ยามซวี(19.00-20.59)เย่วฉีเดินมายังเรือนนอนของน้องสาว เขาเพิ่งทราบเรื่องที่นางได้ก่อเอาไว้ ใจหนึ่งก็สงสารที่นางโดนกักบริเวณใจหนึ่งก็สมน้ำหน้ายิ่งนักนางต้องโดนท่านปู่กำหลาบเสียบ้างถูกต้องแล้ว
เมื่อมาถึงบริเวณหน้าเรือนก็ได้ยินเสียงขลุ่ยดังแว่วออกมา มันช่างไพเราะยิ่งนักใครกันมาเป่าขลุ่ยแถวนี้หรือว่าจะเป็นอิงเอ๋อร์เพราะนางชอบดนตรี เย่วฉีเดินเข้ามาด้านในห้องก็พบว่าคนที่เป่าขลุ่ยคือน้องสาวตัวแสบของตนโดยมีน้องสาวผู้อ่อนหวานนั่งฟังอยู่ด้านข้าง
“พี่ไม่เคยรู้มาก่อนว่าเจ้าก็มีความสามารถเป่าขลุ่ยได้ไพเราะเช่นนี้” เย่วฉีเอ่ยชมน้องสาว
“ข้ามีความสามารถมากมายแต่ไม่อยากโอ้อวดเพียงเท่านั้น” เย่วซินเอ่ยบอกพี่ชายคนสนิท
“แล้วเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?” เย่วฉีเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
“ข้าชิวมากเลยไม่เห็นหรือ มีเวลามานั่งเป่าขลุ่ยเช่นนี้” เย่วซินเอ่ยบอกขณะกำลังกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียงด้วยท่าทีผ่อนคลาย
“แล้วนั่นเจ้าทำอะไรหรืออิงเอ๋อร์” เย่วฉีเอ่ยถามน้องสาวผู้อ่อนหวานตอนนี้นางไม่ได้ทาหน้าดำเพราะอยู่ที่เรือนนอน แต่เขาก็รู้ว่าเป็นนางเพราะกิริยาที่นุ่มนวลเรียบร้อย
“ร้อยพวงมาลัยเจ้าค่ะ ซินเอ๋อร์เป็นคนสอนข้าทำสวยหรือไม่เจ้าคะ” จิวอิงเอ่ยพร้อมหยิบพวงที่ทำเสร็จแล้วให้พี่ชายได้ดู
“สวยมาก และหอมมากด้วยพี่ไม่เคยเห็นที่ไหนมากก่อนเลย ซินเอ๋อร์เจ้าช่างเก่งยิ่งนักที่คิดได้เช่นนี้”
“ข้าบอกแล้วไงว่าข้าเก่งทุกอย่างแต่ข้าไม่อยากโอ้อวด” เย่วซินเอ่ยย้ำคำของตนเอง
“แล้วพวงนั้นทำไมดูเบี้ยวๆเช่นนั้น?” เย่วฉีมองอีกพวงที่วางเอาไว้ด้านข้าง
“พวงนี้ซินเอ๋อร์เป็นคนทำเจ้าค่ะ” จิวอิงเอ่ยบอกพร้อมยิ้มขำเล็กน้อย น้องสาวของนางเก่งเรื่องใช้หัวแต่ไม่เก่งเรื่องฝีมือเท่าใดนัก ดูอย่างที่นางสอนเรื่องผ้าปักแต่นางกลับปักผ้าไม่ได้เรื่องเสียอย่างนั้น
“ฮ่า ๆ ๆ แม่คนเก่ง ดีแล้วที่เจ้าไม่ชอบโอ้อวดน่ะ” เย่วฉีหัวเราะชอบใจจนน้ำตาเล็ด
เย่วซินถลึงตาใส่พี่ชายคนสนิทที่หัวเราะเยาะตนแล้วเอ่ยถาม “อาฉีถ้าจะมาหัวเราะเยาะข้าก็ออกไปเลยก่อนที่ข้าจะทุบท่าน”
