่งนุ่มนวลและเด็ดเดี่ยว ฮุ่ยฉินเก็บรายละเอียดของหลานสาวทั้งสองเอาไว้ในใจตนจะไม่ยอให้หลานสาวหรอกอีกเป็นครั้งที่สองแน่..
“เจ้าค่ะท่านปู่”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คู่แฝดคู่ป่วน
รอนะคะ อัพต่อหน่อยค่า...