“หยุดแล้ว ๆ พี่มีธุระสำคัญจะให้เจ้าช่วยเรื่องรักษาคนที่ถูกพิษน่ะ” เย่วฉีเอ่ยบอกเรื่องสำคัญของตน
“เล่ามาสิจะให้ข้าช่วยอย่างไร” เย่วซินเอ่ย
เย่วฉีเอ่ยเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับที่ตนรู้มาทั้งหมดให้น้องสาวฟังอย่างละเอียดยิบเพราะว่ากลัวผิดพลาดแล้วหายนะจะเกิดอย่างแน่นอน ประมุขพรรคอินทรีย์เชียวนะใครบ้างไม่กลัวจะเป็นหรือตายตอนนี้อยู่ในกำมือน้องสาวของเขาแล้ว
“ผึ้งพิษหรือ?” เย่วซินเอ่ยทวนคำถาม ช่วงนี้ทำไมเจ้าผึ้งนี่มันออกอาละวาดนัก แต่ก็ดีถ้ารักษาหายอาจรู้ว่ามันเป็นของผู้ใด ชดเชยที่นางพลาดการรักษาให้ชายคนนั้น โทษกันไม่ได้นะต้องโทษท่านปู่ที่สั่งกักบริเวณนางต่างหาก แต่ที่เสียใจคือปิ่นปักผมคิดแล้วเย่วซินหน้าสลดลงทันที
“ใช่ เจ้าจะช่วยหรือไม่” เย่วฉีเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าน้องสาวมีสีหน้าสลดลงเลยไม่แน่ใจว่านางจะช่วยหรือไม่
“ได้ข้าจะช่วย พอดีข้าปรุงยาถอนพิษเอาไว้แล้ว” เย่วซินเอ่ยพร้อมกับหยิบขวดยาถอนพิษที่นางปรุงเตรียมเอาไปช่วยชายคนนั้นส่งให้พี่ชายแล้วเอ่ยต่อ “เมื่อกินยาถอนพิษไปแล้วท่านก็ฝังเข็มกระตุ้นการเต้นของหัวใจและเปิดเส้นลมปราณให้เลือดไหลเวียน จากนั้นท่านก็ให้ยาบำรุงเขาไปอีกหน่อยแล้วกัน"
เย่วฉีรับขวดยามาเก็บเอาไว้และจดจำคำพูดที่น้องสาวเอ่ยบอกแล้วถามต่อ “เรื่องรักษาพิษที่ท่านประมุขจ้าวได้รับเล่าเจ้าจะว่าอย่างไร”
“ท่านประมุขหล่อไหมข้าอยากรู้” เย่วซินเอ่ยถามอย่างสงสัยใคร่รู้
“หล่อไม่หล่อมันเกี่ยวอันใดกับการรักษา?” เย่วฉีเอ่ยถามกลับอย่างสงสัยเช่นกัน
“นั่นสิมันเกี่ยวอันใดหรือ?” จิวอิงที่นั่งฟังก็อดที่จะถามไม่ได้ว่ามันเกี่ยวข้องอันใดกัน
“ไม่เกี่ยวหรอกแค่อยากรู้ แต่ให้เดาคงหล่อเหลาน่าดูถึงได้โดนวางยาพิษราตรีวสันต์ สตรีคงอยากร่วมเตียงกับเขาจนตัวสั่นเอ๊ะ...หรือว่าลีลาเด็ดกันนะ” เย่วซินเอ่ยพูดราวกับว่าเป็นเรื่องทั่วไปของดินฟ้าอากาศ
“เจ้าเป็นสตรีพูดจาเช่นนี้ได้อย่างไรกัน ท่านแม่ได้ยินเข้าคงได้เป็นลมเป็นแน่ซินเอ๋อร์” จิวอิงเอ่ยบ่นน้องสาวทันทีที่เอ่ยเรื่องบนเตียงอย่างไม่กระดากปาก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คู่แฝดคู่ป่วน
รอนะคะ อัพต่อหน่อยค่า...